GIDEON JURA

"อมตะเป็นเพียงคำพูด"

 

โดย Gideon Jura เป็น Planeswalker เผ่าพันธุ์มนุษย์ เพศชาย เขามีร่างกายบึกบึน ผมดำขลับ และผิวสีน้ำตาลอ่อน เขาสามารถใช้เวทย์มนต์ด้านการปกป้องร่างกายของเขาได้ดี จนเสมือนว่าเขาจะเป็นอมตะจากการโจมตีทุกรูปแบบ

เขามีความเชื่อด้านการปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า และเขาเข้าถึงมานาสีขาวเพียงสีเดียว

เวลาที่เขา Planeswalk จะหายไปในแสงวาบประกายสีทอง

 

- วัยเยาว์ -

Gideon เกิดที่เมือง Akros ที่ดาว Theros

โดยเมือง Akros เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูง Kolophon และเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อลือชาด้านการทหารเป็นอย่างที่สุด วัฒนธรรมของ Akros นั้นเต็มไปด้วยการฝึกฝน ทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อความเป็นเลิศทางทหารเพียงอย่างเดียว

ส่วน Theros นั้น เป็นดาวที่มีรูปแบบการทับซ้อนของความเป็นจริงที่แตกต่างจากดาวอื่นๆ โดยสิ่งต่างๆ ที่มาจากความฝัน ความเชื่อ และจิตใต้สำนึก จะสามารถก่อตัวเป็นรูปร่างออกมาในสภาวะความเป็นจริงได้

และนั่น ทำให้ที่ดาวนี้ เต็มไปด้วยเทพพระเจ้าที่ก่อตัวมาจากคำขอ และการเคารพสักการะตามความเชื่อของผู้คนในดาว

 

กลับมาที่เรื่อง Gideon กันดีกว่า

ในแรกเริ่มนั้น ตัวของเขาเกิดมาพร้อมกับชื่อ Kytheon Iora โดยพ่อของเขาหายตัวไปตั้งแต่เขายังจำความไม่ได้ เขาอาศัยอยู่กับแม่แท้ๆ จนกระทั่งเธอเสียชีวิตไปตั้งแต่เขายังเด็กๆ

ด้วยเส้นทางชีวิตเช่นนั้น ทำให้เขาเข้าร่วมเส้นทางของกลุ่มขโมย ที่มีทิศทางของกลุ่มแบบเท่ห์ๆ ว่า “ปล้นคนรวย มาช่วยคนจน”

ก็เป็นที่แน่นอนว่า เขาก็ทำแบบนั้นอยู่ได้ไม่นาน ก็เป็นอันต้องถูกจับกุมเข้าคุกไปตามกฎหมาย...

 


Hixus พัศดี และผู้ฝึกสอนวิชา Hieromancy ให้กับ Kytheon

 

ระหว่างที่เขาถูกคุมขังไว้ เมือง Akros ก็ถูกโจมตีโดยกลุ่มของ Cyclops และ Harpy จำนวนมหาศาล และไม่มีทางเลือกอื่น ผู้คุมในตอนนั้น ก็เลือกที่จะปล่อยเหล่านักโทษเดนตายออกมาเพื่อเป็นกองกำลังต่อต้านเหล่าสัตว์ร้ายพวกนี้

ด้วยทักษะความสามารถของ Kytheon เขารวบรวมสมาชิกเพื่อนๆ หัวขโมย และต่อต้านเหล่า Cyclops และ Harpy ได้สำเร็จ

และตัวของ Kytheon เอง ก็ได้เรียนรู้วิชาทางด้านเวทย์มนต์ขาวแห่งการปกป้อง และการควบคุมผู้เป็นอริ โดยวิชานี้ มีชื่อเรียกว่า Hieromancy

 

หลังจากนั้น เขาก็ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนของเทพแห่งดวงอาทิตย์ Heliod

Heliod เป็นเทพแห่งกฎ และความยุติธรรม เขาเป็นที่เคารพบูชาโดยผู้ที่เชื่อถือ และยึดมั่นในความกล้าหาญ การปกป้อง และการเสียสละ และด้วยความที่เขาตั้งตนเป็นเทพแห่งกฎเอง ในตอนนี้เหตุการณ์ที่เลวร้ายอันเกิดขึ้นที่ Theros ก็ทำให้ Heliod ต้องทำอะไรซักอย่าง...

Erebos เทพเจ้าแห่งความตายของ Theros ในตอนนั้นได้ปลดปล่อย  Titan หรือปีศาจยักษ์ที่ถูกขังไว้ใน Underworld อันเป็นที่คุมขังเหล่าวิญญาณของคนตาย

Erebos ปลดปล่อย Titan ด้วยเหตุผลส่วนตัว และความไม่ถูกกันกับ Heliod

 


Heliod กับหอกแห่งแสง และการแต่งตั้งตัวแทนของเขา

 

ในเหตุการณ์ครั้งนี้ Kytheon และทีมของเขา สามารถจัดการ Titan ของ Erebos ไปได้

และด้วยความสำเร็จในครั้งนี้ Kytheon ก็มั่นใจในฝีมือของตัวเอง... จนก้าวข้ามไปเป็นความโอหัง...

ถ้าล้ม Titan อันเป็นปีศาจโบราณได้ เหตุใดจะล้ม “เทพเจ้า” เองไม่ได้...

 

การเผชิญหน้ามาถึง เพียงแค่การโจมตีของ Kytheon แค่ครั้งเดียว ผลก็ถูกตัดสินทันที...

หอกแห่งแสงของ Heliod... อาวุธที่ Heliod ส่งมอบให้กับตัวแทนของเขาเพื่อใช้ทำภารกิจถูกขว้างออกไปจากมือของ Kytheon

เป้าหมายของมันคือเทพแห่งความตาย Erebos

 

เพียงแค่ Erebos สบัดข้อมือ แส้สีดำ Mastix อันเป็นอาวุธประจำกายของ Erebos ที่มีความยาวราวกับเป็นอนันต์ ก็เริ่มขยับราวกับมันมีชีวิตเป็นของตัวเอง และเพียงสะบัดข้อมือครั้งที่สอง แส้ก็กระทบเข้ากับหอกแห่งแสงของ Heliod...  หอกเล่มนั้นหมุนกลับมา แล้วพุ่งใส่ Kytheon และสหายร่วมรบของเขา

Kytheon รีบใช้เวทย์มนต์ Hieromancy แห่งการปกป้อง ก่อนที่หอกนั่นจะพุ่งเข้าถึงตัวเขา... เกิดเสียงระเบิดดังอึกทึก และแสงสว่างวาบจนภาพทั้งหมดขาวโพลนไปหมด...

ร่างของ Kytheon สะท้านด้วยแรงกระแทก ดวงตาพร่ามัว และหูที่แทบจะไม่ได้ยินเสียงอะไร... เมือสติของเขาเริ่มกลับมาเขาก็ไม่พบสิ่งใดรอบกาย นอกจากร่างอันไร้ชีวิตของเพื่อนพ้องร่วมทีมของเขาทั้งหมด...

ความตระหนักในความด้อยพลัง การสูญเสียเพื่อนร่วมรบของเขาไปทั้งหมดในคราวเดียว ก่อเกิดความรู้สึกผิดอย่างมหันต์ในหัวใจของ Kytheon เขาได้รับ Spark และ Planeswalk ออกไป...

 


Kytheon ที่เหลือรอดจากอานุภาพของหอกแห่งแสง

 

ทุ่งหญ้า สายลม และปราสาทรูปร่างแปลกตากว่าที่ Theros ปรากฏต่อหน้า Kytheon...

ผู้คนดูแตกต่าง แต่จัดหมวดหมู่ได้อย่างง่ายดายผ่านเพียงเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ Kytheon ได้สู่เขต Bant ของดาว Alara...

เขาฝึกฝนตนเองในวิถีทางแห่งอัศวินของ Bant และที่นี่ เขาได้ชื่อ Gideon Jura จากสำเนียงที่ผู้คนของ Bant ฟังจากการแนะนำตัวของเขา แล้วเพี้ยนไป

กาลเวลาผ่านไป Gideon สามารถควบคุมการ Planeswalk ของตัวเองได้แล้ว และในตอนนี้ เขาก็มองหากลุ่ม ที่เขาจะเข้าร่วมเพื่อเริ่มต้นชีวิตอีกครั้ง

 

- เพลิงแห่งการชำระล้าง –

Gideon ได้รับข่าวเกี่ยวกับ “น้ำพุ” ที่ปล่อยเพลิงออกมาจากปล่องของมัน และมันเต็มไปด้วยพลังงานจากมานาสีขาวที่ดาว Regatha โดยแหล่งข่าวของเขา ก็มาจากองค์กรที่ชื่อว่า Order of Heliud

Order of Heliud เป็นองค์กรทางศาสนา ที่ขยายองค์กรไปหลายๆ ดาว ทั่วทั้ง Multiverse โดยมีคติพจน์ประจำองค์กรที่ว่า
“เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อการปกป้อง และเป็นกฎหมายของ Multiverse”

 

แน่นอนว่า Gideon เองก็สนใจในน้ำพุมานาอันนี้ แต่ทาง Order ก็ไม่ได้รับบุคคลภายนอกเข้ามาง่ายๆ Gideon จึงต้องผ่านบททดสอบเสียก่อน...

ภารกิจของ Gideon คือ ไปนำตัว Chandra Nalaar ผู้ที่เป็นนักเรียนวิชาไฟ หรือ Pyromancer ของวิหาร Keral Keep มาให้กับองค์กร

ภารกิจนี้ไม่ได้ยุ่งยากอะไรสำหรับอดีตหัวขโมยอย่าง Gideon 
เขาสะกดรอย Chandra ไปเรื่อยๆ จนสบโอกาสเหมาะ

 

Chandra เอง ในตอนนั้น เธอกำลังทำภารกิจไปเอาคัมภีร์มังกร หรือ Dragon Scroll เพื่อนำกลับไปที่วิหาร Keral Keep

แต่ภารกิจครั้งนี้ของ Chandra เธอถูกดักโจมตีโดยผู้ที่ดูแล Dragon Scroll อยู่

แม้ว่า Chandra จะทรงพลังกว่ากองกำลังป้องกัน แต่การต่อสู่ก็ทำให้วิหารที่เก็บคัมภีร์พังทลายลงมา และนั่น ก็ทำให้ Gideon ต้องเปิดเผยตัว เพื่อเข้าไปช่วยเหลือ Chandra ออกมา...

แต่บุญคุณยังไม่ทันได้ตอบแทน Gideon ก็จัดการจับกุมตัวเธอ ทำให้ Chandra ต้อง Planeswalk หนีไป

นั่นทำให้ Gideon เริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุใด ทาง Order ถึงต้องส่งเขามาตามจับตัวเธอ... เพราะ Chandra เป็น Planeswalker เหมือนกับเขา และเขาน่าจะเป็นเพียงคนเดียวที่จะตามจับเธอได้นั่นเอง

 


Chandra พลังเพลิง

 

ด้วยความร้อนรนของ Chandra เธอ Planeswalk ไปในที่ที่เธอไม่รู้จัก... สถานที่ที่มีเพียงความมืดมิด และตอนนี้ เธอก็ไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้เช่นกัน

เพียงไม่นาน Gideon ที่ยังคงยึดมั่นในภารกิจของตนเอง ก็ Planeswalk ตาม Chandra มาที่เดียวกัน และเขาก็พบว่า ตัวเขาเองก็ออกไปจากที่นี่ไม่ได้

Gideon ได้พบกับ Chandra ซึ่งมันก็สร้างความไม่พอใจให้กับ Chandra อยู่ไม่น้อย

ด้วยความที่เธอคาดหวังว่า Gideon จะเป็นคนที่มาช่วยในเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แต่กลับกลายเป็นว่า Gideon ต้องการเพียงแค่จับเป็นเธอเท่านั้น

แต่ทางด้าน Gideon ก็ให้เธอตั้งสติ และหยุดอารมณ์เกรี้ยวกราดของเธอเสียก่อน... เพราะตอนนี้ ทั้งคู่ติดอยู่ที่ดินแดนแห่งความมืดมิดแห่งนี้... ดินแกนที่ถูกเรียกว่า Diraden

เพียงไม่นาน ทั้งสอง Planeswalker ก็ถูกจับตัวโดยเหล่าสัมภเวสีที่เป็นผู้อยู่อาศัยที่นี่ ไปส่งให้กับเจ้าชาย Velrav... ที่ครองอำนาจอยู่ใน Diraden

 

ทั้งคู่ต้องอดทนอยู่ในราชวังอันเสื่อมโทรมแห่งนี้ Gideon ถูกกักขังไว้ที่คุกใต้ดิน ส่วน Chandra กลายเป็นนางสนม ที่ Velrav คอยแต่จะรีดความลับออกมาจากเธอ

กระนั้น... ฟางเส้นสุดท้ายก็มาถึง

ด้วยความรู้ที่ได้จาก Chandra ตัวของ Velrav เชื่อว่า การสังหาร Gideon จะทำให้มันได้รับ Spark และสามารถทำให้ทั้งจักรวาลปกคลุมไปด้วยความมืดนิรันดร์จากเวทย์มนต์ของมันเอง

 

Chandra ที่รู้ดังนั้น จึงลงมือสังหาร Velrav ในช่วงที่มันเริ่มพิธีกรรมบูชายัญ Gideon นั่นเอง

ทันทีที่ Velrav สิ้นลมหายใจ ฉับพลันเวทย์มนต์ของมันก็คลายลง ทั้งค่ำคืนนิรันดร์กาล และม่านหมอกที่คอยขัดขวางการ Planeswalk ก็หายไปทั้งหมด

ทั้ง Gideon และ Chandra จึงเดินทางกลับไปที่ Regatha

 


Diraden เมืองแห่งหมอกอันมืดมิด

 

เมื่อกลับมาถึง นอกจาก Chandra จะพบว่าวิหาร Keral Keep ของเธอถูก Order of Heliud บุกโจมตีแล้ว

เธอยังได้พบความลับอีกอย่าง...

Gideon เอง กำลังพยายามเป็นสมาชิกของ Order of Heliud และภารกิจของเขา คือการจับตัวเธอ ซึ่งนั่น ทำให้ Chandra ไม่พอใจอย่างมาก

แต่ตอนนี้ เรื่องของ Gideon ต้องพักไปก่อน เพราะ Keral Keep ของเธอกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก

 

แม้ว่า Chandra จะทรงพลังแค่ไหน แต่กับสมาชิก Order of Heliud จำนวนมหาศาล เธอก็ไม่อาจต้านทานได้ และจำต้องยอมมอบตัวให้กับ Order ไป

ทว่า เป้าหมายที่แท้จริงของ Order นั้น คือการจับตัว Chandra มาเพื่อให้เธอผ่านพิธีกรรมพิสูจน์ตนเองในเพลิงแห่งการชำระล้างที่ Gideon ให้ความสนใจนั่นเอง

และสิ่งที่ Order คาดหวัง ก็คือเพลิงจะทำลาย และนำพลังของ Chandra ออกไปจากตัวเธอทั้งหมด เพราะพลังไฟที่เธอมี มันรุนแรงเกินกว่าจอมเวทย์แห่งเพลิงคนใดจะครอบครองได้

และพวกเขาก็มองว่า การที่วิหาร Keral Keep สูญเสียกำลังหลักอย่าง Chandra ไป จะทำให้เส้นทางสู่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทั้ง Multiverse จะเริ่มต้นที่นี่... ที่ Regatha

 


Chandra และเพลิงแห่งการชำระล้าง

 

ทางด้าน Gideon ผู้ที่ได้ศึกษา ที่มาและเบื้องหลังของ Purifying Flame ก็รู้ว่า สิ่งที่เปลวเพลิงทำได้ คือการกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกไป ตามความเป็นมานาสีขาว ที่จะไม่ยอมรับสิ่งใดๆ ที่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ของตนเอง

และเปลวเพลิง ยังจะไม่ยอมให้ผู้ที่มีสิ่งใดค้างคาในจิตใจ ผ่านมันไปได้โดยไม่มอดไหม้

เขารีบเข้าหา Chandra และบอกข้อเท็จจริงนี้กับเธอ

Chandra ตัดสินใจเล่าสิ่งที่ติดค้างในใจของเธอมากที่สุด... เรื่องราวในวัยเด็กของเธอ... ก่อนที่เวลาแห่งการชำระล้างจะมาถึง...

Chandra สามารถเดินผ่านเปลวเพลิงได้อย่างง่ายดาย และเธอออกมาจากกองไฟศักดิ์สิทธิ์ด้วยความต้องการจะเอาคืน... เธอลงมือแผดเผาเหล่า Order ระดับสูงที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้น

ด้วยความโกรธแค้นสุดพลังของ Chandra ทำให้เธอใช้พลังของเธอมากเกินไป จนเธอหมดสติไปท่ามกลางเศษซากปรักหักพัง

Gideon ที่เห็นเหตุการณ์ ก็รีบเข้าไปช่วยเธอ

หลังจากที่ Chandra ได้สติ Gideon ก็เข้าใจมากยิ่งขึ้น ถึงความอันตราย และทรงพลังของ Chandra แต่เขาก็ยื่นข้อเสนอกับ Chandra ให้เธอหลบหนีไปจากที่นี่ และเขาจะปิดเรื่องของเธอเป็นความลับ

Chandra ตอบกลับไป ด้วยการเล่าถึงเรื่องในอดีตของเธอ “พวกคนที่อยากได้ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนี่แหละ ที่พรากครอบครัวของฉันไป”

Gideon ได้ยินคำตอบนั้น ก็ถึงกับชะงัก... เขาตระหนักแล้วว่า การพยายามทำให้ทุกๆ อย่างเหมือนๆ กันไปเสียทั้งหมด... มันก็ตามมาด้วยการกำจัดคนเห็นต่าง... และความเห็นไหนกันแน่ คือความถูกต้องอันเป็นที่สุด?

นั่นเป็นคำถามที่เขาตอบตัวเองไม่ได้...

Chandra ก็ไม่ได้แยแสกับคำตอบของ Gideon เท่าใดนัก เธอยังบอกกับ Gideon อีกว่า “ถ้าใครมาพูดเรื่องความเป็นหนึ่งเดียวกันตามไอ้ Order บ้าบอนี่ละก็ ฉันไม่ไว้หน้าแน่... แม้แต่นายก็ตาม”

Gideon ไม่ได้ตอบอะไร นอกจากบอกว่า เราคงจะพบกันอีก และ Chandra ก็ Planeswalk ออกไปจาก Regatha

 

- ประสบการณ์และการยอมรับ -

หลังจากแยกย้ายกับ Chandra แล้ว Gideon เองก็พบว่าเขารู้สึกผิดต่อ Chandra และมันก็ยิ่งเป็นแรงผลักดันให้เขาออกเดินทาง...

เขาตามรอย Chandra ไปที่ดาวอันสุดแสนวุ่นวาย และอันตรายด้วยพลังงานของมันเอง... Zendikar

 

เมื่อ Gideon มาถึง เขาก็พบเพียงร่องรอยของ Chandra แต่ไม่พบตัวเธอ

เขาตามรอยไปเรื่อยๆ จนถึงเทือกเขา Akoum และร่องรอยทั้งหมดก็หายไป... ความเหนื่อยล้าทำให้เขาต้องหาที่พักเสียก่อน

 

บริเวณนั้น มีป้อมปราการ Keff อันเป็นที่ที่ Gideon เลือกจะเข้าไปขอแหล่งพักพิงเสียหน่อย

แม้ชื่อของมันคือป้อมปราการ Keff แต่ความจริงแล้ว มันก็เป็นเพียงอุโมงค์ และซอกหินของภูเขา ที่มีนักผจญภัยมากมายเลือกที่จะเข้ามากางเต้นท์ และพักผ่อนจากความเหนื่อยล้า ด้วยความที่มันมีทั้งชั้นหินเสมือนหลังคา ที่คอยปกป้องบรรดาสัตว์นักล่า และแม่น้ำจากภายในถ้ำ จึงถือได้ว่า มันเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดของแถบเทือกเขา Akoum แล้ว

 

ณ ที่ป้อมปราการแห่งนี้ Gideon ก็พบกับผู้คนมากมาย และก็ได้เรียนรู้เรื่องราวที่แผ่นดินของ Zendikar เกิดความเปลี่ยนแปลง
และคำตอบที่ทำให้เขาไม่ค่อยเข้าใจมากนัก “แผ่นดินกำลังโกรธอยู่”

คืนเดียวกันนั้น ระหว่างที่ Gideon กำลังนอนหลับอยู่ เขาก็ฝันเห็น Chandra กำลังอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงสีขาวแห่งการชำระล้าง และเธอไม่สามารถข้ามผ่านบททดสอบการชำระล้างไปได้ เธอกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด...

 

“เดี๋ยวสิ นั่นไม่ใช่เสียงจากในฝัน” Gideon สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากเสียงโหยหวนที่นอกเต้นท์ที่พักของเขา

เขารีบออกไปดูเหตุการ์ต้นเสียง ก็พบว่ามีสัตว์ที่หน้าตาประหลาดกำลังถูกจับกุมโดยทหารยามเฝ้าป้อมอยู่

ซึ่งเขาก็ได้คำตอบมาว่า มันคือ Surrakar ที่เป็นสัตว์เลื้อยคลานพื้นถิ่นของที่นี่... แต่ที่แปลกก็คือโดยปกติแล้ว Surrakar  จะอยู่ที่ Bala Ged ที่อยู่คนละทวีปเลยทีเดียว

และที่แปลกไปกว่านั้นคือ... เจ้า Surrakar ตัวนี้ สามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้ และประโยคที่มันพูดออกมากับ Gideon คือ

“พระเจ้ามาถึงแล้ว... ฆ่าข้าทิ้งซะ”

แต่กระนั้น Gideon ก็ไม่สามารถทำตามคำขอของมันได้ เพราะทหารยามก็ยังคงจับกุมมันเอาไว้ในคุกตามเดิม...

 


Surrakkar หนึ่งในสัตว์พื้นถิ่นของ Zendikar

 

จนกระทั่งรุ่งเช้า... เหล่าผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาที่ป้อม Keff กันอย่างต่อเนื่อง และก็ทำให้เริ่มประสบปัญหาอาหารขาดแคลนทันที

เหล่าผู้อพยพต่างพูดคุยกัน และสิ่งที่พอจะจับใจความได้ก็คือ ฝูงแมลงปีศาจกำลังโจมตีพวกเขา ซึ่งหัวหน้าป้อมก็ไม่คิดว่า สิ่งที่พวกเขาพูดมันเป็นไปได้...

ต่างจาก Gideon ผู้ที่เห็นว่า Surrakar สามารถพูดกับเขาได้... และเขาคิดว่ามันน่าจะมีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่มีผู้อพยพจำนวนมหาศาลเข้ามาที่ป้อม Keff ตอนนี้

 

เขากลับไปคุยกับเจ้า Surrakar อีกครั้ง เพราะเขาอยากจะรู้ว่า “พระเจ้า” ของ Surrakar มันคืออะไร

แม้ว่ามันจะพูดจับใจความได้ยากอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วก็พบว่า

“พระเจ้าคืออะไรบางอย่าง... ที่มาจากโลกอื่น... มันไม่ยึดติดกับสี... มันไม่ยึดกับเวลา... พวกมันไร้ขอบเขต... มันมาเพื่อกลืนกินเนื้อ แล้วมันจะทิ้งไว้แค่ซากกระดูกจากทุกๆ สิ่ง...”

Gideon พอจะจับใจความได้ดังนั้น แต่ด้วยข้อมูลที่มาจากสัตว์ป่า การแจ้งต่อหัวหน้าป้อมก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเท่าไหร่นัก

เพราะตอนนี้ เขาก็ยุ่งกับการจัดการเรื่องอาหารสำรองเสียก่อน

 

และเมื่อเวลาย่ำค่ำ เหล่า “แมลงปีศาจ” ก็มาถึงป้อม Keff เสียแล้ว... มันคือ Eldrazi Brood จำนวนมหาศาล เข้าโจมตีเพื่อหาอาหารของพวกมัน...

Gideon และคนที่พอจะต่อสู้ได้ ก็ร่วมมือกันปกป้องผู้อพยพจากภัยครั้งนี้

 

แสงสีทองแปล่งประกายออกมาจากข้อมือของ Gideon มันเคลื่อนไหวได้ดุจแส้ แต่มันหาได้สร้างมาจากหนังไม่ มันเป็นแผ่นโลหะที่ถูกตีจนบาง...

Sural อาวุธประจำกายของ Gideon ที่เขาฝึกฝนมาตั้งแต่วัยรุ่น มันแสดงแสนยานุภาพอย่างเต็มที่

ฝูง Eldrazi Brood จำนวนมหาศาล ไม่อาจต้านทานความแข็งแกร่งของ Gideon ได้ เขาสามารถหยุดการโจมตีครั้งนี้ไว้ได้

บรรดาผู้อพยพก็ต้องอพยพออกไปจากพื้นที่ของป้อม Keff อีกครั้ง...

 


Gideon ในศึกแห่ง Zendikar

 

ชัยชนะของทหารแห่งป้อม Keff ก็อยู่ได้ไม่นานนัก... ฉับพลันท้องฟ้าก็พลันมืดมน...

ร่างขนาดมหึมาปรากฏขึ้นขัดขวางแสงอาทิตย์สุดท้าย... รยางค์มหาศาลล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า พร้อมกับฝูง Eldrazi Brood ชุดใหม่ที่ตามมา

Emrakul ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง... มันคือเหตุ และผลของ Eldrazi จำนวนมหาศาล... มันคือพระเจ้าแห่งการทำลายล้างที่ Surrakar พูดถึง

 

Gideon ทำได้เพียงยืนตกตะลึงในขนาดของมัน... ไม่ว่าแผนไหนๆ ในหัวของเขามันก็ไม่น่าจะได้ผลในสถานการณ์แบบนี้... เขาคิดว่ามันคงถึงเวลาที่เขาจะต้องขอความช่วยเหลือจากคนที่มีความชำนาญเรื่องบ้าบอแบบนี้... เขา Planeswalk ไปที่ Ravnica ทันที

 

- สงครามและเพื่อนใหม่ -

เมื่อ Gideon มาถึง Ravnica เขาก็ต้องตามหาองค์กรที่เขาเชื่อว่า น่าจะรวบรวมผู้คนที่มีความสามารถมากพอที่จะทำให้เขาแก้ไขสถานการณ์ที่ Zendikar ได้

แต่ทว่า... เขาไม่สามารถหาองค์กรที่เขาเชื่อว่ามีอยู่ได้เจอ... ไม่เพียงว่ามันเป็นองค์กรที่เต็มไปด้วยความลับ... แต่ในตอนนี้ Inifinite Consotium คือองค์กรที่ล่มสลายไปแล้วต่างหาก...

 

แถมในช่วงเวลาที่เขาเข้าไปถึง Ravnica ก็พบว่า แต่ละกิลด์ในเมือง กำลังประสบปัญหากับการจลาจลของกลุ่มคนไร้กิลด์ และถ้าเหตุการณ์นี้บานปลายไปเป็นสงครามกลางเมือง ความสูญเสียของชาว Ravnica น่าจะมีมากกว่าที่ Zendikar

Gideon จึงพยายามเข้าไปหยุดเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆ ในเมือง แต่กระนั้น การรับศึกสองด้านก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก ข้อมูลต่างๆ ที่ Gideon ได้มาเริ่มมีประโยชน์ต่อปัญหาที่ Zendikar มากขึ้น

สิ่งที่เขาได้เรียนรู้ก็คือศิลาเวทย์มนต์ที่มีชื่อเรียกว่า Hedron

มันสามารถหยุดยั้งเหล่า Eldrazi ได้ และพวกมันก็ต้องเชื่อมต่อกับเส้นทางมานา หรือ Leyline... สิ่งที่เขาเองไม่มีความชำนาญขนาดนั้น เขาจึงตามหา Planeswalker ที่มีความเข้าใจเรื่องของ Leyline มากกว่าเขา...

และคนคนนั้นก็คือ Jace Beleren

แม้ว่าก่อนหน้านี้ เขาจะกลับไปตามหา Chandra แต่เธอก็ปฎิเสธเขาไป เพราะเธอกำลังยุ่งกับการเป็นผู้นำวิหาร Keral Keep แทนพระแม่ Luti ผู้นำคนเดิมที่หายตัวไป

 


Jace Beleren ผู้เชี่ยวชาญด้าน Leyline

 

ตอนนี้ ทั้ง Gideon และ Jace ก็ถึงเวลาที่จะไปที่ Zendikar เพราะสถานการณ์ใน Ravnica ดูเหมือนจะคลี่คลายลงแล้ว

แน่นอนว่า ที่ Zendikar สถานการณ์ย่อมเลวร้ายลงเรื่อยๆ

พวกเขาทั้งคู่ไปถึงที่ Sea Gate อันเป็นอาณานิคมที่ใหญ่ที่สุดในทวีป Tazeem ของ Zendikar... และในตอนนี้ มันใกล้จะล่มสลายจากการบุกโจมตีของ Eldrazi เต็มทีแล้ว

Gideon ได้พบกับเพื่อน และแหล่งข้อมูลที่นำเขาไปหา Jace... Jori En

Jori En เป็น Merfolk เพศหญิงที่มีความชำนาญทางด้านพื้นที่ต่างๆ ใน Zendikar ที่ทำให้ Gideon แปลกใจเล็กน้อยก็คือ... ปกติแล้ว เธออาศัยอยู่ที่ Bala Ged อีกทวีปหนึ่งของ Zendikar

แต่ในตอนนี้ Bala Ged ไม่หลงเหลือสิ่งใดให้ดำรงชีวิตอีกต่อไป จากการบุกโจมตีของ Ulamog นั่นเอง

 

ด้วยสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยเรื่องจำเป็น พวกเขาทั้งสามจึงต้องแบ่งหน้าที่กัน โดย Jori En และ Jace จะเดินทางไปยังเทือกเขา Akoum เพื่อไปเปิดการทำงานของ Hedron ที่วิหาร Eye of Ugin

ส่วน Gideon จะคอยดูแลผู้อพยพ และเตรียมการตั้งรับอยู่ที่ Sea Gate แห่งนี้

ซึ่งการตั้งรับก็ทำให้เขาได้พบกับอีกหนึ่ง Planeswalker ที่มีบ้านเกิดอยู่ที่นี่

เธอคือ Kiora นั่นเอง การมาของ Kiora และสมาชิกคนอื่นๆ ทำให้การตั้งรับเปลี่ยนไปเป็นบุกโจมตีเพื่อยึดพื้นที่คืน

ทั้ง Gideon, Kiora และภายหลังยังได้ Nissa เข้าร่วมทีม ก็สามารถผลักดันแนวรบของ Eldrazi ให้ล่าถอยออกไปได้...

แต่พวกเขาก็ดีใจได้เพียงไม่นาน เพราะ Jori En เธอกลับมาพร้อมกับข่าวร้าย...

Ulamog, Eldrazi Titan กำลังมุ่งหน้ามาที่ Sea Gate... ทำให้พวกเขาต้องเตรียมแผนสำหรับตั้งรับการโจมตี ด้วยการกักขัง Ulamog ด้วยการล้อมมันไว้ด้วย Hedron ก่อนที่จะทำให้มันอ่อนแอลง และผนึกมันอีกครั้ง...

แต่แผนการทั้งหมดก็จบลงที่การเข้ามาวุ่นวายของ Ob Nixilis และทำให้ทั้ง Gideon, Jace และ Nissa ต้องพ่ายแพ้ และสูญเสียพื้นที่ให้กับ Eldrazi Titan ถึงสองตัว... ทั้ง Ulamog และ Kozilek ที่ Ob Nixilis ไปปลุกมันขึ้นมาจากใต้ดิน

Planeswalker ทั้ง 3 ถูกจับตัวไปโดย Ob Nixilis ก่อนที่ Chandra จะเข้ามาช่วยเหลือพวกเขาไว้ได้

 

- เหล่าผู้ดูแล -

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทำให้พวกเขาตระหนักรู้แล้วว่า... การทำงานคนเดียวไม่สามารถต่อกรกับภัยพิบัติระดับ Multiverse ได้ และตกลงว่าจะช่วยกันเป็นผู้สอดส่องดูแล ความเป็นไปของ Multiverse โดยพวกเขาเรียกตัวเองว่า Gatewatch

Gideon ผู้ยึดมั่นในแนวคิดที่มั่นคงของเขา ได้ให้สัตย์สาบานว่า

 

“เพื่อความยุติธรรม และสันติ ข้าจะคอยดูแล”

 

 หลังจากนั้น ทั้ง 4 คน ก็ได้จัดการกับปัญหา Eldrazi Titan ที่ Zendikar ได้สำเร็จ

แม้ว่าหลายคนเลือกที่จะแยกย้ายกลับไปที่พัก แต่ Gideon เลือกที่จะอยู่ที่ Zendikar เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

 

และเพียงไม่นาน ปัญหา Eldrazi Titan ก็กลับมา... ครั้งนี้มันปรากฏตัวที่ Innistrad และแน่นอนว่าทีม Gatewatch ต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาครั้งนี้

โดยด้านของ Gideon เมื่อได้เผชิญหน้ากับ Emrakul อีกครั้ง มันทำให้เขาเข้าสู่ภวังค์...

Erebos เทพเจ้าแห่งความตายของ Theros ได้ปรากฏตัวต่อหน้าเขา... ภาพความสูญเสียเพื่อนสหายร่วมรบได้กลับมาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง...

ครานี้ เขาถูกถามโดย Erebos ถึงความปรารถนาที่แท้จริงของเขา...

แต่ไม่ว่า Gideon จะตอบสิ่งใด... เพื่อนๆ ของเขาก็ถูกสังหารไปทีละคน... ทีละคน...

เพียงแต่ว่า... ครั้งนี้ ผู้ที่ถูกสังหารคือ Jace... Chandra... Nissa...

 


Erebos เทพแห่งความตาย ที่กลับมาหลอกหลอน Gideon อีกครั้ง


 

ก่อนที่ Jace จะบุกเข้าไปในจิตของ Gideon และดึงเขาออกจากภาพลวงตาที่ Emrakul สร้างขึ้นมา... เมื่อ Gideon ได้สติ เขาก็กลับมามุ่งมั่นปกป้องเพื่อนๆ ที่พยายามผนึก Emrakul อีกครั้ง... และทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี รวมถึงการได้สมาชิกใหม่อย่าง Liliana Vess อีกด้วย

 

- สองด้านของกฎหมาย -

และเหตุการณ์วุ่นๆ ก็ตามมาอีกครั้ง เมื่อ Liliana ได้แจ้งข่าวการปรากฏตัวของ Tezzeret หนึ่งในบุคคลอันตรายของ Multiverse ที่ดาว Kaladesh ทำให้สมาชิกที่เหลือของทีม Gatewatch ต้องตาม Chandra และ Nissa ไปที่ Kaladesh

เมื่อไปถึง Gideon ก็พบว่า ในตอนนี้ Kaladesh กำลังตกอยู่ในสถานการณ์สงครามกลางเมือง จากการลุกฮือขึ้นต่อต้าน Consulate โดยพวก Renegades

และเหล่า Gatewatch ก็ได้รับการช่วยเหลือจาก Renegades ในการทำภารกิจต่างๆ เพราะทางด้าน Chandra เป็นลูกสาวของ Pia Nalaar คุณแม่ผู้นำฝ่ายกบฏนั่นเอง... ซึ่งนั่นก็ทำให้ Gideon ไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก

เพราะตัวเขาเองเชื่อถือ และยึดมั่นในหลักการของกฎหมาย แต่สิ่งที่พวกเขากำลังทำมันคือการทำผิดกฎหมาย...

แต่เมื่อมองถึงภาพรวมแล้ว เขาก็ยังคงเชื่อว่าทีม Gatewatch กำลังทำสิ่งที่ถูกอยู่... นั่นคือการหยุดยั้ง Tezzeret

 


Tezzeret บุคคลที่ไม่น่าจะมีชีวิตอยู่

 

กระนั้น การกระทบกระทั่งของทั้งฝ่าย Renegades และฝ่ายรัฐบาลก็มีอยู่ตลอด.. และ Chandra ที่เลือกข้างไปเรียบร้อยแล้ว ก็ทำให้ฝ่ายกบฏได้เปรียบในการปะทะมากๆ

เพียงเวทย์มนต์ไฟของเธอ ก็แทบจะกวาดทหารได้เป็นกองร้อย ซึ่งเธอก็ดูสะใจกับเส้นทางการแก้แค้นที่เธอเลือกเดิน

แต่ Gideon ก็เข้าไปห้ามเธอ... เขาให้เหตุผลว่า
“คนพวกนี้เป็นเพียงเบี้ยที่เดินตามคำสั่งเท่านั้น และเรา...  Gatewatch ไม่ได้ก่อตั้งมาเพื่อเลือกข้างในสงคราม... เรามาเพื่อยุติความขัดแย้ง ถ้าเธอทำเกินกว่าเหตุแบบนี้ พวกเราก็ไม่ต่างจากทรราชที่มายึดอำนาจ เป็นแบบคนที่เธอเกลียดหรอกนะ”

นั่นทำให้ Chandra ฉุกคิดได้ และเธอจึงเลือกที่จะทำภารกิจของทีมเป็นหลัก มากกว่าที่จะไล่โจมตีเหล่าทหารของ Consulate...

แต่นั่นไม่ใช่กับ Liliana... แม้ว่า Gideon จะพยายามห้ามเธอเช่นกัน แต่คำตอบสุดจะไม่สนโลกของ Liliana ก็คือ...
“Tezzeret เป็นตัวอันตรายขนาดไหน นายไม่รู้หรอก พ่อล่ำบึ้ก”

 


Gideon ปกป้อง Chandra

 

และเส้นทางภารกิจของพวก Gatewatch ก็มาถึงจุดที่จะต้องจัดการกับการโจมตีของรัฐบาลด้วยยานบินขนาดใหญ่

ทางฝ่าย Renegades เลือกที่จะใช้วิธีโจมตีกลับด้วยการใช้ยานบินอัตโนมัติที่บรรจุดระเบิด แต่ทว่า แผนการของพวกเขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยการโจมตีจาก Dovin Baan... ผู้ว่าจ้างของพวกเขา ที่อยู่ฝ่ายรัฐบาล และทำให้ยานบินอัตโนมัติไม่สามารถทำงานได้

แต่ทางเลือกที่ Gatewatch จะยุติความสูญเสียที่กำลังเกิดขึ้น เหลือเพียงการหยุดยั้งยานบินของฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น Gideon และ Chandra จึงต้องบังคับยานบินของฝ่าย Renegades ด้วยตัวเอง

Chandra จะจุดระเบิดภายในยานด้วยพลังไฟของเธอ ก่อนที่ Gideon จะเข้าไปโอบเธอและใช้เวทย์มนต์แห่งการปกป้องเพื่อให้ทั้งคู่ปลอดภัยจากแรงระเบิด...

และนั่นก็ทำให้ภารกิจสำเร็จลง... ฝ่าย Renegades ได้เปรียบในสงครามครั้งนี้เป็นอย่างมาก

ส่วนสมาชิกที่เหลือก็สามารถจัดการกับความวุ่นวายที่ Tezzeret ก่อไว้ได้

แม้ว่าภารกิจของ Tezzeret จะสำเร็จ แต่ทีม Gatewatch ก็ได้เบาะแสใหม่... เบาะแสของผู้ว่าจ้างสูงสุด... Nicol Bolas

 

- บททดสอบจากเทพเจ้า -

สมาชิกของทีม Gatewatch ทั้งหมดเดินทางไปที่ Amonkhet เพื่อตามหา Nicol Bolas มังกรที่น่าจะอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายใน Kaladesh

เมื่อมาถึงพวกเขาก็ได้พบกับเหล่าผีดิบ และก็ไม่ได้เกินมือสมาชิก Gatewatch แต่อย่างใด จนกระทั่งพวกเขาเดินทางผ่านทะเลทราย และเข้าสู่ตัวเมือง Naktamun

Gideon และสมาชิก Gatewatch ก็ได้เข้าพบเทพ Oketra ผู้เป็นเทพแห่งความสามัคคี... และเธอก็ดึงความศรัทธาของ Gideon ได้ทันที...

Oketra เรียก Gideon ว่า

“Kytheon Iora”

ชื่อที่แท้จริงของเขา... ชื่อที่ถูกลืมเลือนไปจากเหตุการณ์เมื่อครั้งเขายังอยู่ที่ Theros และนั่น ก็ทำให้ Gideon บอกกับสมาชิกคนอื่นๆ ว่าเขาต้องการจะแยกตัวไปศึกษาเรื่องราวของเทพแห่ง Amonkhet เสียก่อนที่จะจัดการกับ Nicol Bolas... มังกรที่เขาแทบไม่รู้เรื่องราวของมันเลย

 

Amonkhet ประชาชนทุกๆ คน ได้ถูกปลูกฝังเรื่องของ “บททดสอบจากเทพทั้ง 5” ถ้าใครสามารถผ่านบททดสอบทั้งหมดไปได้ เขาเหล่านั้น จะถือว่าเป็นผู้ที่ควรค่าแก่การได้รับชีวิตนิรันดร์ และได้เข้าเฝ้าเทพเจ้าสูงสุด... God-Pharaoh ในชีวิตหลังความตาย

 


Oketra เทพแห่งความสามัคคี

 

ทางด้านของ Gideon ก็ยินดีที่จะเข้าสู่บททดสอบเพื่อศึกษาเรื่องราวของเทพทั้ง 5 ใน Amonkhet

ในบททดสอบแรก เพื่อพิสูจน์ความสามัคคี จะเป็นบททดสอบการทำงานร่วมกัน ของเทพ Oketra โดยผู้เข้าทดสอบ จะต้องตามหาลูกศรของ Oketra ภายในเขาวงกต และจะต้องต่อสู้กับเหล่าสัตว์ร้ายที่อาศัยการร่วมมือกันของผู้เข้าทดสอบ

แน่นอนว่า Gideon ก็สามารถผ่านการทดสอบนี้ไปได้อย่างไม่ยากเย็น และเขาก็ได้รับสร้อยคอ Cartouche อันเป็นสัญลักษณ์แสดงความสำเร็จในการทำบททดสอบ เช่นเดียวกับผู้สำเร็จบททดสอบคนอื่นๆ

ในบททดสอบอื่นๆ เช่นการพิสูจน์สติปัญญา ของเทพ Kefnet, การพิสูจน์ความแข็งแรง ของเทพ Rhonas นั้น Gideon สามารถจบบททดสอบเหล่านี้ไปได้อย่างไม่ยากเย็น จนกระทั่ง ถึงบททดสอบที่ 4

บททดสอบเพื่อพิสูจน์ความทะเยอทะยาน ของเทพ Bontu... Gideon ที่ได้พูดคุยกับเหล่าผู้เข้าทดสอบก็เริ่มเห็นความไม่ชอบมาพากล...

 

เมื่อเข้าสู่วิหารแห่ง Bontu เทพ Bontu ได้ออกมาต้อนรับเหล่าผู้เข้าร่วมการทดสอบด้วยตัวของเธอเอง

“พวกเจ้า หาได้เกิดมาพร้อมกับความแข็งแกร่งไม่...” Bontu กล่าว... แต่ก่อนจะได้พูดอะไรต่อ Gideon ก็ขัดจังหวะขึ้นมา

“นั่นรวมถึงพวกเทพด้วยหรือไม่?”

Bontu ไม่ได้ตอบกลับไป แต่สั่งให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบในทีมที่มี Gideon อยู่ เข้าสู่การทดสอบทันที

 


Bontu เทพแห่งความทะเยอทะยาน

 

บททดสอบนี้ เต็มไปด้วยกับดัก และเหล่าปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด... มันคือบททดสอบของการเสียสละเพื่อนสหายร่วมรบ เพื่อภารกิจอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง... คือการจบบททดสอบนี้... แบบเป็นๆ

Gideon และผู้เข้าร่วมทดสอบอีกจำนวนหนึ่ง ก็ไปถึงห้องสุดท้าย... มันเป็นบ่อน้ำที่จะต้องว่ายข้ามไปยังอีกฝั่ง...

ในบ่อนั้น มันเต็มไปด้วยงูพิษร้ายแรง... วิธีที่จะผ่านมันไป คือส่งหัวใจของมนุษย์ลงไปให้ดึงความสนใจของงูพิษเหล่านั้น และให้คนที่เหลือว่ายน้ำผ่านไปให้เร็วที่สุด...

 

Bontu ปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง เธอกล่าวกับทีมผู้เข้าทดสอบว่า ในตอนนี้ จำนวนของพวกเขามีมากเกินไป

แต่ละทีมจึงจัดการสังหารเพื่อนร่วมทีมของตนเองทันที และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ Gideon หมดความอดทนลงทันที เขากระโดดเข้าไปขวางแต่ก็ไม่ทันการ

เขาโดนรั้งตัวไว้โดยสมุนของ Bontu และผู้เข้าทดสอบทั้งหลาย ต่างก่นด่าเขา ว่าเขามันเป็นพวกนอกรีต และกำลังทำให้บททดสอบของพระเจ้าแปดเปื้อน

Bontu ได้กล่าวขึ้นมาว่า “ชายคนนี้ เป็นผู้ไร้ศรัทธา ดังนั้น เขาไม่ได้เป็นพวกนอกรีต เพราะเขาไม่ได้อยู่ในรีตของ Amonkhet... Gideon เป็นเพียงคนนอกที่ไม่ยอมปรับตัวและทำความเข้าใจวัฒนธรรมของพวกเรา... การตายของพวกเจ้า (ผู้เข้าทดสอบคนอื่นๆ) มีเพื่อให้เจ้าตระหนักถึงการตั้งมั่นในจิตใจ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่... เพื่อชีวิตนิรันดร์หลังความตายกับเทพเจ้า God-Pharaoh ที่รอรับพวกเจ้าอยู่”

 

Gideon ถูกขับไล่ออกมาจากวิหารแห่ง Bontu... และเขาก็พบความจริงอีกข้อที่ว่า... เหล่าผีดิบที่ถูกแปลงเป็นผู้รับใช้ในเมือง คือผู้ที่ล้มเหลวในบททดสอบของเทพแห่ง Amonkhet และเสียชีวิตลงในวิหารต่างๆ นั่นเอง

Gideon รีบแจ้งข่าวกับสมาชิกคนอื่นๆ และเขามองว่า ในตอนนี้ภารกิจใหม่ของเขาคือ การหยุดยั้งการเข้าไปตายเพราะความเชื่อของผู้คนใน Amonkhet

Gideon เข้าสู่วิหารแห่ง Hazoret วิหารอันเป็นสถานที่ทดสอบความศรัทธา... ด้วยการต่อสู่กับผู้ที่ผ่านการทดสอบทั้งหมดให้ถึงแก่ความตาย

และผู้ที่เหลือรอดคนสุดท้าย จะได้รับเกียรติด้วยการถูกปลิดชีพโดยเทพ Hazoret เอง

Gideon ได้เข้าไปห้าม Samut หนึ่งในผู้ที่ผ่านการทดสอบแห่งเทพมา 4 บททดสอบแล้ว ก่อนที่เขาจะทราบว่า ตัวของ Samut เอง ก็มีความลังเล และสงสัยในเรื่องราวของเทพแห่ง Amonkhet

เนื่องด้วยในวัยเด็กของเธอ เธอเคยออกไปสำรวจนอกเมือง Naktamun และพบหลักฐานจารึกบางอย่างที่มีความขัดแย้งกับความเชื่อของผู้คนทั่วๆ ไป พวกเขาร่วมมือกันเพื่อที่จะช่วยเพื่อนของ Samut... Djeru นั่นเอง

แต่ทว่า บททดสอบที่ 5 นั้น... ในตอนนี้เทพองค์อื่นๆ ต่างเข้ามาเพื่อเป็นคู่ต่อสู้เพิ่มเติมจากผู้ที่ผ่านการทดสอบคนอื่นๆ อีกด้วย และสร้อยคอ Cartouche ที่ Gideon ได้มา ก็แสดงพลังของมันทันที...

Gideon ไม่สามารถใช้เวทย์มนต์ใดๆ ได้เลย เขาต้องเอาชีวิตรอดด้วยพละกำลัง และไหวพริบในการต่อสู้เท่านั้น จนกระทั่งเทพทั้ง 4 พึงพอใจ จึงได้ปลดพลังของ Cartouche จากผู้เข้าทดสอบทุกๆ คน... และคนแรกที่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าสู่โลกหลังความตายอันเป็นนิรันดร์ก็คือ Djeru

Gideon ใช้ร่างที่เป็นอมตะของเขา กระโดดเข้าไปขวางระหว่างหอกแห่ง Hazoret ที่กำลังจะซัดผ่านร่างของ Djeru ส่วน Samut ก็เข้าไปดึงเพื่อนของเธอออกมา

และนั่นก็ทำให้ Djeru ไม่พอใจทั้งคู่เป็นอย่างมาก ก่อนที่จะได้รับคำอธิบายจาก Samut

และทางด้านของ Hazoret ไม่ได้โกรธ Gideon เลย... เพราะมันเป็นเวลาที่เทพเจ้าที่แท้จริงได้มาถึงแล้ว... God-Pharaoh ได้มาถึงที่ Amonkhet...

Hazoret ได้สติกลับมา เธอบอกกับ Gideon ว่า “เจ้าจะจากไปเพราะหัตถ์แห่งเทพเจ้า... และตัวเจ้าเอง ไม่ได้เป็นอมตะอย่างที่เจ้าคิด”

 


Hazoret เทพแห่งศรัทธา

 

ทั้ง Samut และ Hazoret ช่วยเหลือประชาชนของ Naktamun จากภัยร้ายที่คืบคลานเข้ามา ส่วน Gideon ก็กลับไปรวมกลุ่มกับทีม Gatewatch... สู่ภารกิจที่พวกเขาตามหา... สังหาร Nicol Bolas ลงเสีย

 

God-Pharaoh Nicol Bolas สามารถจัดการกับสมาชิกทีม Gatewatch ทั้งหมดได้อย่างไม่ยากเย็น จนถึงคราวของ Gideon ผู้ที่เหลือเป็นคนสุดท้าย

และ Nicol Bolas ก็แสดงให้ Gideon เห็นถึงพลังที่แท้จริง... เพียงกรงเล็กของมัน ก็สามารถทำลายเกราะเวทย์มนต์แห่งความเป็นอมตะของ Gideon ได้ทันที กรงเล็บนั้นจิกทะลุสะบักของ Gideon ราวกับมีดร้อนๆ ที่วางไว้บนก้อนเนย

“เจ้าคงคิดว่าการเป็นผู้ไร้เทียมทาน มันทำให้เจ้าเป็นผู้ปกป้องที่ดี... เปล่าเลย... เจ้าแค่ยังไม่เจอของจริง”
Nicol Bolas บอกกับ Gideon

 

ก่อนที่ Gideon จะสบโอกาส Planeswalk หนีออกมาจากสถานการณ์ที่เขาไม่คิดว่าจะได้พบ... ประสบการณ์เฉียดตายอีกครั้งในชีวิต

 

- ชิ้นส่วนที่เสียหาย -

ในตอนนี้ Gideon พาร่างที่บาดเจ็บของเขามายังจุดนัดพบ... Dominaria... ก่อนที่จะพบว่า Nissa เธอหัวเสียกับสิ่งที่ Liliana ทำกับสมาชิกทีม Gatewatch เป็นอย่างมาก

การหลอกใช้งานสมาชิก Gatewatch เพียงเพื่อเรื่องส่วนตัวของเธอ ทำให้ Nissa ตัดสินใจจะทิ้ง Gatewatch... ทิ้งคำสัตย์สาบานของเธอ และ Planeswalk ออกไป...

ส่วน Chandra เอง ที่เอาแต่พึมพำถึงความไร้พลังของตนเอง ก็ขอล่ำลาไปเพื่อฝึกฝนตนเอง โดยไม่ได้ฟังคำร้องขอจาก Liliana อีกเลย

 

“ถ้าเธอจะไป ฉันก็เข้าใจ... เหตุผลของฉันมันฟังไม่ขึ้นหรอก”
Liliana บอกกับ Gideon

หลังจากที่ทุกๆ คนที่นั่นรู้แล้วว่า Liliana มาที่ Dominaria เพื่อจัดการสังหารปีศาจเจ้าของสัญญาทาสที่เธอแลกมันมากับพลังของเธอ...

“ฉันเชื่อว่า สิ่งที่เธอเลือก คือสิ่งที่จำเป็นต้องทำ... และฉันก็ยินดีที่จะร่วมทางไปกับเธอ”
Gideon ตอบ Liliana กลับไป

 

ส่วน Jace เอง ก็หายไปโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน และด้วยอาการบาดเจ็บของ Gideon ทำให้ทั้งคู่ต้องออกเดินทางเพื่อรักษาบาดแผลก่อน

Liliana เอง แม้ว่าเธอจะชำนาญเวทย์มนต์ดำ และความตาย แต่ในวัยเด็กของเธอเอง เธอก็ได้รับการปลูกฝังด้านการใช้สมุนไพรเพื่อรักษามาก่อน และเธอก็รู้ว่า สมุนไพรที่ต้องใช้กับแผลฉกรรจ์ของ Gideon ต้องไปหามาจากที่ไหน... ที่ๆ เธอไม่ได้อยากจะกลับไปเท่าใดนัก... คฤหาสน์ตระกูล Vess... บ้านของเธอนั่นเอง

และเธอก็ต้องพบกับฝูงผีดิบเข้าโจมตี แต่เธอก็เข้าควบคุมพวกมันได้ และเชื่อมต่อไปถึงผู้ที่ปลุกพวกมันขึ้นมาจากความตาย... ผู้ที่เธอคุ้นเคยเกินกว่าที่เธอจะคาดคิด...

Josu Vess พี่ชายของเธอ... ผู้ที่ควรจะตายไปจากความผิดพลาดในอดีตที่ทำให้ Liliana ได้รับ Spark ในตอนนี้เขาเป็นเพียงอีกหนึ่งผีดิบที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อควบคุมเหล่าผีดิบที่เหลือ

Liliana ไม่มีตัวเลือกอะไร นอกจากต้องจบเรื่องนี้ และส่งให้พี่ชายของเธอไปสู่สุขคติที่เขาควรได้รับมัน

เธอจำเป็นต้องใช้พลังของ Chain Veil วัตถุทรงพลังที่เธอแลกมันมากับความเจ็บปวดในทุกๆ ครั้งที่เธอใช้มัน... และถ้าเธอใช้มันกับ Josu แล้ว เธอจะไม่สามารถใช้มันกับ Belzenlok เจ้าปีศาจที่ทั้งเธอ และ Gideon ต้องการสังหาร เพื่อฉีกสัญญาทาสระหว่าง Liliana กับมัน

แล้วหลังจากนี้... Liliana เชื่อว่า มันจะทำให้เธอสามารถใช้พลังของ Chain Veil ได้อย่างไร้ข้อแม้... และนั่น เป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อต่อกรกับ Nicol Bolas อีกครั้ง...

Gideon เห็นว่าสิ่งที่ Liliana ขอความเห็นนั้น เป็นเรื่องที่เข้าใจได้... การปลดปล่อยคนที่รักจากความเจ็บปวดนิรันดร์ เป็นเรื่องที่คนอย่าง Gideon ก็ยินดีที่จะทำ และเรื่องของ Belzenlok เอาไว้ค่อยหาวิธีแก้ปัญหากันทีหลัง... และนั่น ก็ทำให้ Liliana ใช้ Chain Veil เพื่อสลายร่างและพันธนาการของ Josu จากโลกคนเป็นได้สำเร็จ

 


Josu ผีดิบเหนือหัว และพี่ชายของ Liliana

 

หลังจากนั้น Liliana ก็รักษา Gideon จนอาการดีขึ้น และพวกเขาก็กลับเข้าสู่ภารกิจหลักอีกครั้ง... ฉีกสัญญาทาส เพื่อปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของ Chain Veil

แต่ในตอนนี้ Gideon เองไม่มีแม้แต่อาวุธ... เพราะดาบแส้ Sural ของเขา ถูกทำลายไปเมื่อการต่อสู้กับ Nicol Bolas ครั้งก่อน แผนของทั้งคู่ จึงเป็นการหาอาวุธที่สามารถกำจัด Belzenlok ลงได้ เพราะทั้ง Sural ของ Gideon ที่ถูกทำลายไป และ Chain Veil ที่ Liliana ไม่เหลือพลังที่จะควบคุมมันอีกแล้ว ไม่สามารถนำมาใช้ในการกำจัดจอมปีศาจได้แน่ๆ

 

ทั้งคู่พบว่า ในป้อมปราการของฝ่าย Cabal อันเป็รลัทธิของผู้บูชา Belzenlok นั้น น่าจะมีดาบที่ชื่อว่า Blackblade เก็บไว้...

ดาบที่ตีขึ้นมาตั้งแต่สมัยก่อน Mending โดย Dakkon ช่างตีดาบที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ Dominaria และมันยังเป็นดาบที่สามารถสังหาร Elder Dragon อันเป็นมังกรรุ่นแรกของจักรวาล... มังกรที่อยู่ในระดับชั้นเดียวกับ Nicol Bolas ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

ดังนั้นแล้ว เส้นทางของพวกเขา คือการบุกโจมตีป้อมของ Cabal เพื่อนำดาบ Blackblade ออกมา และรุกคืบเข้าสังหาร Belzenlok ต่อทันที

ซึ่งพวกเขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากสมาชิกของยานบิน Weatherlight รุ่นใหม่อย่าง

  • Jhoira กัปตันเรือคนใหม่
  • Tiana นางฟ้าแห่ง Serra (ที่ตอนนี้เป็นเพียงโบสถ์ ไม่ได้เป็นดาว Serra) ช่างประจำยาน
  • Shanna Sisay ผู้สืบสายตระกูลจาก Sisay กัปตันคนเก่า
  • Rafwyn Capashen (Raff) ผู้สืบสายตระกูลจาก Arom Capashen ผู้ที่เป็นญาติห่างๆ กับ Gerrard Capashen วีรบุรุษแห่ง Dominaria, Raff เป็นจอมเวทย์ประจำยาน
  • Arvad อัศวินแห่ง Benalish ที่ถูกสาปให้เป็น Vampire กระนั้นเขาก็สามารถกดความกระหายเลือกของตนเองได้ เขาเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยของยาน
  • Slimefoot น้องเห็ดที่บังเอิญติดมากับแผ่นไม้ของยานบิน ที่สร้างมาจากไม้ของป่า Yavimaya และเขาก็ค่อยๆ เติบโต รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลความสะอาด

นอกจากนี้ Jhoira เองยังได้สมาชิกอื่นๆ เพิ่มเติมในการเดินทางเพื่อกำจัด Cabal ออกไปจาก Dominaria ด้วย เช่น

Teferi, Karn รุ่นน้อง และเพื่อนเก่าที่เป็น Planeswalker จากสมัย Tolarian Academy

Jaya Ballard อาจารย์แม่ของนักเวทย์แห่งเพลิง... หรือที่ Chandra รู้จักในชื่อพระแม่ Luti โดยเธอบังเอิญมาที่ Dominaria พอดี

และ Chandra ที่เธอกลับมาเพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆ ของเธอ... และการที่เธอได้พบกับ Jaya ที่เธอยกให้เป็นบุคคลตัวอย่าง... แต่ดันเป็นคนๆ เดียวกับพระแม่ Luti ที่เธอแสนจะเบื่อหน้า... มันทำให้เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อย

แต่ภายหลังทั้งคู่ก็เข้าใจกันมากขึ้น และทำให้ Chandra ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ จาก Jaya ด้วยเช่นกัน

 


สมาชิกทีม Weatherlight รุ่นใหม่

 

สมาชิกทั้งหมดเดินทางเข้าโจมตีป้อมปราการของ Cabal และ Gideon เองก็ได้ดาบ Blackblade มาครอบครอง... ทว่าหลักฐานต่างๆ ของตัวดาบ กลับถูกเขียนขึ้นมาใหม่โดยเหล่า Cabal ว่ามันเป็นดาบที่ Belzenlok เป็นคนสร้าง... และรูปร่างของมันก็ไม่เหมือนเดิมอีกด้วย... กระนั้น พวกเขาก็ไม่มีตัวเลือก นอกจากทำภารกิจให้สำเร็จ

Gideon และ Liliana ต้องสังหาร Belzenlok

สมาชิกยานบินที่เหลือต้องขับไล่ลัทธิ Cabal ออกไปจาก Dominaria

 

ทั้ง Gideon และ Liliana บุกโจมตีจนถึงห้องโถงและพบกับ Belzenlok ที่นั่น

Gideon เข้าโจมตี Belzenlok ทันที... แต่ไม่ว่าทักษะด้านการต่อสู้ของ Gideon ที่ผ่านการฝึกฝนมาเท่าใด ก็ไม่สามารถต่อกรกับจมอปีศาจอย่าง Belzonlok ได้

Gideon ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง และสุดท้าย Blackblade ก็ไม่ได้สัมผัสร่างของ Belzenlok จนวินาทีที่มันหลุดออกไปจากมือของ Gideon ในตอนนี้ความหวังที่จะฉีกสัญญาทาสริบหรี่ลงไปทันที...

Liliana คิดว่า เธอคงไม่ยอมจบเรื่องนี้ ด้วยความตายของเธอ... ภารกิจของเธอจะจบลงด้วยความล้มเหลวไม่ได้

เธอเข้าไปเก็บดาบ Blackblade และกระโดดเข้าโจมตีอย่างผิดวิสัยทัศน์ของจอมเวทย์ความตายอย่างเธอ

Belzenlok ที่กำลังสนุกกับร่างที่ไร้ทางต่อกรของ Gideon ไม่ทันระวังการโจมตีของ Liliana... ทว่า คมของ Blackblade ก็ทำได้แค่เฉือนต้นขาของ Belzenlok เท่านั้น...

เพียงแค่แผลเล็กๆ Blackblade ก็ทำสิ่งที่มันทำได้ดีที่สุดทันที... มันดึงเอาวิญญาณของ Belzenlok ออกจากร่างทันที จ้าวจอมปีศาจร้องด้วยความทรมาน และสิ้นเสียงลงด้วยความตายของมัน

 


Gideon, Blackclade และจอมปีศาจ Belzenlok

 

การสิ้นชีพของเจ้าของลัทธิ ทำให้เหล่า Cabal สิ้นกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไป และทำให้สงครามครั้งนี้จบลงด้วยชัยชนะของชาว Dominaria...

กระนั้น ภารกิจของสมาชิก Gatewatch ก็ไม่ได้จบลง Jace ปรากฏตัวอีกครั้ง และบอกให้สมาชิกทุกๆ คน รวมถึงสมาชิกใหม่อย่าง Teferi กลับไปตั้งรับ Nicol Bolas ที่ Ravnica... ที่ๆ เขาจะมีพลังมากที่สุด... ทุกๆ คนต่าง Planeswalk ออกไป ยานบิน Weatherlight และสมาชิกที่เหลือเดินทางกลับไปเพื่อซ่อมแซมและพักผ่อน... เหลือแต่เพียง Liliana...

 

- การปกป้องครั้งสุดท้าย -

Gideon และเพื่อนๆ เดินทางไปถึงที่ Ravnica และก็แน่นอนว่า พวกเขาถูกผนึกความสามารถในการ Planeswalk ออกไปจากที่นี่ทันที ด้วยพลังของ Immortal Sun

Gideon รับหน้าที่ปกป้องประชาชน และจัดการกับเหล่ากองทัพผีดิบ Eternal ได้อย่างไม่ยากเย็น และเขาก็ได้กลับเข้าร่วมกิลด์ Boros หลังจากที่ Aurelia หัวหน้ากิลด์เคยทาบทามเขาไว้ในตอนที่เขาเข้า Ravnica มาตามหา Jace และช่วยสะสางปัญหาสงครามกลางเมือง

โดยทั้ง Gideon และ Aurelia ได้นำทัพของแต่ละกิลด์ เข้าต่อกรกับเทพแห่งความแข็งแกร่ง Rhonas ที่ตอนนี้กลายเป็นผีดิบไปแล้ว

ทั้งคู่นำทัพโจมตีทางอากาศ โดย Gideon ได้ Pegasus จาก Aurelia ที่ชื่อว่า Promise

และเมื่อได้โอกาส Gideon ก็ฝ่ากองทัพเหล่า Eternal ถึงตัว Rhonas และใช้ Blackblade แทงเข้าเบ้าตาของ Rhonas

Blackblade แสดงแสงยานุภาพของมันอีกครั้ง มันดูดเอาพลังชีวิตของ Rhonas ออกมาทันที... เทพเจ้าแห่ง Amonkhet เหลือเพียงซากเกราะ Lazotep ที่เคยห่หุ้มร่างเอาไว้เท่านั้น

 

ในตอนนี้ สถานการณ์เริ่มดีขึ้น และ Gideon เห็นว่า มันคงถึงเวลาที่เขาจะเข้าจัดการกับตัวปัญหาที่แท้จริงเสียที... ด้วยอาวุธที่สุดยอดอย่าง Blackblade และกองกำลังเหล่า Planeswalker ที่ร่วมแรง ร่วมใจกัน... ปัญหาของ Nicol Bolas ก็คงจบลงได้จริงๆ ในครานี้

เขาควบ Promise เข้าโจมตี Bolas ทันที แต่ไม่ทันจะถึงตัว เขาก็โดนโจมตีจากลูกศรขนาดยักษ์ของ Oketra ที่ในตอนนี้เธอก็กลายเป็นผีดิบไปเช่นกัน

Promise โดนโจมตีอย่างจัง ทำให้ Gideon ตกจากหลังของมัน เขากำลังจะร่วงลงสู่พื้นด้านล่าง แต่ทว่า เขาก็ชนเข้ากับร่างขนาดยักษ์...

Rakdos ราชาปีศาจหัวหน้ากิลด์ Rakdos แห่งความบันเทิง(ของตนเอง) เข้ามารับ Gideon ไว้ และพาเขาบินเข้าโจมตี Bolas อย่างรวดเร็ว

เมื่อเข้าสู่ระยะโจมตี Gideon ก็กระโจนออกไปโจมตี Bolas ทันที... คมของ Blackblade จะได้สัมผัสสิ่งที่ตำนานของมันเล่าขานมานาน...

ร่าง และวิญญาณของ Elder Dragon ที่มันกระหายจะสูบพลังอีกครั้ง...

ทันทีที่ Blackblade กระทบเข้ากับผิวของ Bolas... มันก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ทันที...

Blackblade ที่ Gideon มี มันคือดาบ Blackblade ที่ถูกตีขึ้นใหม่... และมันถูกสาปโดย Elder Dragon ไม่ให้มันทำร้าย Elder Dragon ตนใดได้อีก... และมังกรโบราณที่สาป Blackblade เอาไว้ก็คือ... มังกรจอมวางแผน Nicol Bolas นั่นเอง

 


Blackblade ที่ถูกตีขึ้นใหม่ พร้อมกับคำสาปของ Bolas

 

ในสภาวการณ์เช่นนี้ Liliana ที่จำใจต้องอยู่ฝ่ายเดียวกับ Bolas เพื่อควบคุมกองทัพผีดิบ Eternal ได้เห็นภาพผู้ประสบภัยจากสงคราม และหวนรำลึกถึงช่วงเวลาของเธอกับ Josu... เธอตัดสินใจหันหลังให้กับสัญญาทาสที่ถูกโยกไปให้นายหน้าของเธอ... เธอสั่งให้กองทัพ Eternal และเทพจาก Amonkhet ทั้งหมดเข้าโจมตี Bolas เพื่อยุติเรื่องบ้าๆ นี้เสียที

 

เพียงสิ้นคำสั่ง ร่างของ Liliana ก็ค่อยๆ ถูกแผดเผาจากการละเมิดสัญญาชีวิต... เธอถูกแผดเผาด้วยไฟจากภายใน... เธอกรีดร้องเพื่อครองสติ... ก่อนที่เธอจะพบว่า ร่างของเธอค่อยๆ กลับเป็นปกติ... และบ่าของเธอได้รับรู้สัมผัสจากมือของใครอีกคน...

Gideon เขาเดินเข้ามา และถ่ายทอดพลังแห่งการเป็นอมตะของเขา และรับเอาผลของสัญญาปีศาจที่ Liliana ละเมิดไว้เข้าสู่ร่างของเขาเอง...

ร่างของเขาถูกแผดเผาจากเปลวเพลิงปีศาจที่ไม่มีทางดับได้ ร่างของเขามอดไหม้และสลายไปเหลือเพียงแค่เถ้าถ่าน... ภาพสุดท้ายที่หวนขึ้นมาในความทรงจำของ Gideon คือเพื่อนๆ สหายร่วมรบของเขาในครั้งต่อกรกับ Erebos ได้เข้ามาต้อนรับ... และให้อภัยการตัดสินใจที่ทำให้พวกเขาต้องตายไปในอดีต...

 

เป็นที่แน่นอนว่า การเสียสละตนเองของ Gideon เปลี่ยนแปลงผลของสงคราม เพราะมันทำให้ Liliana ได้พลังอย่างที่เธอต้องการมาตลอด และทำให้ Planeswalker ทุกๆ คนไม่ต้องการให้การตายของเขาเป็นเพียงเรื่องไร้ค่า พวกเขาร่วมแรงร่วมใจกันกำจัด Bolas ได้สำเร็จ...

 


การเสียสละของ Gideon

 

หลังจากสงคราม Chandra ขอให้นำเกราะของ Gideon กลับไปที่บ้านเกิดของเขา ที่ Theros และแม้ว่าชาว Theros จะมีความเชื่อเรื่องโลกหลังความตายจนมีเทพอย่าง Erebos เกิดขึ้นมา แต่ Gideon ก็ไม่ได้เดินทางไปยัง Underworld นั่นเพราะเขาเสียสละชีวิตของตนเองลงที่ Ravnica

การตายของเขา ส่งผลต่อ Planeswalker หลายๆ คน... แม้แต่ Liliana ที่ดูจะไม่แยแสคนอื่นๆ เท่าใดนัก ก็รู้สึกโศกเศร้ากับการจากไปของเขาอยู่ไม่น้อย

และที่ Theros เขาก็ได้รับรูปปั้นเป็นอนุสรณ์สถานของเขา เพื่อเป็นเกียรติ... และเป็นที่ระลึกถึง... ตลอดกาล

เราก็เดินทางมาถึงตอบจบของเรื่องราวของอีกหนึ่งมหาบุรุษอย่าง Gideon Jura หรือ Kytheon Iora ผู้ปกป้อง และผู้เสียสละเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง

ส่วนเรื่องราวในตอนต่อไป จะเป็นเรื่องราวของตัวละครตัวไหน รอติดตามกันได้เลยครับ