GERRARD CAPASHEN

"อัศวินสู้เพื่อเกียรติ... มือสังหารสู้เพื่อเงิน... ทหารหาญ สู้เพื่อหัวใจและแผ่นดินเกิด"

 

และนอกจากเรื่องราวของ Gerrard Capashen ครั้งนี้เราจะพยายามแถมเนื้อเรื่องของลูกเรือ Weatherlight เข้าไปให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เนื้อเรื่องครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้นครับ

 

- เมื่อครั้งยังเยาว์ - 

Gerrard Capashen เป็นมนุษย์ที่สายตระกูลของเขาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Bloodline จากอัจฉริยะ Urza

Bloodline Project คือโครงการดัดแปลงพันธุกรรมมนุษย์ใน plane Dominaria เพื่อต่อต้านการรุกรานของ Phyrexian และเพื่อใช้งาน Legacy Weapon หรืออาวุธที่สร้างเพื่อกำจัด Phyrexian โดยเฉพาะ ได้อย่างไม่ติดขัดอะไร

 

โดย Bloodline Project นั้น จะเป็นการดัดแปลงพันธุกรรมของคนในตระกูลต่างๆ เพื่อให้ร่างกายมีความแข็งแกร่งมากขึ้น รวมถึงความรู้ และสติปัญญาก็จะเพิ่มมากขึ้น จากการฝังความรู้ และถ่ายทอดข้อมูลผ่านทางพันธุกรรม เพิ่มเติมจากการเรียนรู้ทางปกติ

 

ตระกูล Capashen เป็นตระกูลที่มีจุดกำเนิดที่เมือง Benalia 

ทว่า Gerrard เอง ก็พบกับความสูญเสียตั้งแต่ยังเด็ก จากการโจมตีของพวก Phyrexian ที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ในเมืองเพื่อที่จะกำจัดผลงานของ Bloodline Project ให้หมดไป ก่อนที่จะบุกโจมตี Dominaria อย่างเต็มกำลัง


Karn ผู้ช่วยของ Urza


 

แม้ Gerrard สูญเสียครอบครัวของเขา แต่เขาก็รอดชีวิตมาได้ 
ทั้งนี้ ก็ต้องขอบคุณ Karn ที่เป็น Golem ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดย Urza

Karn ได้เข้ามาเพื่อช่วยเหลือ Gerrard จากการโจมตีของ Phyrexian และนำ Gerrard ไปอยู่ในที่ปลอดภัย… ที่ที่เขาจะได้ฝึกตน ที่ตระกูล Kondo ผู้เป็นพันธมิตรของ Urza จะคอยดูแล Gerrard ได้ต่อไป

 

ตระกูล Kondo เป็นตระกูลนักรบของทวีป Jamuraa ทางตะวันออกเฉียงใต้จาก Benalia บ้านเกิดของ Gerrard

โดย Sidar Kondo เป็นขุนศึกของตระกูล Kondo ที่เป็นหนึ่งในหลายๆ ตระกูลนักรบของทวีป Jamuraa

ในตอนที่ Gerrard ได้เข้าไปถึง Sidar เองก็มีลูกชายคือ Vuel ซึ่งทำให้ Sidar เองก็รับ Gerrard มาเป็นลูกบุญธรรมอีกคนหนึ่ง


Sidar Kondo พ่อบุญธรรม

 

ความสัมพันธุ์แรกเริ่มของ Vuel กับ Gerrard ในช่วงแรกเริ่ม ไม่สู้จะดีนัก
แต่เพียงไม่นาน ภายใต้วัฒนธรรม และการดูแลของ Sidar ทั้ง Gerrard และ Vuel ก็กลายเป็นเหมือนพี่น้องแท้ๆ กันเลยทีเดียว

 

แต่แล้ว ก็เกิดเหตุการณ์ที่จะทำให้ความสัมพันธุ์ของทั้งคู่เปลี่ยนไปอีกครั้ง
เมื่อถึงช่วงวัยที่ Vuel จะต้องเข้าสู่พิธีกรรมสู่การเป็นนักรบ หนึ่งในนั้นก็คือการปืนผาสูง

 

ในระหว่างที่เขาปืนขึ้นไป เขาก็หมดสติ และร่วงลงไปสู่พื้นเบื้องล่าง… แต่ก็ได้ Gerrard เข้ามาช่วยไว้ได้ทัน ก่อนที่เขาจะร่วงลงไปจบชีวิตที่ก้นผา

 

การเข้าไปช่วยของ Gerrard แม้จะรักษาชีวิตของพี่น้องของเขาไว้ได้ แต่มันกลายเป็นการพิสูจน์ว่า Vuel ไม่มีความสามารถที่จะผ่านพิธีกรรมนี้... ด้วยตัวของเขาเอง ตามที่วัฒนธรรมประจำตระกูลได้กำหนดไว้

Vuel กลายเป็นเด็กที่ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี กลายเป็นไอ้ขี้แพ้ และต้องถูกขับไล่ออกไปจากเผ่า… ที่ตอนนี้ แม่แต่พ่อของเขาก็ผิดหวังในตัวลูกชาย และไม่ต้องการเห็นหน้าเขาอีก

 

Vuel โยนความผิดทั้งหมดไปให้ Gerrard ที่เข้ามายุ่งในพิธีกรรม… Vuel ยอมที่จะตาย ดีกว่าอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรี… 

กระนั้น เขาก็ออกจากเผ่า และออกร่อนเร่ไปเรื่อยๆ…


Starke il-Vec

 

จนเขาได้พบกับ Starke il-Vec ที่เป็นชนพื้นเมืองของดาว Rath… ดาวที่ถูกสร้างโดย Yawgmoth และชาว Phyrexia

Starke เองได้เข้ามาถึง Dominaria ในฐานะของสายลับของ Phyrexia เพื่อจะมาทำลายโครงการ Bloodline ของ Urza นั่นเอง

 

Starke เมื่อรับรู้เรื่องราวของ Vuel เขาก็ได้แนะนำให้ Vuel กลับไปเอาสิ่งที่ควรจะเป็นของเขาคืน… ศักดิ์ศรี และความเป็นลูก… ลูกชายคนเดียวของขุนศึก Sidar ที่ตอนนี้ Gerrard มาแย่งเขาไป

 

ด้วยความแค้นผู้ที่เคยเป็นเสมือนพี่น้องของเขา Vuel เริ่มรวบรวมเหล่าคนเถื่อน สร้างกองทัพของตนเอง แล้วกลับเข้าโจมตีหมู่บ้านที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก…

 

สงครามปะทุขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว หมู่บ้าน Kondo ไม่ทันได้ตั้งตัว ความเสียหายเกิดขึ้นทุกหัวระแหง 

ผู้คนบาดเจ็บล้มตาย… Sidar Kondo ผู้เป็นขุนศึก ก็ไม่อาจรอดพ้นชะตากรรมนี้ไปได้ เขาสิ้นใจจากน้ำมือของลูกชายของเขาเอง


Multani จิตวิญญาณแห่ง Yavimaya

 

 

กระนั้น ในช่วงสงครามครั้งนี้ Gerrard เขาได้ย้ายออกไปจากหมู่บ้าน เขาได้ไปฝึกฝนวิชาทางด้านเวทย์มนต์กับจอมเวทย์อย่าง Multani ที่ป่า Yavimaya ในช่วงก่อนหน้านี้

 

แต่กับ Karn ที่ยังคงอยู่กับชาว Kondo และหนึ่งใน Legacy Weapon ก็โดนกลุ่มโจรของ Vuel ขโมยไป Karn จึงต้องออกไล่ล่า Vuel เพื่อตามเอา Legacy Weapon ที่หายไป

 

อย่างไรก็ตาม Vuel ก็หนีรอดไปได้ พร้อมกับความค้างคาในใจของ Vuel ทำให้เขารู้สึกกระหายในพลัง เขาต้องการพลังที่มากขึ้น เขาจะไม่หยุดแค่นี้ เขาจะตามล่า Gerrard ต่อไป

 

ทางด้านของ Gerrard เอง ที่ตอนนี้อยู่ภายใต้การดูแลของ Multani ก็ได้เรียนรู้วิชาทางเวทย์ ก็ได้พบเจอกับเพื่อร่วมศึกษา อย่าง Rofellos นักเรียนคนแรกที่เป็น elf มาจาก Llanowar

แต่ตัวของ Rofellos นั้น เขามาถึงที่ Yavimaya ด้วยเป้าหมายอื่น เขาเป็นฑูตของป่า Llanowar ที่เข้ามาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับป่า Yavimaya เพื่อต่อต้านภัยจาก Phyrexian ที่ปรากฏให้เห็นในการโจมตีโรงเรียน Tolarian เมื่อครั้งก่อน


Rofellos จากป่า Llanowar

 

การมาถึงของ Rofellos นั้น เข้ามาถึงในช่วงที่ Multani ออกจากป่า Yavimaya ไปเพื่อตามหาพันธมิตร และเข้าช่วยเหลือประชาชนของ Dominaria ในส่วนอื่นๆ นอกป่า Yavimaya

 

ซึ่งตัวของ Rofellos กลับสามารถเชื่อมต่อกับพลังวิญญาณของป่า Yavimaya ได้อย่างรวดเร็ว และเขาได้กลายเป็นตัวแทนแห่งป่า Yavimaya แทน Multani อย่างรวดเร็ว

ภายใต้วิสัยทัศน์ของ Rofellos ที่มาจาก Llanowar อันเป็นป่าที่มีความเป็นระบบ แบบแผน และมีความเป็นรัฐทหารมากกว่า Yavimaya เป็นอย่างมาก Rofellos ได้เปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่าง และทำให้ Yavimaya มีความเข้มแข็งทางทหารเพิ่มขึ้นสูงมาก แต่ก็ทำให้วัฏจักรชีวิตของป่า Yavimaya เปลี่ยนไป

เมื่อ Multani กลับมา เขาก็พบว่าป่าของเขาเปลี่ยนไปมาก แต่เขาก็ยังคงเชื่อมต่อกับวิญญาณแห่ง Yavimaya ได้เช่นเดิม… และนั่น ก็ทำให้ปัญหาเกิดขึ้นทันที…

 

ป่า Yavimaya รับตัวแทนแห่งป่าได้เพียงหนึ่งร่างเท่านั้น แต่ปัญหานี้ก็ไม่ไดจบลงด้วยเลือด เป็นทาง Rofellos ที่ยอมหยุดการเป็นตัวแทนของ Yavimaya

ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ของ Rofellos ทำให้ Multani ประทัยใจ และยินดีที่จะรับเขาเข้าเป็นศิษย์คนแรก


Mirri แมวสาวจากป่าลึกลับ

 

คนต่อมา คือ Mirri ที่เป็นแมวนักรบ เธอเข้ามาอยู่ภายใต้การดูแลของ Multani เพราะเธอเป็นมนุษย์แมวที่ถูกขับไล่ออกมาจากบ้านเกิด เนื่องด้วยดวงตาของเธอทั้งสองข้างนั้น มีสีที่แตกต่างกันตั้งแต่แรกเกิด

ในพื้นที่ที่เธออาศัยอยู่นั้น ถือว่าเป็นลางร้าย และนั่น ก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอที่จะขับไล่เธอออกไป

ตัว Mirri เองไม่ได้เล่าถึงเรื่องของตัวเธอเองไปมากกว่านี้ เธอเลยออกจะเป็นแมวสาวลึกลับอยู่ไม่น้อย

 

นักเรียนของ Multani ทั้งสาม ก็ต่างเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน จะติดก็ตรงที่ Mirri ออกจะคิดกับ Gerrard เกินเพื่อนไปซักหน่อย

 

การเล่าเรียนของทั้ง 3 ภายใต้การดูแลของ Multani เป็นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งถึงเวลาที่ได้ออกไปเล่าเรียนภาคสนาม

ครั้งนี้เป็นภารกิจของ Mirri ที่ Multani มอบหมายให้เธอไปส่งสินค้าให้กับหมู่บ้านในป่าลึก ซึ่ง Gerrard ก็อาสาที่จะร่วมเดินทางไปกับเพื่อนของเขา

 

ระหว่างการเดินทาง Mirri เห็นว่านี่เป็นโอกาสที่ดี ที่จะสารภาพรักกับ Gerrard แต่กระนั้น… ภารกิจก็ต้องมาก่อน เธอจึงมุ่งมั่นทำภารกิจของเธอต่อไป

 

เมื่อไปถึงที่หมาย ก็พบว่า ที่นั่นเป็นหมู่บ้านของมนุษย์แมวเช่นเดียวกับ Mirri เอง

ทั้งคู่ไปถึงก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว ชาวบ้านจึงแนะนำให้พวกเขาพักผ่อนที่หมู่บ้านก่อนที่จะพูดคุยกันเรื่องธุรกิจกันในวันพรุ่งนี้เช้า

ทั้ง Gerrard และ Mirri ที่เดินทางมาถึงด้วยความเหน็ดเหนื่อย ก็เห็นด้วยตามคำแนะนำ และเข้าพักตามที่พักที่ชาวหมู่บ้านแนะนำ

 

คืนนั้น ที่ลานกลางหมู่บ้าน อันเป็นสถานที่รวมตัวทำกิจกรรมต่างๆ ในระหว่างที่ทั้ง Mirri และ Gerrard ก็เข้ามานั่งชมการเต้นรำอย่างเงียบๆ 

Mirri ก็ถูกรบบเร้าจากแมวหนุ่ม Keilic ที่อยากจะได้เธอไปเป็นคู่เต้นรำกับเขา… จากการรบเร้า ก็กลายเป็นค่าน่ารำคาญ

แม้ว่า Keilic จะมีความลุ่มหลงในตัว Mirri ขนาดไหนก็ตาม แต่หัวใจของ Mirri ไม่ว่างเสียแล้ว

ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลาย Gerrard ก็เข้ามาไกล่เกลี่ย และพูดคุย… 

 

Keilic ท้าทาย Gerrard ให้ดวลกันด้วยวิชามนต์ ผู้ชนะจะได้แต่งงานกับ Mirri

น่นอนว่า Gerrard ยินดีที่จะปกป้องเพื่อนของเขาไม่ให้ต้องไปแต่งงานกับแมวป่าที่ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ

แต่ไม่มุมของ Mirri นั้น มันเหมือนกับ Gerrard มีใจให้เธอ และการรับคำท้านั้น ถ้าเขาชนะ เธอก็จะได้แต่งงานกับเขา และก็ทำให้เธอหัวใจอิ่มเอมอยู่ไม่น้อย

 

แต่ก็ไม่รู้ไปดวลกันอีท่าไหน มันจึงจบลงที่การใช้กำปั้นหวดแลกกัน

 

Mirri จึงต้องเข้ามาห้ามทั้งคู่ แต่กระนั้น ความหัวรั้น และหัวร้อนของ Keilic ก็ไม่ได้หยุดลง เขายืนยันที่จะใช้กำลังกับ Gerrard และไม่ยอมปล่อย Mirri ไป 

ยกเว้นก็แต่ว่า Mirri จะยอมเข้าสู่พิธีกรรมการพิสูจน์เส้นทางแห่งวิญญาณ

ที่จะเป็นการต่อสู่กับด้านมืดในจิตใจ และสุดท้าย มันจะเป็นตัวเลือกที่ดีของ Mirri ว่าเธอจะเลือกอยู่กับมนุษย์แมวผู้เป็นเผ่าพันธ์ุเดียวกัน หรือเธอจะต้องกลับไปกับมนุษย์อย่าง Gerrard

 

Mirri ยอมเข้าพิธีกรรมนั้น เพื่อจะพิสูจน์การตัดสินใจของเธอ…

เมื่อเข้าสู่พิธีกรรม… ด้านมืดในจิตใจของเธอ ปรากฏร่างเป็นแมวขนาดยักษ์ เขี้ยวยาวโง้ง กับดวงตาที่มีเปลวเพลิงลุกโชติช่วง…

 

แมวยักษ์ตัวนั้นก็เอ่ยขึ้นมา

“เจ้ามีอยู่สองตัวเลือก…

กลับไปกับมนุษย์ที่เจ้ารัก… แต่เขาจะไม่มีวันรักเจ้าอย่างที่เจ้ารักเขา

หรือเจ้าจะอยู่ที่ๆ เจ้าควรอยู่ ที่แห่งนี้… แต่เจ้าจะถวิลหารักที่เจ้าไม่มีวันได้ใกล้ชิดมันอีกเลย”

 

ผ่านการพิสูจน์ต่างๆ ในจิตใจของเธอ Mirri เอาชนะด้านมืดในใจของเธอได้ และเธอก็เลือกหนทางชีวิตทางแรก… กลับไปพร้อมกับ Gerrard

ก่อนที่เธอจะฟื้นกลับมาที่โลกแห่งความเป็นจริง แมวยักษ์ก็พูดกับเธอเป็นครั้งสุดท้าย

“เส้นทางที่เจ้าเลือก… มนุษย์ที่เจ้าเลือก… จะต้องตาย”

 

- ข่าวร้ายจากบ้านเก่า -

หลังจากนั้นไม่นานนัก Gerrard ก็ได้รับข่าวร้าย จากเหตุการณ์บุกหมู่บ้าน Kondo โดย Vuel แถมในตอนนี้ Vuel ก็หายตัวไปอีกต่างหาก

แต่ Gerrard ก็ไม่ได้มีเวลาวางแผนอะไรเท่าไหร่นัก เพราะ Sisay ที่ในตอนนี้เป็นกัปตันของยาน Weatherlight (อันเป็นหนึ่งใน Legacy Weapon ที่เป็นอาวุธที่ Urza สร้างขึ้นมาเพื่อต่อต้านเหล่า Phyrexian โดยเฉพาะ) และกำลังเดินทางรวบรวมสิ่งประดิษฐ์สำหรับ Legacy Weapon ได้พบกับ Gerrard พอดี และเลือกที่จะให้เขาเข้ามาเป็นลูกเรือของยาน Weatherlight ร่วมกับลูกเรือคนอื่นๆ 

โดยทั้ง Gerrard, Rofellos และ Mirri ก็เข้าร่วมกับ Sisay อย่างเต็มใจ

 

 

- Sisay กัปตันเรือ Weatherlight -

Sisay เองนั้น เธอเกิดที่ Zhalfir ที่อยู่ทางตอนตะวันตกของทวีป Jamuraa และสายตระกูลของ Sisay ยังมีความสามารถในการต้านทานเวทย์มนต์ทุกรูปแบบ 

ทว่าในวัยเด็กของเธอ ก็พบกับชะตากรรมที่ไม่ต่างกับ Gerrard เท่าใดนัก

 

พ่อแม่ของเธอ ถูก Phyrexian สังหารตั้งแต่เธอยังเล็ก และไม่มีโอกาสที่จะบอกกับ Sisay ว่าตัวเธอเอง ก็อยู่ในสายตระกูลที่เป็น Bloodline Project ของ Urza เช่นกัน

กระนั้น การที่สายตระกูลของเธออยู่ในโครงการ Bloodline ก็ทำให้เธอมีความรู้  และความทรงจำอันเลือนลางเกี่ยวกับยานบิน Weatherlight ที่ Urza มอบหมายให้กับตระกูลของเธอดูแล รวมถึงส่วนประกอบของ Legacy Weapon ชิ้นอื่นๆ

 

แต่ก่อนที่จะได้รับการช่วยเหลือจากพันธมิตรของ Urza
เธอโดนลักพาตัวโดยผู้ค้าทาสจากรัฐข้างเคียง แต่ก็มาโดนดักปล้นโดยโจรสลัดอีกทอดหนึ่ง

เรือ Burning Vengeance มีกัปตันเรือที่ตัดสินใจจะช่วยเหลือ Sisay และรับเธอเข้ามาเป็นเด็กรับใช้ในเรือ

Sisay ได้เก็บประสบการณ์วิชาเดินเรือไปกับเรือโจรสลัดที่ช่วยชีวิตเธอ จนกระทั่งเธอสามารถเดินเรือเองได้ และกลับไปเอา Weatherlight ของสายตระกูลของเธอกลับมา

 

หลังจากที่ Sisay ได้เรือบินของเธอ เธอก็เริ่มออกตามหา Legacy Weapon ชิ้นอื่นๆ จนเธอได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์วุ่นวายของเขต Femeref ที่พยายามแยกตัวเองออกมาจาก Zhalfir

และเหตุการ์นั้นก็ทำให้เธอได้พบกับลูกเรืออีกคน Tangrath

 

- Tanhgarth ลูกเรือคนแรก และนักรบที่แข็งแกร่ง -

Tahngarth เป็น Minotaur จากเทือกเขา Talruum อันเป็นที่อยู่ของชนเผ่า Minotaur ทางตอนเหนือของทวีป Jamuraa

Tahngarth เป็น Minotaur ที่มีความมุ่งมั่น และระเบียบวินัยสูง นอกจากนี้ เขายังเป็นนักรบที่มีความสามารถอีกด้วย

 

- Hanna ต้นหนเรือ -

Hanna เป็นสาวสวยผมบลอนด์ เธอเองเป็นลูกสาวของ Barrin ที่เป็นอาจารย์สอนเวทย์มนต์ที่ Tolarian Academy กับ Rayne ที่เป็นจอมเวทย์อยู่ที่ Tolarian เช่นกัน

โดยฝั่ง Rayne นั้น เป็นสายตระกูลที่เข้าร่วม Bloodline Project แต่ทาง Barrin กลับเป็นผู้ที่เห็นแย้งกับการเข้าไปยุ่งกับพันธุกรรมของมนุษย์ กระนั้น ความรักของทั้งคู่ก็ช่วยให้ก้าวข้ามความขัดแย้งนี้ไปได้


Hanna สมัยยังศึกษาอยู่ที่ New Argive

ในวัยเด็กนั้น Hanna ได้รับความคาดหวังจาก Barrin ผู้เป็นพ่อ หวังว่าเธอจะเป็นจอมเวทย์เหมือนกับตัวเขา และ Rayne แม่ของ Hanna

แต่ Hanna เลือกที่จะออกจาก Tolarian Academy ไปเพื่อศึกษาวิชาสิ่งประดิษฐ์ที่ New Argive และนั่นทำให้เธอกับพ่อของเธอเกิดความขัดแย้ง และไม่พูดคุยกันเป็นปีๆ

ที่ New Argive เธอได้เจอกับ Orim ที่เป็นนักศึกษาแพทย์อยู่ที่นั่น และได้เป็นเพื่อนกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะได้รับการทาบทามให้มาเป็นลูกเรือของยานบิน Weatherlight

 

- Orim แพทย์ประจำ Weatherlight -

Orim เป็นมนุษย์เพศหญิง ประวัติของเธอไม่แน่ชัด นอกจากที่เราทราบก็คือเธอเป็นทั้งหมอ จอมเวทย์ และนักพรต จากเวทย์สาย Samite ที่เป็นเวทย์มนต์ประเภทปกป้อง และรักษา

 

และการผจญภัยของยานบิน Weatherlight ก็ดำเนินไปเรื่อยๆ โดยทั้ง Gerrard และ Hanna ต่างก็เกิดความรู้สึกที่ดีให้แก่กัน และตกลงคบหาดูใจกันและกัน…

 

- Crovax ชายผู้ลุ่มหลง -

สมาชิกอีกคนของยานบิน Weatherlight โดย Crovax เป็นมนุษย์เพศชาย ตระกูลของเขาเป็นตระกูลขุนนาง มาจากเกาะ Urborg และตระกูลของเขา ก็เป็นตระกูลที่เข้าร่วม Bloodline Project ของ Urza เช่นกัน

แต่ด้วยความที่ครอบครัวของเขาเป็นตระกูลที่สูงส่ง และประกอบกับที่ตั้งของเกาะ Urborg ทำให้ในวัยเด็กของ Crovax เขาไม่ค่อยจะมีเพื่อนมากมายเท่าใดนัก

 

สิ่งหนึ่งที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเด็กชายคนนี้ก็คือ นางฟ้า Selenia

Selenia เป็นนางฟ้าประจำตระกูล ที่ถูกเชื่อมโยงเข้ากับจี้ประจำตระกูลอีกที 

เธอมีหน้าที่ปกป้อง Crovax โดยเฉพาะ 

และด้วยความใกล้ชิด กับความเปล่าเปลี่ยวของเด็กชาย Selenia จึงเป็นเสมือนเพื่อน และกลายเป็นคนรักเพียงคนเดียวของเขา…


Selenia นางฟ้าประจำตระกูล

 

Selenia ที่มอง Crovax เป็นเหมือนน้องชาย ไม่สามารถตอบรักความรักเชิงชู้สาวที่เขามีให้กับเธอได้ แม้ว่า Crovax จะเสียใจ แต่เขาก็เก็บจี้ประจำตระกูลที่กักเก็บตัวของ Selenia ไว้กับตัวเสมอ

 

จนถึงวันที่เขาเข้าร่วมเป็นลูกเรือยานบิน Weatherlight

การเข้ากับคนอื่นไม่ได้เป็นเรื่องง่ายสำหรับ Crovax แต่ด้วยความที่เป็นนักรบมากฝีมือ สมาชิกส่วนใหญ่ก็ยินยอมที่จะให้ Crovax ร่วมเดินทางไปด้วยกัน

 

และแล้ว... ข่าวร้ายจาก Urborg ก็ตามมา 

เพียงไม่นานหลังจากออกเดินทางกับยานบิน Weatherlight ที่คฤหาสน์ประจำตระกูลของ Crovax ก็โดนโจมตีโดยปีศาจจากพวก Phyrexian ที่มาเพื่อทำลาย Bloodline Project ของ Urza

 

ทีม Weatherlight รีบออกเดินทางไปที่ Urborg เพื่อช่วยเหลือครอบครัวของ Crovax ทันที

 

แต่ก็ไม่ทันการ… 

เนื่องด้วยการที่ Crovax พา Selenia ออกมาจากบ้านของเขา ทำให้ไม่มีนางฟ้าคอยปกป้อง และปีศาจเพียงสองตน ก็ทำให้ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือเทศกาลละเลงเลือด


ปีศาจจาก Phyrexian

และเหล่าลูกเรือ Weatherlight ก็จำต้องเข้าร่วมการต่อสู้กับปีศาจ โดยที่ไม่ได้ต้องการ…

 

Rofellos พลาดท่า เขาต้องสังเวยชีวิตให้กับปีศาจ

Crovax เรียก Selenia ออกมาจากจี้ประจำตระกูล 

ด้วยพลังของทีมลูกเรือ และนางฟ้า ทำให้สามารถจำกัดปีศาจทั้งสองตน… แต่มันก็สายไปแล้ว

 

Crovax พร่ำโทษตัวเอง ว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเขา… เขาขอถอนตัวจาก Weatherlight และจะอยู่ที่ Urborg เพื่อจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง

 

Rofellos เพื่อนที่สนิทที่สุดของ Gerrard Capashen ก็จากไป… Gerrard เลือกที่จะถอนตัวจาก Weatherlight เช่นกัน ซึ่งการตัดสินใจนั้น ก็ทำให้ Mirri ออกจาก Weatherlight ไปอีกคน

 

- หวนกลับสู่ตำแหน่ง -

Gerrard กลับไปเป็นทหารที่ Benalia บ้านเกิดของเขา ก่อนที่ Tangrath จะตามหาตัวเขาพบ และแจ้งข่าวว่า Sisay โดนลักพาตัวไปแล้ว…

Gerrard ไม่ได้อยากกลับไปพบกับถาพของความสูญเสียอีกแล้ว… แต่ถ้าเขาไม่กลับเข้าร่วม Weatherlight… Sisay เองก็อาจตกอยู่ในอันตราย และอาจจะต้องสังเวยชีวิตเฉกเช่น Rofellos สหายเก่าของเขา

Gerrard ตัดสินใจกลับขึ้นยานบิน Weatherlight และเขาก็เจอลูกเรือคนใหม่ ที่มีชื่ออันคุ้นเคย

 

"Starke il-Vec"

 

ไอ้สายลับ Phyrexian ที่ปั่น Vuel พี่บุญธรรมของเขาให้หันหน้าไปสังหารตระกูลของตัวเอง 

Gerrard สงสัยว่ามันเป็นคนเอาข้อมูลของ Sisay ไปให้กับพวก Phyrexian ทำให้เธอถูกจับไปที่ดาว Rath

เขาคาดคั้นจน Starke ยอมบอกความจริง…

 

ความจริงที่ Vuel ไม่สามารถจบพิธีกรรมประจำตระกูลได้… เพราะมันเป็นคนวางยาพิษในสีทาตัว และทำให้ Vuel อ่อนแรงจนหมดสติ เพราะเป้าหมายของมันที่จริงแล้ว คือตัว Gerrard เอง

รวมถึงการที่มันเอาข้อมูลของ Sisay ไปบอกกับ Phyrexian นั้น Starke ต้องจำใจทำ เพราะลูกสาวของเขา Takara ถูกพวก Phyrexian จับเป็นตัวประกัน


Starke il-Vec สายลับจำเป็น

 

แต่ทางเลือกก็มีไม่มากนัก เพราะ Starke เป็นเพียงคนเดียวที่มาจากดาว Rath และเป็นคนเดียวที่จะสามารถนำทางสมาชิกทุกคนบนยาน Weatherlight ที่ดาว Rath ได้ 

 

Starke จึงได้เข้ามาเป็นลูกเรือของยานบิน Weatherlight

 

Gerrard จึงเริ่มกลับไปรวบรวมสมาชิกอีกครั้ง ทั้ง Mirri, Crovax ที่เคยเป็นสมาชิกเก่าของทีมลูกเรือก็กลับมาร่วมภารกิจกันอีกครั้ง

 

ในระหว่างนั้น Gerrard ก็พบว่า หนึ่งใน Legacy ที่ Sisay ได้เก็บกู้มาก่อนหน้านี้ คือ Karn Golem ที่เคยช่วยเหลือเขาในตอนเด็กๆ ที่ตอนนี้ถูกปิดเครื่องอยู่

Gerrard ตัดสินใจเปิดเครื่อง Karn ขึ้นมาอีกครั้ง… Karn ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับความทรงจำอันเลวร้าย เขาถูกหลอกให้สังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ระหว่างที่ตามล่า Legacy weapon และโดนสั่งปิดเครื่องจาก Thouchstone

เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ Karn ให้สัตย์สาบานว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงกับสิ่งมีชีวิตใดๆ อีกเลย

 

- Karn เครื่องมือที่มีจิตใจ -

Karn เป็น Golem ที่ถูกสร้างโดย Urza เพื่อใช้งานกับเครื่องเดินทางข้ามเวลา 

และจากการทดลองของ Urza วัตถุชนิดเดียวที่สามารถเดินทางไปมาระหว่างมิติเวลาได้อย่างปลอดภัย ก็คือ “เงิน” และนั่นทำให้ Karn เป็น Golem ที่ถูกสร้างด้วยเงิน

ในขณะเดียวกัน Urza เอง ก็ไม่ต้องการสร้างเพียงเครื่องจักรไร้สมองที่ต้องรอการควบคุมจากมนุษย์ เขาจึงบรรจุหัวใจของ Xantcha ที่เป็นสายลับเครื่องจักรของ Phyrexian แต่เธอสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยชีวิตของ Urza เมื่อครั้งก่อน

Karn จึงได้ทั้งชีวิต และจิตใจ ตั้งแต่การเดินเครื่องครั้งแรก

ในช่วงแรกเริ่มนั้น Karn เองยังไม่มีชื่อเรียก และ Urza ให้ Teferi ที่เป็นนักเรียนของโรงเรียน Tolarian Academy คอยดูแลเขา… แต่ด้วยความเป็นเด็กเกรียนเต็มสูบของ Teferi แทนที่เขาจะสอนเรื่องต่างๆ ให้กับ Golem ตัวนี้

เขากลับเห็นว่า Karn เป็นเพียงเครื่องจักรที่ไร้เดียงสา เขาจึงมักจะแกล้ง Karn อยู่เสมอๆ


Teferi สมัยวัยเกรียนแตก

 

จนกระทั่ง Jhoira นักเรียนรุ่นพี่ ได้รับมอบหมายจาก Barrin ที่สุดจะทนกับพฤติกรรมของ Teferi ให้มาดูแล Karn แทน Teferi

Jhoira ดูแล และคอยสอนเรื่องต่างๆ ให้กับ Karn อย่างจริงใจ รวมถึงตั้งชื่อให้กับ Karn อีกด้วย โดยชื่อของ Karn มาจากภาษา Thran ที่แปลว่า "ผู้แข็งแกร่ง"


Jhoira สมัยยังเป็นนักเรียนที่ Tolarian Academy

 

หลังจากนั้น Karn ก็ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ติดตามของ Urza โดยเจ้า Golem จะคอยติดตาม และช่วยเหลืองานต่างๆ และยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อ Jhoira เสมอมา

 

จนกระทั่ง ถึงวันที่ Jhoira ต้องกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดของเธอ ซึ่งทำให้ Karn ตกอยู่ในภาวะคิดถึงเพื่อนของเขาอย่างสุดหัวใจ

Karn มองว่า การเข้าร่วมโครงการ Weatherlight และการออกเดินทาง จะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับสภาวะจิตใจของเขา…

 

แต่ก็เปล่าเลย

 

Karn ยิ่งจมดิ่งสู่ความเครียด และความโศกเศร้า Barrin จึงขอให้ Urza ช่วยจัดการกับสภาวะจิตใจที่แย่ลงเรื่อยๆ ของ Karn

มีหรือ อัจฉริยะอย่าง Urza จะแก้ไขไม่ได้… เขาแก้ปัญหาอย่างคนไร้หัวใจ ด้วยการเลือกที่จะตั้งให้ Karn มีความทรงจำได้เพียง 20 ปี…

 

กระนั้น มันก็มีสิ่งที่ Karn ไม่อยากลืม… เขาจะพกภาพของ Jhoira และท่องจำก่อนนอนทุกคืน “Jhoira คือเพื่อนของเรา”

 

ในช่วงหลังของโครงการ Weatherlight และ Legacy Weapon นั้น

Urza ได้มอบหมายให้ Karn ดูแลในทุกๆ ภาคส่วน และเป็นเหตุที่ทำให้เขาได้พบกับ Gerrard ตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก

 

- Ertai นักเวทย์จอมกวน -

แม้สมาชิกในทีมจะมีมากขึ้น แต่พวกเขาก็ยังขาดตำแหน่งจอมเวทย์อยู่…

Hanna ที่แม้ตอนนี้จะยังแอบๆ งอน Gerrard ที่ทิ้งเธอไปเมื่อตอนที่ Rofellos เสียชีวิตไป แต่เธอก็เข้าร่วมบทสนทนา และขอเสนอชื่อ Barrin ผู้เป็นพ่อ

แน่นอนว่า Barrin ที่เป็นหนึ่งในผู้ใช้เวทย์มนต์ที่เก่งที่สุดในยุคนั้น ย่อมไม่มีสมาชิกคนใดในยานบินไม่เห็นด้วย

 

แต่เมื่อไปถึง Tolarian Academy แล้ว Barrin กลับเสนอ Ertai ที่เป็นลูกศิษย์เอกของเขาในตอนนั้น

 

Ertai เป็นมนุษย์เพศชาย เขาเป็นเด็กหนุ่มมาดกวนที่มีความสามารถ และค่อนไปทางอัจฉริยะในด้านการใช้เวทย์มนต์ แต่ก็ด้วยความมาดกวนของ Ertai อาจจะทำให้ Hanna หมั่นใส้อยู่ไม่น้อย เธอจึงไม่ยอมรับ Ertai 

Ertai จึงขอท้าประลองเพื่อพิสูจน์ฝีมือ "เด็กจบใหม่" คนนี้…

 

และเขาก็เอาชนะ Hanna ไปแบบที่เรียกว่าจัดไปให้ได้อายเลยทีเดียว… ซึ่งนั่นก็ทำให้ Ertai ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในลูกเรือของยานบิน Weatherlight

 

ในตอนนี้ ยานบิน Weatherlight ก็พร้อมออกเดินทาง เพื่อตามหากัปตันเรือ Sisay ของพวกเขาแล้ว

ยานบิน Weatherlight ออกเดินทางไปที่ Rath ทันที

เมื่อไปถึง ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ทำอะไร ยานบิน Predator ที่เป็นยานบินของ Phyrexian ก็เข้ามาโจมตี Weatherlight ราวกับมันรอคอยการมาถึงของพวกเขา


ยานบิน Predator

 

Gerrard ตกจากยานไปสู่ Skyshroud Forest อันเป็นพื้นที่ป่ารกทึบ และเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่า Elf และ Merfolk

ที่นั่น เขาได้พบกับหมอดูคนหนึ่ง ที่ได้ทำนายชะตาของเขาว่าจะเป็นผู้ปลดปล่อยชาว Rath จากการครอบงำของ Phyrexian และ Gerrard ก็ถูกพาตัวไปพบกับ Eladamri ผู้ปกครองชนเผ่า Elf แห่งเผ่า Skyshroud

 

ทางด้านยานบิน Weatherlight ก็โดนโจมตีจนต้องหลบหนี แม้จะหนีจากยานบิน Predator ได้พ้น แต่หลายๆ ส่วนของยานก็เสียหายไปมาก ทางลูกเรือจึงเริ่มแบ่งหน้าที่กัน โดย Mirri และ Hanna จะไปตามหา Gerrard 

Ertai เพื่อหาวิธีซ่อมแยมระบบเดินทางข้ามมิติ และหาพิกัดที่จะเดินทางกลับ

Karn และ Tangrath สำรวจพื้นที่รอบๆ


Mirri และ Hanna ออกตามหา Gerrard

 

ทว่า Mirri และ Hanna ที่ตามหา Gerrard ก็กลายเป็นผู้บุกรุกเข้าเขตป่า Skyshroud และทำให้เธอทั้งสองถูกจับไว้ ก่อนที่จะพบกับ Gerrard

เมื่อ Gerrard ได้พูดคุยกับ Eladamri และทำความเข้าใจกัน เธอทั้งสองก็ได้รับการปล่อยตัว และทำให้ Eladamri พร้อมที่จะเข้าร่วมสงครามปลดแอกชาว Rath


การประชุม และเข้าร่วมทีม

 

ตอนนี้ Gerrard, Mirri และ Hanna ก็เดินทางกลับไปที่ยาน แต่ก็พบว่าทั้ง Tangrath และ Karn ถูกพวก Phyrexian จับตัวไปแล้ว พวกเขาจึงต้องบุกโจมตีฐานทัพของ Phyrexian บนดาว Rath แห่งนี้ ไปพร้อมๆ กับ Eladamri

 

เมื่อถึงฐานทัพ Crovax ก็พบกับสิ่งที่เขาทำหายไป… 

 

Selenia นางฟ้าผู้พิทักษ์ตระกูลของเขา

 

ย้อนไปในตอนที่ Crovax อยู่ที่ Urborg หลังจากการสังหารหมู่ของปีศาจทั้งสองตน

Crovax ที่เหลือแค่ Selenia เป็นคนๆ เดียวที่เขารู้จัก ยิ่งทำให้เขาดำดิ่งไปสู่ความลุ่มหลง เขาต้องการให้เธออยู่กับเขาไปตลอดกาล…

 

Crovax เลือกที่จะทำลายจี้ประจำตระกูล เพราะเขาเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่กักขังไม่ให้ Selenia ออกมาสู่โลกภายนอกได้ นอกจากผ่านการเรียกใช้เท่านั้น

 

ซึ่งนั่นก็จริง… แต่ก็แค่ครึ่งเดียว… 

เมื่อ Selenia ไร้พันธะผูกพันธ์กับจี้ของ Crovax แล้ว เธอก็เป็นอิสระ เธอบินออกไปโดยไร้คำร่ำลา แล้วทิ้ง Crovax ให้อยู่ตัวคนเดียว และจมดิ่งไปกับความหลง และเปล่าเปลี่ยวยิ่งกว่าเดิม…

 

แต่ภาพ Selenia ที่ทุกๆ คนเห็นในตอนนี้ เธอกำลังนำทัพของ Phyrexian เข้าทำสงครามกับชาว Rath เผ่าอื่นๆ

เธอเข้าร่วมกับ Phyrexian ไปเสียแล้ว

 

Crovax คลุ้มคลั่งทันที รักที่เขามีเพียงรักเดียวมาตลอดชีวิต ตอนนี้กลับกลายเป็นฝ่ายที่สังหารตระกูลของเขา Crovax กระโดดเข้าสนามรบ และไล่ล่า Selenia อย่างบ้าคลั่ง

เขาฉีกร่างของเธอออกเป็นชิ้นๆ ภาพที่เห็นมันชวนสยดสยองจน Gerrard ต้องเข้าไปห้าม และให้เขากลับไปพักที่ยานบินก่อน

 

Crovax ปฏิเสธ เขาบอกว่าเขายังควบคุมมันได้… กระนั้น ร่างไร้วิญญาณของ Selenia กลับค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป มันเป็นเพียงร่างปลอมจากเทคโนโลยีของ Phyrexian


Crovax เจ็บปวดจนไม่อยากต่อสู้ ก่อนที่จะคุ้มคลั่ง

 

ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะที่ดาว Rath นั้น ถูกปกครองโดย Evincar หรือตำแหน่งผู้นำดาวอย่าง Volrath ผู้มีความสามารถในการนำ Flowstone ไปใช้ และสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างของสิ่งต่างๆ ได้ตามปราถนา

 

ทำให้ Gerrard อนุมัติให้ทีมบุกโจมตีของเขา ตะลุยเข้าสู่ฐานทัพของ Phyrexian ต่อไป เพื่อช่วยเหลือ Tangrath และ Karn ต่อไป

 

Mirri และ Crovax เจอกับ Selenia ตัวจริง และเป็นทางด้านของ Selenia ที่เหนือกว่า 

การโจมตีของนางฟ้า ทำให้ Mirri บาดเจ็บสาหัส 

ทางด้าน Crovax ที่บาดเจ็บเช่นกันก็คลุ้มคลั่งอีกครั้ง เขาโจมตีอย่างมั่วซั่ว เหมือนเด็กเหวี่ยงหมัด

 

แต่ Selenia กลับเลือกที่จะไม่หลบการโจมตีนั้น… ดาบของ Crovax สับเข้าร่างของ Selenia อย่างจัง…


วินาทีแห่งความเจ็บปวด

 

ร่างของ Selenia แตกเป็นชิ้นๆ ราวกับเศษกระจก มันพุ่งกระจายไปทุกทิศทาง และฝังเข้าสู่ร่างของ Crovax… แต่ความเจ็บปวดทางร่างกายมันไม่เท่ากับใจที่แตกสลาย… Crovax หมดสติลง และถูกคำสาปจากการสังหารคนรักคนเดียวของเขา… เขาถูกสาปให้เป็น Vampire ณ ที่ตรงนั้น

 

ทางด้านของ Gerrard ก็สามารถช่วยเหลือทั้ง Karn และ Tangrath ได้แล้ว 

ก่อนจะไปพบเป้าหมายของภารกิจของเขา Sisay ที่ถูกจับตัวไปและ Takara 

และที่ห้องโถงแห่งนั้น เขาก็พบกับ Volrath… ผู้นำสูงสุดของ Rath


Volrath เจ้าแห่ง Flowstone

ฉับพลัน ภาพความทรงจำในวัยเด็กก็ย้อนกลับเข้ามา… Gerrard สัมผัสได้ถึง Vuel

ใช่แล้ว Starke ไม่เพียงทำให้ Vuel ต้องออกจากหมู่บ้าน แต่เขายังชักจูงให้ Vuel เดินทางข้ามดาวมาที่ Rath และ เข้าสู่กระบวนการดัดแปลงร่างกาย จนตอนนี้กลายเป็นครึ่งมนุษย์ ครึ่งจักรกลที่มีชื่อว่า Volrath ไปเรียบร้อยแล้ว

 

หลังจากการประทะกัน Volrath ก็ถูกสังหาร และเขาก็สามารถช่วยทั้ง Sisay และ Takara ลูกสาวของ Starke ออกมาได้

ร่างของ Volrath ค่อยๆ เปลี่ยนรูปร่างไปอีกแล้ว… มันเป็นอีกหนึ่งในร่างปลอม ที่เป็นเทคโนโลยีที่ Volrath ชำนาญมากที่สุด แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็น ตอนนี้พวกเขาทำภารกิจของพวกเขาได้สำเร็จแล้ว เขาต้องออกไปจากที่นี่


ร่างปลอม และความลวง

 

สมาชิกของยานบิน Weatherlight ได้กลับมาที่ยานบินจนครบแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถจบภารกิจได้ง่ายๆ…

เครื่องเดินทางข้าม Plane ของยานบินยังไม่สามารถใช้งานได้ และตอนนี้ Predator ยานบินคู่อาฆาตก็ออกโรงมาไล่ล่าพวกเขาอีกแล้ว

 

Ertai จึงอาสา และนำเสนอแผนที่ 2

เปิดประตูมิติแล้วขับยานผ่านไปเลย โดยเขาสามารถเปิดประตูมิติด้วยความช่วยเหลือของนักเวทย์ที่ดาว Rath แห่งนี้ได้ และหลังจากเปิดประตูได้สำเร็จ ค่อยมารับเขากลับขึ้นยาน

ทางเลือกที่มี ก็เหมือนไม่มี สมาชิกทีม Weatherlight จึงจำเป็นต้องทำตามแผนของ Ertai

 

Crovax ที่ฟื้นขึ้นมาบนยาน ก็ได้ยินเสียงในหัวของเขา สั่งให้ทำลายยาน Weatherlight ทิ้งซะ


Mirri ที่สงสัย Crovax
 

เขาเริ่มทำลายข้าวของภายในยาน ก่อนที่ Mirri ผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจะเข้าโจมตี Crovax

ทั้งคู่ตกลงจากยานไปสู่ที่ๆ พวกเขาพึ่งจากมา

Gerrard เองก็ตามลงไปเพื่อยุติความวุ่นวายนี้ แต่เขากลับต้องพบกับ Greven il-Vec หัวหน้าของยานบิน Predator เขาต้องปะทะกับ Greven แถมยังต้องพยายามช่วยเหลือ Mirri ที่ถูก Crovax ที่ขาดสติเข้าโจมตีอยู่

คำทำนายจากพิธีกรรมที่ Mirri เคยผ่านมาเมื่อครั้งก่อนได้เข้ามาย้ำเตือนเธอ... 

 

“Gerrard จะต้องตาย ถ้าเธอเลือกที่จะไปกับเขา”

 

เพื่อให้ Gerrard สามารถหลบหนีจาก Greven โดยที่ไม่ต้องพะวงกับเธอมากนัก… เธอจึงเลิกดิ้นรน และเธอจะเปลี่ยนคำทำนายนั้นซะ

แน่นอนว่าพลังใหม่ที่ Crovax พึ่งได้รับมาจากการเป็น Vampire ย่อมได้เปรียบ Mirri ที่บาดเจ็บสาหัส และไม่มีใจในการสู้อีกต่อไปแล้ว

Mirri ถูก Crovax สังหารที่ Rath


Greven แห่งยานบิน Predator

ส่วน Gerrard ก็สามารถหลบหนีและกลับขึ้น Weatherlight ไปได้ 

 

คำทำนายในกาลก่อนได้ถูกเปลี่ยนไปด้วยรักแท้ของ Mirri

 

ทางด้านของ Ertai ที่ลงไปเปิดประตูมิติทิ้งไว้ ในขณะที่ยานบิน Weatherlight ก็พยายามสลัดจากการตามล่าของ Predator

และพวกเขาก็ทำได้สำเร็จ สมาชิกที่เหลือบนยานสามารถพายานขับเข้าประตูมิติได้… เหลือก็เพียง Ertai ที่ไม่ได้กลับขึ้นยาน และประตูมิติก็ถูกปิดลง เพื่อไม่ให้ยาน Predator บินตามไปได้ทัน


ประตูมิติที่เปิดเป็นแผนสำรอง
 

- Mercadia เมืองแห่งการค้าและมังกรจักรกล -

ยานบิน Weatherlight ที่ควรจะกลับไปที่ Dominaria กลับไปโผล่ที่ Mercadia ดาวข้างเคียงแทน…

แต่พวกเขาก็ไม่ได้ลงจอดนิ่มนวลเหมือนกับสายการบินพาณิชย์ เนื่องด้วยพิกัดที่ผิดพลาด พวกเขาจึงตกลงไปที่ป่า Rushwood ของ Mercadia แทน

 

ด้วยความไม่คุ้นเคยสถานที่ พวกเขาจึงแยกกันออกสำรวจ และเหลือไว้เพียงแพทย์อย่าง Orim กับสมาชิกที่บาดเจ็บไว้บนยานบิน Weatherlight

 

และสมาชิกที่อยู่กับยาน ก็พบกับชนเผ่า Cho-Arrim ที่ตอนนี้บุกมาล้อมยานของพวกเขาไว้

เนื่องจาก Cho-Arrim นั้น เชื่อเรื่องคำทำนายการกลับมาของ Ramos มังกรจักรกล ที่เปรียบเสมือนเทพแห่งทุกสรรพสิ่งในดาว Mercadia

และการมาถึงของยานบินขนาดยักษ์อย่าง Weatherlight ก็ทำให้พวกเขาคิดว่า นี่คือการแจ้งเตือนการกลับมาของ Ramos เทพเจ้ามังกรของพวกเขานั่นเอง

 

และเพื่อความกระจ่าง ทหารของ Cho-Arrim ก็ต้องพาตัวผู้เกี่ยวข้องไปพบกับผู้นำของพวกเขา Cho-Manno


Cho-Manno แพทย์ และผู้นำของ Cho-Arrim

 

ในขณะที่อีกด้าน Gerrard และสมาชิกในทีมที่เหลือ ก็ถูกจับตัวโดยทหารของ Mercadia ส่วนยานบิน Weatherlight ก็ถูกยึดไว้เช่นกัน 

ทางทหารให้ข้อเสนอ เป็นการแลกเปลี่ยนเอายานบิน Weatherlight คืน ด้วยการนำทีมงานของ Gerrard ไปใช้ในการขับไล่กบฏในเมือง Mercadia

กบฏที่พวกทหาร Mercadian พูดถึงก็คือ พวก Cho-Arrim นั่นเอง

 

Gerrard เองไม่ได้รับรู้เรื่องราวการเมืองภายใน เช่นเดียวกับสมาชิกคนอื่นๆ พวกเขาจึงยินดีที่จะช่วยเหลือฝ่าย Mercadia อย่างเต็มที่

 

ทว่า เมื่อ Gerrard บุกเข้าโจมตี Cho-Arim เขาก็พบว่า Orim แพทย์ประจำยานบินของเขานั้น ได้เข้าพวกกับ Cho-Arim และได้แลกเปลี่ยนเบื้องหลังของทหารของ Mercadian ว่าแท้จริงแล้ว พวก Mercadian ต้องการวัตถุโบราณ ที่ทาง Cho-Arim เก็บรักษาไว้…

"กระดูกของ Ramos ที่เป็นหนึ่งใน Legacy Weapon…"

 

Gerrard จึงพาพรรคพวกกลับไปเข้าร่วมกับทาง Cho-Arim และต่อต้านทหารของ Mercadia

โดยพวกเขาได้ทั้งสิ่งประดิษฐ์ที่เป็น Legacy Weapon ต่างๆ และ Squee ผู้เป็น Goblin ระดับอัจฉริยะมาเข้าร่วมกับทีมลูกเรือ Weatherlight อีกด้วย

 

- Squee คนรับใช้ประจำยาน -

Squee เป็น Goblin ที่เข้ามารับหน้าที่ดูแลเรื่องอื่นๆ ในยาน รวมถึงทำอาหารรสชาติประหลาดๆ อยู่เสมอๆ

เขามาจาก Mercadia ที่เป็นเมืองค้าขาย และปกครองโดยเหล่า Goblin

โดย Squee เอง เป็น Goblin ที่มีความฉลาดเมื่อเทียบตามมาตรฐาน Goblin เขาจึงได้ขึ้นเป็นชนชั้นปกครองก่อนที่จะถูกทาบทามให้เข้ามาเป็นลูกเรือ Weatherlight

 

หลังจากที่ทีม Weatherlight ได้ชิ้นส่วนของ Legacy Weapon มาครบถ้วนแล้ว พวกเขาก็ต้องเดินทางออกจาก Mercadia 

ทว่า…

ในจังหวะที่พวกเขาจะเดินทางกลับไปที่ DominariaTakara ลูกสาวของ Starke กลับเข้าโจมตีพวกเขา และขโมยเอา Legacy ทั้งหมดที่พวกเขาตามหาจาก Mercadian ไป รวมถึงจับตัวทั้ง Squee, Hanna และ Karn ไป


เสียง  และร่าง เป็นของลูก... แต่พิษที่ใช้ มันเป็นของ Volrath

ร่างของเธอเปลี่ยนกลับไปเป็นร่างที่แท้จริง… Volrath แฝงตัวมาอยู่กับพวกลูกเรือ Weatherlight ตลอดเวลาที่ผ่านมา!

แต่กระนั้น Gerrard ก็กลับไปช่วยลูกเรือของเขา และเก็บกู้ Legacy มาได้ ส่วน Volrath ก็ต้องหนีกลับ Rath ไป

 

ทีม Weatherlight กลับไปที่ Dominaria ได้สำเร็จ พร้อมกับสงครามที่กำลังจะปะทุขึ้น

 

- การรุกรานของ Phyrexian -

หลังจากที่ทีม Weatherlight กลับมาถึง Dominaria พวกเขาก็พบว่า เหล่า Phyrexian ได้เริ่มโจมตีด้วย Rathi Overlay ที่เป็นการเอาดาว Rath มาครอบทับ Dominaria เพื่อให้บรรดาทหารของ Phyrexian สามารถเข้าสู่สนามรบได้โดยไม่ต้องผ่านประตูมิติหลักที่ Cave of Koilos

 

เพียงแค่วันแรกของสงคราม Hanna ก็พลาดท่า โดนโจมตีด้วย Flowstone ที่เป็นวัตถุจากดาว Rath และมีผลเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต

แม้ว่าสมาชิกลูกเรือทุกๆ คนจะพยายามช่วยเหลือเธออย่างเต็มที่ แต่ด้วยความสามารถในการเปลี่ยนแปลงตัวเองของ Flowstone ไม่ว่าวิธีไหนๆ ก็ยากที่จะหยุดความตายที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของเธอ

 

Hanna เสียชีวิตตั้งแต่วันแรกๆ ของการบุกโจมตีโดย Phyrexian

 

แต่ภารกิจและหน้าที่ของทีม Weatherlight ก็ไม่ได้จบลง การโจมตีระลอกแรกของเหล่า Phyrexian ถูกนำทัพโดย Tsabo Tavoc

Tsabo ในตอนนี้ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจบอกได้ว่าเธอเป็นอะไร แต่เธอมีครึ่งบนเป็นมนุษย์ ส่วนครึ่งล่างกลายเป็นเครื่องจักรที่มีความคล้ายแมลงไปแล้ว

เธอโจมตีทีม Weatherlight และด้วยความทรงพลังของเธอ เหล่าทีม Weatherlight ทำได้แค่หนีตายไปเรื่อยๆ เท่านั้น

แต่กับ Gerrard ที่พึ่งสุญเสีย Hanna ไปนั้น เขาไร้สมาธิ และก็จบลงที่การพลาดท่า ทำให้ Tsabo เข้าควบคุมจิตใจได้

 


Tsabo Tavoc

 

กระนั้น เพื่อนๆ ของพวกเขาก็กลับมาช่วยไว้ได้ทัน โดย Karn ต้องยอมทำลายคำสาบานของตนเอง แล้วเข้าไปหักขาของ Tsabo ทิ้ง เพื่อให้เธอปลดปล่อย Gerrard จากเวทย์มนต์ควบคุมจิตใจ

 

Tsabo หนีกลับไปที่ Phyrexia ได้… เพียงเพื่อจะถูกแยกชิ้นส่วน และกลายไปเป็นอะไหล่ให้กับเหล่า Phyrexian ชั้นสูงต่อไป

ทว่า เรื่องราวของทีม Weatherlight ก็ยังไม่จบลง แม้พวกเขาจะหลบรอดจาก Tsabo Tavoc ได้ แต่บัดนี้ ยานบินคู่อาฆาตของพวกเขา Predator ได้เข้าสู่สนามรบ และตามล่าพวกเขาอีกครั้ง

 

แต่ครั้งนี้ Multani ผู้เป็นอาจารย์ของ Gerrard ได้เข้าร่วมทีม Weatherlight เพื่อปกป้อง Dominaria และผืนป่า Yavimaya ของเขา

โดย Multani เขาถอดจิตมาตามละอองสปอร์ของดอกไม้ ก่อนที่จะเจอกับ Gerrard ที่ยานบิน Weatherlight 

เพื่อช่วยเหลือลูกศิษย์ของเขา ตัวของ Multani จึงฝังจิตของตัวเอง เข้ากับตัวของยานบิน การที่เขาทำเช่นั้นได้ ก็เป็นเพราะตัวยานทำมาจากไม้ของป่า Yavimaya เพราะการร้องขอความช่วยเหลือ จาก Urza ผู้สร้าง Weatherlight เอง

 

- Multani ผู้ให้ชีวิตยานบิน Weatherlight -

ย้อนไปเมื่อครั้ง Urza ได้จบศึก Brothers War กับ Mishra น้องชายของเขา ด้วยการระเบิดดาวทั้งดวงทิ้ง

เขต Argoth อันเป็นป่าอันอุดมสมบูรณ์ ได้เป็นหนึ่งในเขตที่ถูกแรงระเบิดทำลายไปจนแทบสิ้น และนั่นทำให้ Multani เกิดความโกรธแค้นกับ Urza เป็นอย่างมาก

 

ในวันที่ Urza จะก่อตั้งโรงเรียน Tolarian Academy เขากลับไปหา Multani เพื่อหวังจะให้ Multani ไปเป็นอาจารย์สอนวิชาเกี่ยวกับป่า…

แต่เขาไม่รู้มาก่อน ว่า Multani เก็บความโกรธแค้นที่ Urza ทำลายป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของ Dominaria ไป เมื่อ Urza ไปถึง Yavimaya เขาจึงโดนจับขังไว้กับต้นไม้ และเชื่อมต่อจิตเข้ากับความเจ็บปวดของป่าที่ถูกทำลายไป…

 

แต่การจองจำก็ไม่ได้อยู่นานนัก เพราะ Barrin ก็แจ้ง Urza ให้กลับไปที่ Tolarian Academy ผ่านทางเครื่องมือสื่อสาร ในตอนที่ Phyrexian โจมตี Tolarian Academy

ซึ่ง Urza ที่เชื่อมต่อจิตกับป่าของ Multani อยู่นั้น ได้ส่งภาพของ Phyrexian ให้ Multani เห็นไปด้วย 

และนั่น ทำให้ Multani ตระหนักได้ว่า ภัยที่ร้ายแรงยิ่งกว่าป่าที่ถูกทำลาย คือดาวทั้งดวงที่อาจจะโดนทำลาย และกลืนกินไปเป็นเครื่องจักร


Multani ในตอนสร้างยาน Weatherlight ใหม่ๆ

 

Multani จึงปล่อย Urza ไป และเข้าร่วมเป็นพรรคพวกของ Urza ต่อไป

 

ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบัน การบุกโจมตีของ Predator ในครั้งนี้ ถูกเสริมด้วยกาารปลุกมังกรระดับ Primeval Dragon อย่าง Darigaaz ขึ้นมาเสริมการโจมตีด้วย

และยาน Weatherlight ไม่อาจต้านทานได้ ตัวยานบินเสียหายอย่างหนัก

กระนั้น Karn ก็ได้เริ่มซ่อมแซมตัวยาน ด้วยความรู้ที่ฝังอยู่ในตัวของ Karn เอง รวมกับ Thran Tome ที่ตัว Karn ได้ศึกษามา (อีกทั้ง ตัว Karn เองก็ถูกสร้างมาจากเทคโนโลยีแบบเดียวกัน)

Karn จึงไม่เพัยงแค่ซ่อมแซมได้อย่างรวดเร็ว แต่เขาได้อัพเกรดทำให้ยานได้ความตระหนักรู้เป็นของตัวเอง ซึ่งนั่น ทำให้จิตของ Multani จำเป็นต้องลาจากลูกศิษย์ของเขา และกลับไปป้องกัน Yavimaya บ้านเกิดของเขา

 

กระนั้น Gerrard ก็พลาดโดนลักพาตัวไป รวมถึง Squee ที่ติดไปด้วย…

โดยคนที่เขารู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี… Ertai จอมเวทย์มาดกวนของพวกเขานั่นเอง


Ertai ในร่างใหม่ ลักพาตัวสหายเก่า

 

หลังจากที่ Ertai ถูกทิ้งไว้ที่ Rath เพื่อเปิดประตูมิติ แม้ว่า Ertai จะพยายามหาหนทางในการกลับบ้านไปยัง Dominaria แต่เหตุการณ์ที่เขาได้พบ ทำให้เขาตัดสินใจเข้าไปอยู่ร่วมกับเหล่า Phyrexian 

เพราะตัว Ertai มองว่าน่าจะเป็นทางที่ง่ายกว่า และดีกว่าพยายามเปิดประตูมิติเพื่อกลับบ้านไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆ

 

Gerrard ถูกนำไปพบผู้นำของ Rath

แต่ไม่ใช่อดีตพี่น้องบุญธรรมของเขา ไม่ใช่ Volrath ที่ครองบัลลังก์อีกต่อไปแล้ว...

ตอนนี้ Evincar ของ Rath คือคนที่พวกเขาคุ้นเคย... Crovax นั่นเอง 

หลังจากที่ Volrath ทำภารกิจพลาด ไม่สามารถนำตัว Gerrard ไปได้ เขาก็โดนล้มอำนาจโดยการประลอง และจบลงที่ Crovax สามารถเอาชนะผู้ร่วมสังเวียนไปได้ทั้งหมด


Crovax ในร่าง Vampire และตำแหน่ง Evincar

 

แต่ตัว Crovax เอง ก็ทำเพียงแค่ พา Gerrard ไปรับใช้ Yawgmoth เทพเจ้าแห่ง Phyrexia ด้วยข้อเสนอในการแลกเปลี่ยนกับชีวิตของ Hanna...

Yawgmoth สัญญากับ Gerrard ว่า ด้วยเทคโนโลยีที่มันมี มันสามารถสร้างดาวทั้งดวงได้ แล้วเหตุใดเพียงแค่ชีวิต 1 ชีวิต มันจะนำกลับมาไม่ได้

แน่นอนว่า Gerrard ก็ยอมเป็นหมากของ Yawgmoth

เพื่อแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์… เพื่อ Hanna จะได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

 

ทางด้าน Ertai ก็ได้ Squee ไปเป็นหนูทดลอง… และเพื่อเหตุใดก็ไม่ทราบได้… เหล่านักวิทยาศาสตร์สติหลุดของ Phyrexia ก็อัดความสามารถในการรักษาตัวเองให้กับ Squee อย่างล้นเหลือ

เพื่อให้ Ertai สามารถทดลองจนร่างของ Squee ตาย แล้วฟื้นขึ้นมา เพื่อทดลองไปได้เรื่อยๆ…


Ertai ในร่างใหม่ กับหนูทดลอง Squee

 

ส่วนทางด้านยานบิน Weatherlight ที่ไร้ผู้นำ แม้จะต้องต่อกรกับยานบินคู่อาฆาตอย่าง Predator

แต่ด้วยความพ่ายแพ้ที่เคยได้รับมาในการต่อสู้กับ Weatherlight ที่ Rath มาก่อน และคำว่าผิดพลาด ไม่เคยเป็นที่ยอมรับในพจนานุกรมของ Phyrexian

ยานบิน Predator จึงได้รับเพียงการซ่อมแซม และถูกยานบินลำอื่นๆ ของ Phyrexian บดบังรัศมีไปเสียหมด

 

จุดจบของยานบิน Predator จึงถูกทำลายลงด้วยอาวุธ และความสามารถของลูกเรือ Weatherlight ที่ดีขึ้นจากทุกๆ การผจญภัย 

ส่วน Greven กัปตันเรือของ Predator ก็ถูก Tangrath บุกขึ้นเรือและสังหารไปอย่างไม่ยากเย็นนัก

 

กลับไปที่ด้านของ Squee และ Ertai การทดลองที่เรียกว่าเป็นความทรมานของ Squee ก็ไม่ได้คงอยู่ตลอดไป

ในวันหนึ่ง ขณะที่ Ertai กำลังทดลองกับ Squee นั้น เครื่องรักษาของ Phyrexian ก็เกิดการระเบิดขึ้น เหตุระเบิดครั้งนี้ ทำให้ Ertai เสียชีวิตลงทันที ส่วน Squee นั้น ด้วยความเป็นอมตะ เขาจึงสามารถเอาชีวิตรอดออกมาจากเหตุระเบิดนั้นได้

 

ทางด้านของ Gerrard เอง ก็ต้องพบกับผู้ที่เป็นเสมือนจุดกำเนิดของสายตระกูลของเขา... ผู้ริเริ่มโครงการ Bloodline…

Urza นั่นเอง… ในตอนนี้ Urza เองได้แปรพักต์จากพวก Dominaria ไปแล้ว เพียงเพื่อแหล่งความรู้มหาศาลอย่างดาว Phyrexia แห่งนี้… เพื่อความรู้จากเทพเจ้า Yawgmoth ตนนี้

 


เพื่อตัวเอง... หรือเพื่อสิ่งที่เหนือกว่า?

 

ทั้ง Gerrard และ Urza ต้องประทะกันเพื่อพิสูจน์ความจงรักภัคดีต่อ Yawgmoth

กระนั้น ตัว Yawgmoth เอง กลับไม่ไว้ใจ Urza 

ในลานประลองที่มันจัดทำขึ้น ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ Urza จะปลิดชีพ Gerrard แต่ก็เป็ฯทาง Yawgmoth ที่เล่นสกปรก ทำให้ Urza ไม่สามารถลงมือปลิดชีพ Gerrard ได้แม้แต่ครั้งเดียว

 

จนถึงการประลองยกที่ 3 ก็เป็น Gerrard ที่ได้โอกาสบั่นคอ Urza และชนะศึกครั้งนี้

รางวัลจากสัญญาของ Yawgmoth คือชีวิตของคนรัก ที่เขาควรจะได้กลับมา... กลับเป็นเพียงคำลวง

 

ร่างของ Hanna ผู้เป็นที่รักได้ปรากฏต่อหน้าของ Gerrard… เพียงเพื่อจะให้เขาเห็นว่ามันเป็นร่างจำลองเท่านั้น ร่างอันว่างเปล่าไม่มีความทรงจำใดๆ ไม่มีแม้แต่ความตระหนักรู้เป็นของตัวเอง

 

"Gerrard รู้แล้วว่าเขาโดนหลอก"

 

Yawgmoth ก็ย้ายจิตของตัวเองลงไปในร่างของ Hanna ที่มันสร้างขึ้น เพื่อให้เธอกลับมามีชีวิต

แต่ก็ไม่ทันการ Gerrard ตัดสินใจจะสังหารร่างนั้นทิ้งเสีย


ความลวงอันว่างเปล่า

 

จิตของ Yawgmoth ที่เข้าไปอยู่ในร่างของ Hanna ไปแล้ว ได้รับความเจ็บปวดจากการโจมตีที่มันไม่คิดว่า Gerrard จะลงมือทำ และเผลอใช้พลังของมัน ผลักให้ Gerrard กระเด็นออกไปจากลานประลอง…

จนไปถึงดาว Rath ด้วยพลังระดับเทพเจ้าของมัน

 

Gerrard ได้สติอีกครั้งในห้องแห่งบัลลังก์ของ Crovax...

ในครั้งนี้ Crovax ไม่ต้องการจะนำ Gerrard กลับไปหา Yawgmoth อีกแล้ว... เขาต้องการพลังของสุดยอดสิ่งมีชีวิตอย่าง Gerrard...

และคำสั่งของ Yawgmoth ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นให้พวก Phyrexian ทำลาย Dominaria ทิ้ง

Crovax จึงไม่มีเหตุผลที่จะเก็บ Gerrard เอาไว้

ทั้งคู่เข้าโจมตีกันเพื่อหวังสังหาร แต่ก็จบลงด้วยชัยชนะของ Gerrard ก่อนที่ยานบิน Weatherlight จะมารับเขาพร้อมกับหัวของ Urza กลับไปที่ Dominaria


ความลุ่มหลงที่จบลงด้วยความตาย

 

ทางด้าน Yawgmoth ก็แปลงร่างตนเองเป็นหมอกพิษแห่งความตาย เพื่อเข้าทำลายล้าง Dominaria หลังจากที่มันไม่สามารถนำสุดยอดมนุษย์ดัดแปลงอย่าง Gerrard มาเข้าเป็นพวกได้

กระนั้น ชัยชนะก็ตกเป็นของทีมงานยานบิน Weatherlight ที่ใช้พลังจาก Legacy Weapon กำจัด Yawgmoth ได้สมบูรณ์แบบ ด้วยการสละชีวิตของ Gerrard และ Urza ลง

 

และก็มาถึงช่วงเวลาปิดท้าย กับเรื่องราวของ Gerrard Capashen ที่จบลงอย่างสมบูรณ์ 

ทางเราขอขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ และทุกๆ การติดตามครั