จักรวาลของ Magic the Gathering นั้น นอกจากจะมีเรื่องราวที่ยาวนานแล้ว ยังมีเรื่องของระบบเวลา โดยจะเป็นระบบเวลาของ Dominaria ที่อิงจากวันเกิด ในเรื่องราวของ Urza ผู้เป็น Planeswalker ที่ว่ากันว่า ทรงพลังที่สุด จะถูกเรียกว่า A.R. (Argivian Reckoning) 

ส่วนอีกระบบเวลา จะเป็นเวลาของ Ravnica ที่อิงจากการก่อตั้ง Guildpact ที่เป็นเสมือนกฏเกณฑ์ที่ควบคุมความเป็นไปทั้งหมดใน Plane นั้นๆ โดยถูกเรียกว่า Z.C. ซึ่งเมื่อนับมาถึงปี A.R. ปัจจบัน (ประมาณ 4500 A.R.) ปีของ Ravnica จะอยู่ที่ประมาณ 10,000 Z.C. ครับ

 

และเพื่อความเข้าใจ และความง่ายในการเล่า Timeline เราจะใช้ปี A.R. เป็นเกณฑ์ในการเล่าเรื่องต่างๆ นะครับ

 

- ยุคก่อนประวัติศาสตร์ -

-- ประมาณ 100,000 ปีก่อน A.R. --

ที่ Equilor ประชากรของดาวเริ่มมองหาหนทางสู่การตระหนักรู้… 

แต่ทว่า นี่เป็นเพียงเรื่องเล่าจากปากของ Urza เท่านั้น เพราะในตอนที่ Urza ไปถึง Plane Equilor เขาได้เพียงพูดคุย และพบกับความทรงภูมิปัญญาจากผู้อยู่อาศัยในดาวนั้น กับภูมิประเทศที่มีความแปลกตา ด้วยความเป็นเป็น “ชีวะ” ที่ดูแล้วเหมือนก้อนเนื้อ มากกว่าที่จะเป็นทุ่งหญ้าแบบที่เราคุ้นเคยกัน

 

- ยุคแห่งตำนานปรัมปรา -

-- ช่วงเวลาแห่งมังกร (ประมาณ 20,000 ปี ก่อน A.R.) --

Ur-Dragon ผู้เป็นมังกรตนแรกได้เริ่มกระพือปีกเพื่อให้กำเนิดพายุมังกร และจะมีมังกรตัวอื่นๆ ออกมาจากพายุนั้น บรรดาใข่มังกรชุดแรก ถือเป็นการให้กำเนิดเหล่า Elder Dragon มังกรที่เรียกได้ว่าทรงพลังมากที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสัมผัสมา

 

-- ประมาณ 20,000 - 17,000 ปี ก่อน A.R. --

Elder Dragon หลายๆ ตนเข้าปกครอง Dominaria และเกิดสงครามของมังกรโบราณ “Elder Dragon War” ที่ถูกปั่นจาก Nicol Bolas ที่เป็นหนึ่งใน Elder Dragon เอง

สงครามมังกรจบลงโดยเหลือ Elder Dragon ไม่กี่ตัวที่ได้รับชัยชนะ ซึ่งผู้ที่ชนะจะยังคงชื่อ และเชื้อสายของพวกมันจะยังคงมีปีก ลูกหลานจะเป็นได้ทั้งมังกร และ Drake 

ส่วน Elder Dragon ที่แพ้ ถูกถอดชื่อ และปีก กลายเป็นหนอนยักษ์ และไม่สามารถบินได้อีกต่อไปในสายตระกูลของพวกมัน

 

-- ประมาณ 15,000 ปี ก่อน A.R. --

Nicol Bolas ที่ตอนนี้เป็น Planeswalker แล้ว ได้ต่อสู้กับ Planeswalker ทรงพลังอีกตัว และทำให้เกิดรอยแยก (Rift) ที่ส่งผลให้ทั้งจักรวาลของ Magic ตกอยู่ในอันตราย

 

-- ประมาณ 5,500 ปี ก่อน A.R. --

Guildpact ได้ถูกสร้างขึ้นที่ Ravnica และหลังจากกฏของ Guildpact ได้ก่อตั้งขึ้น ก็ทำให้ความเจริญก้าวหน้ามาถึง Ravnica อย่างรวดเร็ว

 

- ยุคอารยธรรม Thran (ประมาณ 5,000 ปี ก่อน A.R.) -

ที่ Dominaria มีอาณาจักร Thran ที่เป็นอารยธรรมโบราณที่สร้างเทคโนโลยีจาก Powerstone หรือหินที่ให้พลังงานสูง 

โดยก่อนที่จะเล่าเรื่องอื่นๆ เราต้องบอกเพื่อนๆ อีกนิดนึงว่า ในยุคนี้ (เรียกรวมๆ ว่า Pre Mending) การเดินทางข้าม Plane ต่างๆ นั้น สามารถทำได้ทั้งจากการให้ Planeswalker (ที่ในยุคนี้ก็ทรงพลังมากๆ) พาไป, ใช้เครื่องมือในการเดินทางข้าม Plane หรือแม้กระทั่งเดินทางผ่านทาง Rift หรือรอยแยกมิติ

ดังนั้น บางครั้งตัวละครในยุคนี้ที่ไม่ได้เป็น Planeswalker ก็สามารถเดินทางข้าม Plane ได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรครับ

 

กลับเข้าเรื่อง เรื่องราวทั้งหมดมันเริ่มที่ปัญหาทางสุขภาพของคนในเมืองทั้งหมด โดยเริ่มมีอาการเนื้อหนังเปื่อยยุ่ย รอยแผลเสมือนโดนไฟจี้ 

Yawgmoth ผู้ที่มีความสามารถด้านการแพทย์ ได้วินิจฉัยโรคนี้ เขาเรียกมันว่า Phthisis และบอกว่ามันมาจากการได้รับรังสีจาก Powerstone แน่นอนว่าการวินิจฉัยโรคของเขา มันไม่ถูกใจชนชั้นนำ รวมกับวิธีวินิจฉัยที่วิปริตเกินมาตรฐานของ Yawgmoth เอง เสียงส่วนใหญ่ของผู้นำจึงมีมติให้ขับไล่เขาออกจากเมืองไป

 

แน่อนว่ามันก็ต้องมีเรื่องของการเมืองมาบรรจบ เพราะชนชั้นแรงงานนั้น พบผู้มีอาการของโรคนี้มากกว่าชนชั้นนำ เพราะพวกเขาแทบจะทำงานอยู่กับเครื่องมือที่ใช้ Powerstone ตลอดเวลา 

ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาจะอยู่ที่ Cave of Koilos

ชนชั้นแรงงานเริ่มก่อจราจล และชนชั้นนำระดับหัวหน้านักประดิษฐ์อย่าง Glacian ก็โดนแทงด้วยมีด Powerstone โดย Gix ผู้นำการจราจล 

และอาการของโรค Phthisis ก็ทำให้ชนชั้นนำตาสว่าง…

 

พวกชนชั้นนำไม่มีตัวเลือกอะไร นอกจากต้องตามหมอคนเดียวที่มีความรู้ด้าน Phthisis มากที่สุด…

Yawgmoth นั่นเอง

 

การเดินทางที่เร็วที่สุดก็คงหนีไม่พ้นการ Planeswalk ซึ่งในตอนนั้นก็มี Dyfed ที่เป็น Planeswalker หญิง เธอช่วยชาว Thran เพราะเธอเห็นว่า Glacian สามารถเป็น Planeswalker ได้ในอนาคต เธอจึงอยากจะช่วยชีวิตของ Glacian ด้วย

 

เมื่อ Yawgmoth มาถึง แม้ว่าเขาจะสามารถสร้างยารักษาได้ แต่กับ Glacian มันดันไม่มีผล ซึ่งนั่นก็ทำให้ Yawgmoth ยังคงได้อยู่ต่อในเมือง Thran และเขาเริ่มสร้างอำนาจของตัวเอง รวมถึงหลอกใช้ Dyfed ให้หา Plane ที่จะสามารถสร้าง “ยารักษา” (ที่ในความเป็นความจริงคือ Yawgmoth อยากจะทำห้องทดลองของตัวเองเท่านั้น) 

และความล่าช้าในการรักษา ก็ทำให้เกิดการก่อกบฏก็เกิดขึ้นที่ Thran ส่วน Yawgmoth ก็เริ่มขนย้ายคนที่เห็นด้วยกับวิธีการ “รักษา” ของเขา ให้ย้ายไปอยู่ที่ Phyrexia อันเป็น Plane ที่ Dyfed หาให้เขานั่นเอง

โดยประตูมิติระหว่าง Dominaria กับ Phyrexia นั้น ถูกเปิดขึ้นจากการดัดแปลงร่างกายและพลังของ Glacian โดย Yawgmoth เอง กับพลังของ Dyfed

 

แต่ทว่า การรักษาของ Yawgmoth แท้จริงแล้ว คือการเปลี่ยนชิ้นส่วนร่างกายให้กลายเป็นจักรกล และสร้างกองกำลังของเขาเองไว้ที่ Phyrexia ก่อนที่จะนำกองกำลังกลับไปแก้แค้นคนที่เคยไล่เขาออกจากเมืองในครั้งเก่า

เขาก่อสงครามและได้รับชัยชนะ อารยธรรม Thran ล่มสลาย แต่ตัวเขาเองก็ติดอยู่ที่ Phyrexia จากการสละชีวิต เพื่อปิดประตูมิติของ Glacian

 

- ยุคตำนานอันโดดเด่น -

-- ประมาณ 5,000 - 1,400 ปี ก่อน A.R. --

ดาบ Blackblade ถูกตีขึ้นโดย Dakkon Dominaria เพื่อแลกเปลี่ยนกับพลังในการเป็น Planeswalker จากการทำสัญญากับ Geyadrine Dihada ที่เป็น Planeswalker ปีศาจ

 

แต่ทว่า หลังจากที่ Dakkon ได้ Spark มา เขาก็ถูกหลอกให้เชื่อมวิญญาณเข้ากับคนในตระกูล Carth โดยพลังของ Dihada เอง 

ซึ่งการผูกวิญญาณเข้ากับคนธรรมดา ทำให้ Dakkon ไม่สามารถ Planeswalk ได้อีกต่อไป... ก็เปรียบเสมือนการหลอกให้ Dakkon สร้าง Blackblade และตกเป็นทาสของ Dihada แบบฟรีๆ

และ Dihada ก็ยังหลอกให้ Carth กับ Dakkon สังหาร Piru มังกรทาสที่ถูกล้างสมองของ Dihada และยังเป็น Elder Dragon อีกด้วย

หลังจากสังหาร Piru ได้ Dihada ก็มาเอาพลังของ Elder Dragon ไปเป็นของตัวเอง และหายไปจาก Dominaria

ส่วน Carth ก็เดินทางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ และก่อตั้งตระกูล Carthalions

 

-- ประมาณ 1,400 ปี ก่อน A.R. --

Sorin Markov ผู้เป็น Planeswalker และแวมไพร์ กับ Ugin ที่เป็นทั้ง Planeswalker และ Elder Dragon รวมถึง Nahiri ที่เป็น Planeswalker ผู้เป็นเผ่าพันธุ์ Kor และสามารถควบคุมหินได้ดั่งใจ ได้พบกันที่ Plane ไม่ทราบชื่อ แต่มีร่องรอยของ Eldrazi ทั้งสามจึงเริ่มวางแผนเพื่อจะหยุดภัยจาก Eldrazi

และภายหลังทั้งสาม ก็ขัง Eldrazi ไว้ที่ Zendikar ได้สำเร็จ

 

- ยุคสงครามโบราณวัตถุ -

-- ปี 0 A.R. --

Urza และ Mishra เกิดในปีนี้ โดย Urza ผู้เป็นพี่ เกิดวันแรกของปี ส่วน Mishra เกิดวันสุดท้ายของปี

 

-- ปี 20 - 63 A.R. --

--- ยุคสงครามพี่น้อง ---

ทั้ง Urza และ Mishra ได้เจอกับประตูมิติที่ Cave of Koilos อันเป็นประตูมิติเก่าที่เชื่อมต่อ Phyrexia กับ Dominaria ในสมัยอารยธรรม Thran และทั้งคู่ยังได้พบกับ Powerstone อันเก่า

แต่ทั้งคู่ก็แย่งกัน จนมันแตก และแยกเป็นสองชิ้นส่วน อุบัติเหตุนั้นทำให้เกิดการระเบิด และทั้งคู่ก็แยกทางกันไป 

โดย Mishra ผู้น้อง ได้ Weakstone ก่อนที่จะเดินทางสู่ทะเลทราย และกลายเป็นโจรสลัด 

ส่วน Urza ได้ Mightstone ก่อนที่จะเดินทางกลับเข้าเมือง และเรียนรู้เรื่องราวของสิ่งประดิษฐ์ต่อไป

ทั้งคู่ยังคงถูกยุยงให้ทะเลาะกัน โดยสายลับของ Phyrexian ที่ยังหลงเหลืออยู่ที่ Dominaria และทำให้ทั้งคู่ต้องเข้าต่อสู่กัน เพื่อแย่งชิงหิน Powerstone ของอีกฝ่าย

โดนทางด้านของ Mishra ผู้เป็นน้อง ได้ยอมรับการเปลี่ยนแปลงร่างกาย และกลายเป็น Phyrexian เต็มตัว

สงครามจบลงที่ Urza ใช้สิ่งประดิษฐ์ทรงพลังที่ชื่อว่า Golgothian Sylex ทำให้เกิดคลื่นจากการระเบิดอย่างรุนแรงไปทั้ง Dominaria 

มันทำให้เขา Spark กลายเป็น Planeswalker และยังทำให้ทั้ง Dominaria เข้าสู่ยุคน้ำแข็ง รวมถึงการเริ่มเกิดม่านผลึกป้องกันพลัง ที่ทำให้ไม่สามารถ Planeswalk เข้าออก Plane บาง plane ได้

 

- ยุคน้ำแข็ง และยุคมืด -

-- ช่วงก่อนปี 600 A.R. --

Taysir ได้กำเนิดที่ Rabiah ในช่วงที่เรียกว่า Thousandfold Refraction of Rabiah ที่ตัว Plane เองจะเกิดภาพสะท้อน 1,000 ครั้ง และส่งผลให้มี Taysir 5คน โดยแต่ละคนจะมีมานาประจำตัวแต่ละสี ก่อนที่ทั้งหมดจะรวมกันเป็น 1 และกลายเป็น Planeswalker ที่ว่ากันว่า มีพลังเทียบเท่า Urza ได้เลยทีเดียว

 

-- ช่วงก่อนปี 170 A.R. --

มีการเปิดประตูมิติระหว่าง Phyrexia กับ Dominaria อีกครั้ง

 

-- ปี 413 - 430 A.R. --

Jodah ผู้เป็นมหาจอมเวทย์ของ Tolaria ได้ถือกำเนิดขึ้น ในช่วงนี้ เขาได้รับพลังความอมตะจากน้ำพุแห่งความเยาว์วัย และได้ปลดปล่อยโรงเรียนผู้ใช้เวทย์ของ Dominaria จากการครอบงำของจอมเวทย์มนต์ดำ ที่เข้ามาปลอมตัวเป็นผู้ดูแลโรงเรียนได้สำเร็จ

 

-- ปี 600 A.R. --

ผลึกจากการระเบิดของ Golgothian Sylex แสดงผลอย่างเต็มที่ ทำให้ Planeswalker ไม่สามารถเดินทางข้าม Plane บาง plane ด้วยตัวเองได้อีกต่อไป

 

-- ปี 1,800 - 2,500 A.R. --

Urza ได้พบกับ Xantcha ที่เป็นหุ่นยนต์สายลับของ Phyrexian (ถ้านึกภาพไม่ออก ให้นึกถึง Terminator ได้เลยครับ หุ่นยนต์ที่มีรูปร่างเหมือนคนจนแยกไม่ออก) โดยจะถูกเรียกว่า Sleeper Agent แต่ระบบภายในของเธอขัดข้อง ทำให้เธอไมทำตามคำสั่งของ Yawgmoth และเลือกที่จะเดินทางไปกับ Urza

ทางด้าน Urza เองต้องการที่จะทำลาย Phyrexian เนื่องจากน้องของเขา Mishra ได้กลายเป็นจักรกลไปเพราะอารยธรรมนี้ 

แต่เขาก็ล้มเหลว และ Yawgmoth ที่ตอนนี้เป็นเหมือนพระเจ้าของ Phyrexian ก็ทำลายจิตของ Urza ทำให้เขากลายเป็นบ้าไป

Xantcha ก็พา Urza ไปรักษาที่ Serra’s Realm… แม้ Urza จะอาการดีขึ้น แต่มันกลับทิ้งเบาะแสให้ Phyrexian ตนอื่นๆ ตามไปที่ Serra’s Realm

 

-- ปี 2,900 A.R. --

Planeswalker หลายๆ คน เริ่มวางแผนที่จะทำลายผลึกที่ผนึกความสามารถในการ Planeswalk แต่เมื่อมารวมตัวกัน ก็เกิดความขัดแย้ง

อย่างไรก็ดี  Freyalise และ Kristina ได้ร่ายเวทย์มนต์ที่ชื่อ World Spell ที่จะทำให้ “โลกกลับมาเป็นอย่างที่เคยเป็น” เวทย์มนต์นี้ทำให้ผลึกถูกทำลาย รวมถึงอุณหภูมิกลับมาเป็นปกติอย่างกระทันหัน ทำให้เกิดน้ำท่วมทั้ง Dominaria

 

หลังจากช่วงที่น้ำท่วมหลายๆ เมืองใน Dominaria ก็มีเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้น แต่เหตุการณ์ที่สำคัญจะไปเริ่มที่ปี 3,179 A.R. ที่เป็นปีที่ Azor ผู้ก่อตั้งกิลด์ Azorius ใน Plane Ravnica วางแผนกับ Ugin ผู้เป็น Elder Dragon ฝาแฝดกับ Nicol Bolas เพื่อที่จะกำจัด Nicol Bolas

 

-- ปี 3,200 A.R. --

เกิดสงครามที่ Plane Ulgrotha ที่จบลงด้วยการใช้วัตถุทรงพลัง และทำให้เกราะป้องกันระหว่าง Dominaria กับ Kamigawa ลดลง (ซึ่ง… จริงๆ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกัน แค่จะเล่าถึง Kamigawa เฉยๆ ครับ)

 

-- ปี 3,200 - 3,300 A.R. --

ไดเมียว หรือผู้นำ Kondo ได้เกิดความต้องการอะไรแปลกๆ เขาจัดการขโมยวิญญาณของ Kami หรือ วิญญาณชั้นสูง เพื่อนำมาขังไว้ ในวันเกิดของลูกสาวของเขา

ผลทำให้ Kondo ไม่แก่อีกต่อไป แต่ก็เหมือนจะทำให้เขาเป็นบ้าไปด้วย และวิญญาณที่เขาขโมยมา คือส่วนหนึ่งของ O-Kagachi ที่เป็นมหาวิญญาณทรงพลัง ซึ่งมันต้องการวิญญาณของมันคืน ทำให้เกิด Kami War ซึ่งเป็นสงครามระหว่างโลกของจิตวิญญาณกับโลของมนุษย์

ในภายหลังลูกสาวของ Kondo ต้องการจะจบความวุ่นวายนี้ เธอได้ปลดปล่อยวิญญาณ และให้ชื่อกับมันว่า Kyodai ทั้งคู่ยังได้ร่วมมือกับ Toshiro Umezawa และจบเรื่องราวทั้งหมดได้

แต่ต่อมาตระกูล Umezawa ก็ถูก Kami อีกตนส่งไปที่ Dominria และเริ่มต้นสายตระกูลที่ Dominaria ต่อไป

 

- ประวัติศาสตร์ยุคใหม่ -

-- ปี 3,285 A.R. --

Sarkhan Vol ย้อนเวลาไปแก้ผลของศึกระหว่าง Ugin และ Nicol Bolas ที่ Plane Tarkir ในช่วงปีนี้

ส่วน Azor ที่ไปถึงที่ Ixalan ก็ไม่สามารถติดต่อกับ Ugin ได้ (เพราะ Ugin ตายไปแล้ว) และเสียพลัง Spark พร้อมกับติดอยู่ที่นี่

 

-- ปี 3,300 A.R. --

ที่ Dominaria พวก Phyrexian บุกเข้าโจมตี Tolarian จากการที่ทิ้ง Sleeper Agent จำนวนมากไว้เรื่อยๆ และทำลาย Tolarian ได้สำเร็จ

Karn หุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดย Urza เพื่อใช้กับเครื่องเดินทางข้ามเวลา ได้ย้อนเวลาไปเพื่อป้องกันเหตุ แต่เกิดความผิดพลาด ทำให้เครื่องย้อนเวลาเกิดการระเบิด เกิดรอยแยกทางมิติเวลากระขายไปทั้งเกาะ Tolarian 

 

-- ปี 3,346 A.R. --

Urza ได้พบกับเครื่องมือผลิตพลังงานของอารยธรรม Thran และคิดจะนำมาใช้สร้างอาวุธ เขาเริ่มโปรเจค Legacy และ Bloodline ไปพร้อมๆ กัน

 

-- ปี 3,360 A.R. --

Urza กลับไปที่ Serra’s Realm และต้องปะทะกับ Radiant นางฟ้าที่เป็นผู้นำของ Plane Serra ที่ตอนนี้โดน Phyrexian ครอบงำไปเกือบทั้ง Plane แล้ว

Urza และทีมสามารถเอาชนะ Radiant ไปได้ และทำให้ทั้ง Plane พังทลายลง โดยพลังงานทั้งหมดถูกเก็บไว้ในยานบินข้าม Plane อันเป็นหนึ่งใน Legacy Project ของ Urza ที่ชื่อว่า Weatherlight

 

-- ปี 3,385 - 3,571 A.R. --

Bloodline Project ของ Urza ได้เริ่มต้นขึ้น มันคือการดัดแปลงและตัดต่อพันธุกรรมของตระกูลดั้งเดิมใน Dominaria เพื่อให้เกิดสุดยอดมนุษย์ เอาไว้ต่อกรกับ Phyrexian โดยเฉพาะ

ส่วนทาง Phyrexian นั้นก็สร้างดาวที่ชื่อว่า Rath ไว้เพื่อเป็นอาวูธในการบุก Dominaria 

 

อีกด้านที่ Innistrad, Sorin สร้าง Avacyn เพื่อเป็นนางฟ้าผู้พิทักษ์ Innistrad พร้อมๆ กับ Helvault ที่ทำหน้าที่เป็นคุกสำหรับกักขังทุกสิ่ง

 

-- ปี 3,655 - 3,863 A.R. --

Bloodline Project ได้ตระกูล Capashen เข้าร่วม แต่ในขณะเดียวกัน ทาง Phyrexian ก็รู้ถึงการมีอยู่ของ Bloodline Project พวกมันจึงเริ่มโจมตี Dominaria ก่อน เพื่อขัดขวาง และทำลายโปรเจคนี้

 

-- ปี 4,204 --

Volrath ที่เป็นหัวหน้าฝ่าย Phyrexian ของดาว Rath ได้ลักพาตัว Sisay ที่เป็นสมาชิกของทีม Weatherlight ทำให้ทุกคนในทีมบุกไปช่วยเธอ

Sisay ปลอดภัย แต่ต้องแลกกับการเสีย Crovax ที่ถูกสาปให้กระหายเลือด เขายังสังหาร Mirri สมาชิกอีกคนด้วย ส่วน Ertai สมาชิกสายเวทย์มนต์ ก็ทิ้ง Weatherlight ไปอีกคน

 

- การรุกรานของ Phyrexian (ปี 4,205 - 4,306 A.R.) -

-- ปี 4,205 A.R. --

ดาว Rath ของ Phyrexian ที่เคยพูดถึงไปว่า ฝ่าย Phyrexian จะเอามาทำเป็นอาวุธ มันคือการเอาดาวทั้งด้วย มาครอบทับ Dominaria โดยแผนนี้ชื่อว่า Rathi Overlay และมันจะทำให้กองกำลังทั้งหมดของ Phyrexian สามารถเข้าถึง Dominaria ได้โดยไม่ต้องเดินทางข้ามประตูมิติ

สงครามเกิดขึ้นทุกหนแห่ง Urza จัดตั้งทีม Nine Titan ที่เป็นทีมที่รวม Planeswalker ที่ทรงพลังที่สุด เอาไปขับหุ่นยักษ์ที่เรียกวา Titan Engine ทั้งหมด 9 ชีวิต เพื่อทำหน้าที่ในการข้ามไปยังดาว Phyrexia และจัดการระเบิดดาวทิ้งซะ ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า Soul Bomb

 

แม้จะมีปัญหาติดขัดอยู่บ้าง แต่ก็สามารถทำลาย Phyrexia ไปได้หลายส่วนแล้ว 

แต่ทว่า การมาเยือนดาว Phyrexia ที่เป็นดาวที่สร้างจากสิ่งสังเคราะห์ทั้งหมด ทำให้ Urza ประทับใจกับวิทยาการอันล้ำหน้า จนไม่อยากจะทำลายแหล่งความรู้อันทรงคุณค่านี้ทิ้ง 

Urza เลือกที่จะยอมสวามิภักดิ์ต่อ Yawgmoth เพื่อเข้าถึงองค์ความรู้ระดับ “เทพเจ้า” ของ Yawgmoth

ตอนนี้ Dominaria ได้เสียผู้ปกป้อง plane ไปแล้ว

 

Gerrard Capashen บุคคลที่เรียกได้ว่าเป็น “สุดยอด” อาวุธจากโครงการ Bloodline ของ Urza ซึ่งโดนจับตัวไปอยู่ที่ Phyrexia ก่อนหน้านั้น เขาถูกปั่นหัวจากการสูญเสียคนรักไป และได้รับสัญญาจาก Yawgmoth กับการนำคนรักกลับมา ก็เพียงพอที่จะทำให้เขายอมทำงานให้ Phyrexian

 

แต่ Urza ที่ยังไม่ได้รับความไว้วางใจจาก Yawgmoth ต้องเข้าสู่สนามประลองกับ Gerrard เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ส่วน Gerrard ก็ต้องเอาชนะ Urza เพื่อให้ Yawgmoth ฟื้นชีวิตคนรักของเขาขึ้นมา

 

และสุดท้ายก็เป็น Gerrard ที่บั่นคอของ Urza จนขาดกระเด็น… แต่ทว่า คนรักที่ Yawgmoth นำมาให้เขานั้น กลับเป็นเพียงร่างจำลองเหมือนๆ กับพวก Sleeper Agent เธอมีเพียงแค่ภายนอกที่เหมือนกับคนรักของเขา แต่เธอไม่มีความทรงจำใดๆ อีกเลย

Gerrard จะแก้แค้นคำหลอกลวงของ Yawgmoth แต่เขาก็ไม่สามารถต่อกรกับพระเจ้าได้ เขาถูกส่งไปที่อื่น ก่อนที่ยาน Weatherlight จะกลับมารับเขากลับไปอีกครั้ง…

 

กระนั้น ภาพรวมของสงคราม กลับส่งเค้าลางความพ่ายแพ้ของ Phyrexian ให้เห็น 

Yawgmoth จึงเปลี่ยนตัวเองเป็นหมอกพิษ แล้วเข้าโจมตี Dominaria เพื่อหวังให้ประชากรทั้งหมดตาย และทำให้ศึกครั้งนี้จบลงด้วยชัยชนะของเขา

 

ทางด้าน Gerrard เอง เขาได้ยินเสียงออกจากหัวของ Urza ที่เขาถืออยู่ในมือ

Urza ยังไม่ตาย! เขาบอกกับ Gerrard ถึงอาวุธสุดยอด ที่มันชื่อว่า Legacy และเขาสร้างมันเพื่อจัดการกับ Yawgmoth โดยเฉพาะ...

เพียงแต่มัน ต้องแลกมาด้วยความสูญเสีย มันเป็นอาวุธที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล มันต้องใช้สิ่งประดิษฐ์ที่ Urza รวบรวมไว้เรียบร้อยแล้ว 

กับ Mightstone+Weakstone… ที่ตอนนี้ Urza ฝังมันไว้แทนดวงตาของตัวเอง

ร่างกายของ Karn

ตัวยาน Weatherlight

และสุดท้าย… ร่างและชีวิตของ Gerrard ที่เป็น Bloodline Project

 

ไม่มีทางเลือกอื่น Gerrard สละชีวิตของเขาเพื่อใช้ Leagacy Weapon โจมตี Yawgmoth และชัยชนะก็ตกเป็นของชาว Dominaria… 

ความสูญเสียผู้สร้าง และเพื่อนในสงครามครั้งนี้ ทำให้ Karn ได้ Spark และกลายเป็น Planewalker

 

-- ปี 4305 A.R. --

หลังจากสงครามจบลง ภายใน Dominaria เองก็ยังมีความวุ่นวายจากพวก Cabal ที่เป็นพวกคลั่งศาสนานับถือความตาย โดยพวกเขาได้พบกับสิ่งประดิษฐ์ที่มีชื่อว่า Mirari

ซึ่ง Mirari นั้น เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่จะนำไปต่อยอดเป็นดาวสังเคราะห์ จากความตั้งใจของ Karn

แต่ทว่ามันเกิดความผิดพลาดบางอย่าง ทำให้ Karn ต้องเอานำมันไปเก็บซ่อนไว้ก่อน

สิ่งที่ Mirari ทำได้ คือการให้ผู้มองมัน เห็นภาพสะท้อนความคาดหวังของผู้มอง และสามารถให้สิ่งที่ปราถนาได้ แต่ก็มักจะแลกมาด้วยความตายของผู้ร้องขออยู่ร่ำไป

แต่ละคนที่พบเจอ Mirari จึงแย่งชิงกัน และรวมกับการกลับมาของ Karona ที่เคยเป็นเทพยดาแห่งความลวง ที่กลับมาพร้อมกับความต้องการจะยึดพื้นที่ ที่มี Mirari อยู่ 

แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะวุ่นวายไปมากกว่านี้ Karn ก็กลับมาจัดการเรื่องต่างๆ และนำ Mirari ออกไปจาก Dominaria และดัดแปลงมันให้กลายเป็น Memnarch เพื่อใช้ในการปกครอง Argentum… ดาวดวงใหม่ที่ Karn ตั้งใจจะสร้างมาแทน Phyrexia โดยเฉพาะ

 

 

- ยุครอยแยกมิติ (ปี 4,306 - 4,500 A.R.) -

 

 

-- ปี 4,306 A.R. --

ร่องรอยจากสงคราม Phyrexian นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ความเสียหายทางสงคราม แต่มันยังหลงเหลือน้ำมันที่เรียกว่า Glistenning Oil และส่วนหนึ่งมันติดอยู่กับหัวใจของ Karn

 

แม้ว่า Karn จะได้เดินทางไปที่ Argentum พร้อมกับ Memnarch แต่เขาจำเป็นที่จะต้องทิ้ง Memnarch ไว้ที่นี่ เพื่อไปดูแลลูกศิษย์คนใหม่ ที่พึ่งเป็น Planeswalker

Glistenning Oil ที่ติดอยู่กับ Karn หลุดลงไปในดาว Argentum แถมยังไปติดกับ Memnarch อีกด้วย

ผลของมันทำให้ Memnarch เสียสติ และเริ่มทำให้ Argentum กลายเป็นดาวของตัวเอง มันเปลี่ยนชื่อดาวเป็น Mirrodin 

นอกจากนี้ความหมกหมุ่นในการเป็น Planewalker ของ Memnarch ก็มากขึ้นเรื่อยๆ มันเริ่มจับสิ่งมีชีวิตจากทุกๆ ที่มากักขังเพื่อคาดหวังจะทำการทดลอง และนำ Spark มาเป็นของตัวเอง

แต่ทว่า แผนของ Memnarch ก็ไม่สำเร็จ และจบลงที่ Karn กลับมาถอดร่างทั้งหมดของ Memnarch กลับไปเป็น Mirari และ Karn ก็ทิ้งผู้ที่เขาไว้ใจได้ ให้คอยดูแล Mirrodin แทนเขา

 

-- ปี 4,485 A.R. --

ที่ Ravnica นั้น ได้มีเทศกาลเฉลิมฉลองครบรอบ 10,000 ปีของ Guildpact แต่ทว่า Szadek ได้โจมตีและล้มเทศกาลนี้ เพื่อยึดทั้ง Ravnica เป็นของเขา แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนของ Guild Dimir ที่ถือว่าจะต้องไม่มีตัวตนใน Guildpact

แต่ไม่ว่าจะเลือกให้ Szadeck ยึด Ravnica หรือให้ Szadeck โดนจับ มันก็ขัดต่อ Guildpact ทั้งสองทาง จึงทำให้ Guildpact ถูกทำลายลง

ซึ่ง Szadek ทำไม่สำเร็จ และโดนคนของ Guild Boros จับได้ Szadeck จึงโดนจองจำตลอดกาล แม้กระทั่งร่างวิญญาณก็ไม่สามารถพ้นโทษนี้ไปได้

 

- ยุคกลับสู่ธรรมชาติ หลัง The Great Mending -

 

 

-- ปี 4,500 A.R. --

ในตอนนี้ ผลกระทบจากสงครามต่างๆ ที่ผ่านมาใน Dominaria เริ่มส่งผลให้รอยแยกต่างๆ เริ่มส่งผลกระทบต่อมานา และความเป็นจริงใน Dominaria

บรรดา Planeswalker จึงเลือกที่จะหาวิธีปิดรอยแยกต่างๆ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการสละพลัง Spark บ้าง หรือพลังชีวิตบ้าง แต่สุดท้ายรอยแยกต่างๆ ก็ถูกปิดลง…

 

แต่ทว่า การปิดรอยแยกต่างๆ กลับส่งผลกระทบมากกว่าที่หลายๆ คนคาดคิด เพราะการกลับสู่สภาวะ “ปกติ” อย่างกระทันหัน มันส่งผลกระทบกับทั้งจักรวาล เนื่องจาก Dominaria นั้นเชื่อว่าเป็น Plane ที่เปรียบเสทือนศูนย์กลางแหล่งเชื่อมโยงพลังงานจาก Plane อื่นๆ 

ดังนั้น การเกิด Great Mending ที่ Dominaria ที่ทำให้ธรรมชาติซ่อมแซมตัวเอง ก็ส่งผลให้ Plane อื่นๆ ดึงพลังกลับไปเป็นของตัวเอง รวมถึงพลังที่ Planeswalker เคยครอบครองมันด้วย

ในตอนนี้ Planeswalker ที่มีพลัง และความสามารถราวกับพระเจ้า ก็กลายเป็นเพียงจอมเวทย์ที่เก่งกาจในวิถีของตนเอง และสามารถเดินทางข้าม Plane ได้เท่านั้น

 

ซึ่งในช่วงนี้ ดาวต่างก็มีเหตุการณ์ที่น่าสนใจคือ ส่วนของคุกขังวิญญาณใน Ravnica ได้หายไปบางส่วน และวิญญาณจะสามารถเดินทางข้ามไปมาผ่านทางเส้นทางพลังงานเท่านั้น ซึ่งเป็นผลกระทบของ Mending

 

ที่ Kaladesh มีการสกัด Aether มาเป็นพลังงานหลักของดาวได้สำเร็จ และทำให้เกิดความเจริญของ Plane อย่างก้าวกระโดด

 

ที่ Amonkhet ก่อนจะเกิด Mending, Nicol Bolas ได้สร้างหลักฐานของการเป็นเทพเจ้าระดับ God-Pharoah ที่ Plane นี้

 

-- ปี 4,520 A.R. --

ที่ Lorwyn อันเป็น Plane ที่มีจุดเด่นคือช่วงเวลากลางวัน และกลางคืนของ Plane นั้น มีระยะเวลาห่างกันถึง 300 ปี โดยจะสลับกลางวันและกลางคืนเมื่อเกิดเหตุการณ์ชื่อ Great Aurora

Great Aurora เอง ก็มาจากราชินีของเหล่า Faeries อย่าง Oona ที่ได้บิดเบือนสภาวะการหมุนเวียนของกลางวันกลางคืนใหม่ โดยดึงให้ช่วงเวลากลางคืนยาวนานขึ้น และช่วงเวลาแห่งแสงลดน้อยลง เนื่องจากเธอจะอยู่ในอำนาจจากการที่ Plane Lorwyn เป็นช่วงเวลากลางคืน

แต่การเกิด Great Mending นั้น ทำให้ Great Aurora มาถึงเร็วเกินไป และ Oona ก็เป็นกังวล ว่านี่อาจจะทำให้เธอต้องสูญเสียการควบคุม Great Aurora ไป เธอจึงวางแผนต่างๆ แต่แผนเหล่านั้นก็ล่มไม่เป็นท่า และจบเหตุการณ์ของ Lorwyn ที่ช่วงเวลากลางวัน และกลางคืนกลับมาเป็นปกติ พร้อมกับการหายไปของปรากฏการณ์ Great Aurora ตลอดกาล

 

ในช่วงนี้ Nissa Revane พึ่งได้รับ Spark และ Planeswalk มาถึง Lorwyn ในตอนกลางวัน ก่อนที่จะเกิด Great Aurora และเธอจึงได้พบว่าดาวแห่งนี้มีความน่าสนใจจากการเปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นกลางคืน รวมถึงมานาสีดำ ที่เข้ามากระทบทั้ง Plane แต่ก่อนที่เธอจะได้ศึกษาอะไร เธอก็พบวิธีที่จะ Planeswalk กลับไปที่ Zendikar อันเป็นบ้านเกิดของเธอ และเธอก็คิดว่า การกลับไปที่บ้านเกิดน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

 

-- ปี 4,543 A.R. --

ที่ Plane Eldraine, Algenus Kenrith และ Linden (Kenrith) ได้ทำภารกิจสู่การปกครองเมือง Ardenvale สำเร็จแล้ว และเป็นช่วงที่ Will กับ Rowan ได้กำเนิดขึ้นมา

 

-- ปี 4,545 A.R. --

Tezzeret เข้าควบคุมองค์กร Infinite Consortium ที่เคยเป็นของ Nicol Bolas ด้วยการเปลี่ยนคนของตนเองเข้าไปแทนที่ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาในภายหลัง

 

-- ปี 4,548 A.R. --

ที่ Kaladesh เจ้าหน้าที่ของรัฐบาล ที่มีชื่อว่า Baral ได้วางแผนเผาหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เพื่อโยนความผิดให้กับ Chandra Nalaar ที่เป็น Pyromancer ในวัยเด็ก เพราะถือเป็นเรื่องผิดกฏหมายที่จะมี “พลังงานฟรี” นอกเหนือไปจาก Aether ที่ทางรัฐเป็นผู้จัดสรรใช้งาน

 

 

-- ปี 4,554 A.R. --

ที่ Alara อันเป็น Plane ที่มีเศษเสี้ยวของตัวดาว Alara เอง แยกกันอยู่ และมี Leyline หรือเส้นพลังมานาที่แตกต่างกันในแต่ละส่วนของดวงดาว

Elspeth Tirel มาถึงที่ส่วนของ Bant อันเป็นส่วนที่มานาสีขาว ฟ้า เขียว และเป็นส่วนที่มีความเป็นระบบระเบียบในการปกครอง การต่อสู้อย่างมีเกียรติ์ และมีอัศวิน เธอมาที่นี่เพื่อที่จะฝึกเป็นอัศวิน 

Sarkhan Vol ผู้ที่เป็น Shaman หรือหมอผี ผู้ที่สามารถสื่สารกับมังกรได้ และกำลังตามหา “มหามังกร” เพื่อถวายตัวรับใช้ และศึกษาพลัง ได้มาถึงที่ Jund อันเป็นส่วนที่อุดมไปด้วยมังกร

ทั้งคู่ได้มาที่นี่ก่อนเหตุการณ์ Conflux ที่ Nicol Bolas จะรวมเศษเสี้ยวดาวเข้าด้วยกัน เพื่อดูดพลังมานาทั้งหมดของดาวเข้าเป็นของตัวเอง

 

ขณะเดียวกัน ที่ Ravnica ตัวของ Jace Beleren ได้เข้าเป็นลูกจ้างของ Tezzeret ในองค์กร Infinite Consortium

 

-- ปี 4,556 A.R. --

ที่ Alara เหตุการณ์ Conflux เริ่มเกิดขึ้น Ajani Goldmane และทีมสามารถขับไล่ Nicol Bolas ไปได้ ก่อนที่ Bolas จะได้พลังทั้งหมดของ Alara

Sarkhan Vol ถูกล้างสมอง และกลายเป็นทาสของ Nicol Bolas ส่วน Elspeth Tirel ก็ไปอยู่ที่ Dominaria หลังจบเรื่อง

 

ที่ Ravnica, Jace Beleren ได้รับความช่วยเหลือ (?) จาก Liliana Vess ที่เคยทำงานกับ Infinite Consortium ในการหนีออกจากการควบคุมของ Tezzeret

ทั้งคู่เอาชนะ Tezzeret ไปได้ ส่วน Nicol Bolas มาเอาร่างที่เสียสติของ Tezzeret ไปรักษา

 

-- ปี 4,557 A.R. --

ที่ Shandala, Liliana Vess ได้ Chain Veil วัตถุทรงพลังที่จะให้พลังมหาศาลแก่ผู้ใช้ โดยแลกกับการกลายเป็นปีศาจ หรือเสียชีวิต แต่ระหว่างทาง เธอได้ปะทะกับ Garruk Wildspeaker และใช้พลังของ Chain Veil จนทำให้ Garruk ถูกสาป

และ เหตุการณ์นั้น ทำให้ Liliana รู้ว่าเธอสามารถควบคุมพลังของ Chain Veil ได้ เธอจึงเลือกที่จะใช้พลังของมันไป “ล้างหนี้”

 

ที่ Zendikar ทั้ง Chandra Nalaar, Jace Beleren, Sarkhan Vol ได้มาพบกันที่นี่ โดยไม่ได้นัดหมาย (แต่มีการดักรอ อิอิ) และการปะทะทำให้ไปปิดการทำงานของหินดูดพลังที่ชื่อว่า Hedron ที่วิหาร Eye of Ugin โดยไม่ได้ตั้งใจ

 

ที่ Meditation Realm ซึ่งเป็น Plane ลับ ไว้ใช้พักฟื้นของ Nicol Bolas และ Ugin ในตอนนี้ Tezzeret ได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ และต้องใช้หนี้ชีวิตของเขา Tezzeret จึงกลายเป็นลูกน้องของ Nicol Bolas ไปอีกคน

 

ที่ Mirrodin ที่ตอนนี้กลายเป็น New Phyrexia ไปเรียบร้อยจากการปนเปื้อนของ Glistening Oil ซึ่งเกือบจะต้องจบลงด้วยการตายของ Karn แต่เพื่อนๆ ของเขาก็เข้ามาช่วยไว้ได้

Karn ได้ทิ้งเครื่องมือกำจัด Glistening Oil ไว้ที่ Mirrodin (New Phyrexia) ส่วนตัวเขาออกตามแก้ปัญหาที่ Plane อื่นๆ ที่เขาเคยไป

 

-- ปี 4,558 A.R. --

Eldrazi ปรากฏตัวที่ Zendikar อีกครั้ง จากการผิดพลาดของ Nissa Revane ที่ไปทำลาย Hedron 

ส่วน Gideon Jura ที่อยู่ที่นี่พอดี เริ่มตามหาเพื่อร่วมทีม เพื่อต่อต้าน และป้องกันการบุกรุกของ Eldrazi

 

-- ปี 4,559 A.R. --

ที่ Ravnica, Jace Beleren ได้กลายเป็น Guildpact ใหม่

 

ที่ New Phyrexia แม้ว่าจะมีเครื่องมือกำจัด Glistening Oil แต่ทว่า อำนาจของเหล่าเครื่องจักรที่ยึดครอง New Phyrexia นั้นมีมากเกินไป ทั้งปริมาณ และการปนเปื้อนในดวงดาว ทำให้ Koth เป็นอีกหนึ่ง Planeswalker ต้องใช้ระเบิดเพื่อทำลายผู้นำฝ่ายจัรกล ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ชะตากรรมของดาวครับ

 

ที่ Theros อันเป็น Plane แห่งความเชื่อและเทพผู้สูงศักดิ์ Elspeth Tirel ที่หนีจากการระเบิดของ New Phyrexia ได้มาถึงที่นี่

เป็นช่วงประจวบเหมาะกับเหตุการณ์วุ่นวายภายใน และทำให้เธอต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามของเหล่าทวยเทพ

 

ที่ Tarkir ซึ่งจะมี 2 Timeline นะครับ (เกิดจากการย้อนเวลาของ Sarkhan Vol) เราจะเล่าแค่ Time Line ปัจจุบัน เพื่อไม่ให้งงเกินไป

Sorin Markov มาที่นี่ เพื่อไปหา Ugin ที่ผนึกวิญญาณตัวเองอยู่ในหิน และร้องขอให้เขาช่วยจัดการปัญหาของ Eldrazi แต่ Ugin กลับให้เขาไปตามหา Nahiri แทน

Sarkhan Vol ที่เดินทางกลับมาจากอดีตในช่วงนี้ พบว่าการย้อนเวลาของเขา ทำให้เผ่าต่างๆ ใน Tarkir ถูกปกครองโดยมังกร และเขาก็ไปหา Ugin เพื่ออธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ Ugin ฟัง

 

ที่ Zendikar ทางด้าน Gideon ได้รวบรวมพรรคพวกเข้ามาในทีม และสามารถจัดการกับปัญหา Eldrazi ได้สำเร็จ ก่อนที่จะตกลงตั้งเป็นทีม Gatewatch เพื่อช่วยกันปกป้อง Multiverse จากภัยระดับจักรวาล

 

 

 

-- ปี 4,560 A.R. --

 

ที่ Eldraine ทางด้าน Garruk Wildspeaker ที่ตามล่า Liliana ไปเจอกับ Oko และโดนสะกดจิตจนตกเป็นทาสของ Oko

 

ที่ Innistrad ตอนนี้ Nahiri หลุดออกมาจากที่คุมขังได้แล้ว และเธอสร้างเส้นทางมานาใหม่ เพื่อหลอกล่อให้ Emrakul อีกหนึ่ง Eldrazi Titan มาปรากฏตัวที่นี่ อันเป็นการแก้แค้นต่อ Sorin เมื่อครั้งที่เขาจับเธอไปขังจากความเข้าใจผิดกัน

ทีม Gatewatch มาถึง และได้รับการช่วยเหลือจาก Liliana… แม้ว่าความเห็นในทีมจะไม่ลงรอยกัน แต่ Liliana ก็ได้เป็นสมาชิกในทีม Gatewatch อีกคน

 

ที่ Kaladesh ตัวของ Liliana พบว่า Tezzeret ยังมีชีวิตอยู่ และจากการปั่นหัวให้ Chandra กลับมาแก้แค้นที่บ้านเกิดของเธอ ทำให้เธอสามารถดึงสมาชิก Gatewatch ที่เหลือ เข้ามาแก้ปัญหาที่ Kaladesh แลเพิ่มความไว้วางใจให้กับเธอ

ที่นี่ ทีม Gatewatch ยังได้พบกับ Ajani Goldmane และเขาก็ยินดีเข้าร่วมกับ Gatewatch

 

หลังจากเหตุการณ์ที่ Kaladesh หลักฐานต่างๆ ชี้ชวนให้ทีม Gatewatch ไปจัดการกับศัตรูที่เป็นตัวร้ายที่สุด ของที่สุด Nicol Bolas โดยมันอยู่ที่ Amonkhet

แต่ทว่า พลังของพวกเขาไม่สามารถต่อกรกับมังกรอายุนับหมื่นปีตัวนี้ได้ สมาชิกแต่ละคนถูกจัดการในรูปแบบที่ชวนให้ขายหน้า แต่มีเพียง Jace คนเดียว ที่เสียสติ และไม่ได้ไปที่จุดนัดพบอย่าง Dominaria แต่เขากลับ Planeswalke ไปที่ Ixalan แทน

 

ที่ Dominaria สมาชิกทีม Gatewatch ไม่พอใจเป้าหมายแฝงของ Liliana เป็นอย่างมาก จนทำให้ Nissa ออกจากทีมไป แต่ก็ยังเหลือ Gideon ที่พร้อมจะเดินทางไปกับ Liliana เพื่อทำภารกิจของ Liliana ให้สำเร็จ

 

ที่ Ixalan นอกจาก Jace จะได้เจอกับ “คนรู้จัก” แล้ว เขาก็ได้รู้ภารกิจของ Nicol Bolas รวมถึงอุปกรณ์อย่าง Immortal Sun ที่อยู่ที่ Ixalan เขาจึงเลือกจะกลับไปรวมทีม และเตรียมตั้งรับ Nicol Bolas ที่ Ravnica

 

แต่ที่ Ravnica นั้น Nicol Bolas ก็ได้วางแผนไว้ภายในแล้ว หลายๆ Guild ถูกแทรกแซงจากคนของ Bolas เอง

 

 

-- ปี 4,561 A.R. --

ที่ Ravnica มหาสงครามได้เกิดขึ้น โดยการดึง Planewalker จากทั่วทุกสารทิศ มาเพื่อเป็นเหยื่อ และเชื้อพลังให้กับ Nicol Bolas ในการเอาพลัง Spark มาเป็นของตัวเอง ความพ่านแพ้เป็นของ Bolas ที่ถูกจองจำตลอดกาลที่ Meditation Realm โดยมี Ugin คอยเฝ้าระวังตลอดเวลา

ส่วน Jace เสียพลัง Guildpact จากการที่ศูนย์กลางของพลัง Guildpact ถูกทำลาย และได้ Niv Mizzet มังกรผู้ก่อตั้งกิลด์ Izzet ขึ้นมาเป็น Guildpact คนใหม่

 

ที่ Eldraine ทางด้าน Oko ก็เริ่มป่วนอาณาจักร และพยายามให้เกิดสงครามภายใน โดยการหลอกให้ชาวป่า ฆ่ากษัตริย์ของคนเมือง แต่แผนของมันก็ไม่สำเร็จ 

ในระหว่างทางนั้น Garruk ได้รับการล้างคำสาป 

ส่วน Will และ Kenrith นั้น ก็ได้รับ Spark ในช่วงเวลานี้เช่นกัน

 

 

-- ปี 4,562 A.R. --

ที่ Theros ศึกแห่งการขับไล่เทพจอมปลอมอย่าง Xenagos จบลง ด้วยความพ่ายแพ้ แต่ต้องแลกด้วยชีวิตของ Elspeth Tirel ที่โดนเทพแห่งดวงอาทิตย์ Heliod หลอกใช้งานเธอ

ในตอนนี้ Heliod กลับกระหายอำนาจ และรับรู้ความไม่แน่นอนของการเป็น “เทพเจ้า” ที่สามารถโดนมนุษย์อย่าง Elspeth สังหารได้ เขาจึงเริ่มจัดการไม่ให้เทพองค์อื่นๆ ได้ความศรัทธา และการรับรู้

ซึ่งนั่น ทำให้เทพองค์อื่นๆ อ่อนพลังลง… 

อย่างไรก็ตาม การอ่อนพลังลงของเทพองค์หนึ่ง นั้นมาพร้อมกับความรู้สึกเกลียดชัง Heliod อย่างเข้าใส้ เขาคือเทพแห่งความตาย Erebos… ซึ่ง Erebos เป็นผู้ควบคุม Underworld ดินแดนแห่งความตาย…

 

ตอนนี้ วิญญาณของเหล่าคนตายได้ถูกปลดล่อย ซึ่งทาง Erebos ก็ไม่ได้จะใส่ใจอะไรนัก แต่ทว่า ยังมีอีกหนึ่งคน… ที่ติดอยู่ที่นี่เช่นกัน 

Elspeth นั่นเอง เธอถูกหลอกหลอนจากฝันร้ายในโลกแห่งความตาย จากการถูกฆ่าครั้งแล้วครั้งเหล่า ด้วยหอกของ Heliod ที่เขาให้เธอใช้เป็นอาวุธ…

แต่แล้วการฝันของเธอครั้งหนึ่ง กลับทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เธอสามารถแย่งหอกมาจาก Heliod ได้ และเธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับหอกอันนั้นในมือของเธอ Shadowspear ได้หลุดออกมาจากฝันร้ายของเธอแล้ว

 

ในตอนนี้ เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับความต้องการที่จะแก้แค้น เธอกลายเป็นผู้นำทัพเหล่าวิญญาณจาก Underworld พร้อมกับความเชื่ออันแรงกล้า “Shadowspear นี่ต่างหาก คืออาวุธแห่งเทพ” 

และด้วย Theros นั้น เป็น Plane แห่งความเชื่อ ทุกครั้งที่เธอปะทะแล้วได้รับชัยชนะ มันยิ่งส่งผลให้ผู้คนศรัทธา Shadowspear เพิ่มขึ้นๆ จนสุดท้าย เธอสามารถจัดการกับ Heliod ลงได้ และ Heliod ต้อถูกคุมจังไปตลอดกาล…

 

อย่างไรก็ดี Elspeth นั้นได้ตายไปแล้ว มันถือเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่เธอยังสามารถครองสติได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้ Erebos พึงพอใจ และยินดีจะให้เธอกลับสู่โลกของคนเป็น โดยไม่ต้องกลายเป็นผีดิบเหมือนกับผู้สายชนม์คนอื่นๆ

 

 

ที่ Ikoria อันเป็น Plane ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ และมนุษย์เป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆ ของ Plane นี้เท่านั้น

แต่ทว่า มนุษย์ส่วนใหญ่ ก็เกลียดบรรดาสิงสาราสัตว์ที่นี่ เพราะมันแสนจะอันตราย ดุร้าย และโหดเหี้ยม…

 

แต่ในความเป็นจริงนั้น เหล่าสัตว์นักล่าทั้งหลาย กำลังโดนอำนาจบางอย่างรบกวนให้สูญเสียความสงบ และเกิดการกลายพันธ์ุ

 

ซึ่งสงผลให้เกิดการรบราและสูญเสีย แม้ว่าสุดท้าย สิ่งที่คอยรบกวนเหล่าสัตว์นั้น “เชื่อว่า” ได้หายไปแล้ว แต่ความเคยชิน และความรู้สึกไม่ถูกกันของแต่ละฝักฝ่ายก็ยังไม่หายไปไหน

 

สำหรับในตอนนี้ ณ วันที่เขียนจบ เรื่องราวทั้งหมดโดยย่อ (มากๆ แล้วนะ) ในจักรวาลของ Magic the Gathering ก็มีเพียงเท่านี้นะครับ สำหรับเนื้อเรื่องตอนใหม่ๆ เราสัญญาว่า จะเขียนเป็นเนื้อเรื่องแบบเข้าใจง่าย มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันสนุกๆ เช่นเคยครับ