"แผนที่ดีอาจจะไม่ใช่ทั้งต่อสู้ หรือวิ่งหนี"
Freyalise เป็น Planeswalker ที่เป็นลูกครึ่ง เอลฟ์ และ มนุษย์ และกำเนิดที่ทวีป Terisiare ทางตอนเหนือของ Dominaria ในยุค Pre-Mending
“Mending คือเหตุการณ์ระดับจักรวาล ที่ทำให้ Planeswalker สูญเสียพลังระดับเทพไป และกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในเวทย์มนต์สาขาของตนเอง กับความสามารถในการเดินทางข้ามดวงดาวเท่านั้น”
Freyalise เป็น Planeswalker ที่มีเชื้อสาย Elf อยู่ ดังนั้น เธอจึงเป็นจอมเวทย์ที่มีพลังที่เชื่อมต่อกับธรรมชาติ และเข้าถึงได้เพียงมานาสีเขียว เธอค่อนข้างหัวแข็ง และยึดมั่นในความเชื่อของตนเอง จนบางครั้งก็ดูงี่เง่าในสายตาคนอื่นๆ
- วัยเยาว์ -
ในวัยเด็กนั้น Freyalise ได้เดินทางเข้าสู่เมือง Storgard อันหนาวเหน็บ และปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ด้วยความที่มันเป็นเมืองที่อยู่ใน Torisiare ทางตอนเหนือสุดอยู่แล้ว และยังเป็นช่วงเวลาแห่งยุคน้ำแข็ง ที่เป็นผลมาจาก Brothers’ War
“Brothers’ War คือสงครามระหว่างพี่น้องนักประดิษฐ์ Urza และ Mishra
โดย Urza ผู้พี่เป็นนักประดิษฐ์ที่เลือกจะปกป้องบ้านเกิดอย่าง Dominaria
ส่วน Mishra นั้น เลือกเส้นทางแห่งการผจญภัย จนเข้าร่วมกับฝ่าย Phyrexian ที่ต้องการทำลาย Dominaria ทิ้ง
ผลของสงครามคือ Urza ต้องใช้เครื่องมือที่ชื่อว่า Sylex Blast เพื่อยุติสงคราม คลื่นระเบิดของมันทำให้เกิดการทำลายล้าง และเปลี่ยนแปลงทางสภาวะอากาศ
รวมถึงเส้นทางการเดินทางข้ามดวงดาวอีกด้วย...
และมันก็เป็นสาเหตุของการเกิดยุคน้ำแข็ง หรือ Ice Age ที่ Dominaria เช่นกัน”
Freyalise ย่างกรายเข้าไปในฐานะเด็กกำพร้า... ไม่มีใครรู้ว่าเธอมาจากไหน
และจากความช่วยเหลือของหมอผีคนหนึ่ง เธอก็ได้เข้าเฝ้ากษัตริย์ Miko แห่ง Stone Council ที่เป็นสภาสูงสุด คอยดูแลแคลนอื่นๆ ใน Storgard อีกที
และด้วยความอารีย์ของกษัตริย์ Miko ท่านจึงทรงรับ Freyalise เข้ามาเป็นบุตรีบุญธรรมแห่ง Stone Council
และเมื่อ Freyalise เติบโตขึ้น เธอก็ได้เข้าสู่การศึกษาในระบบของ Storgard ที่แบ่งออกเป็นแคลนต่างๆ โดยที่น่าสนใจคือ Freyalise ได้เข้าศึกษาในแคลน Ruby ที่เชี่ยวชาญเวทย์มนต์แห่งเพลิง หรือ Pyromancy
ซึ่งความสามารถของเธอก็เป็นที่พอพระทัยของกษัตริย์ Miko เป็นอย่างมาก ก่อนที่จะแต่งตั้งเธอให้เป็นจอมเวทย์ประจำพระราชวัง
ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี ทว่า Oriel Kjedos ผู้นำแคลน Emerald กลับนำเสนอการละทิ้งฐานที่มั่นอย่าง Storgard...
ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย แต่ทว่า การลุกขึ้นแยกตัวของแคลน Emerald กลับเริ่มลุกลาม และทำให้แคลนอื่นๆ บางแคลนเริ่มคล้อยตาม
ทางที่จะจัดการกับความขัดแย้ง และกบฏที่ก่อตัวขึ้นในราชอาณาจักรของกษัตริย์ Miko ก็คือ การประลอง...
ทางฝ่ายราชวงค์ ได้ส่ง Freyalise ผู้เป็นจอมเวทย์ประจำราชวังค์เป็นตัวแทน
ส่วนทางแคลน Emerald ได้ส่ง Jason Carthlion นักรบ ผู้ที่เป็นเพื่อนวัยเด็กกับ Freyalise
Jason Carthalion
แม้ว่าทั้งคู่ไม่ได้จะเต็มใจประลองกันเท่าใดนัก แต่คำสั่งของกษัตริย์ก็เป็นดั่งอาญาสิทธิ์
Freyalise ที่เชี่ยวชาญด้านเวทย์มนต์ และมีฝีมือเหนือกว่านักรบอ่อนประสบการณ์อย่าง Jason มาก เธอกำลังต้อนเขาให้จนมุม
แต่ทว่า ในจังหวะสุดท้าย กลับเป็น Jason ที่ใช้เวทย์มนต์จากมานาสีเขียวเข้าโจมตี Freyalise เข้าจุดตาย และคว้าชัยชนะไปได้
แต่กับ Freyalise... มันไม่ใช่ความตาย... มันคือเวทย์มนต์ที่เธอจำฝังใจในห้วงเวลาสุดท้ายของชีวิต... และเธอก็ได้รับรู้ถึงพลังอันมากมายที่เอ่อล้นเข้ามา... เธอได้รับ Spark แต่เธอไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร
สิ่งนี้มันทำให้เธอแทบบ้า และเธอทำได้แค่เร่ร่อนไปเรื่อยๆ กับพลังมานาสีเขียวที่จำฝังใจ... มานาสีเขียวที่ก้าวข้ามพลังเวทย์แห่งเพลิงที่เธอเรียนรู้มาตลอดชีวิต
จนกระทั่งเธอได้พบกับ Jodah ผู้เป็นจอมเวทย์แสนทรงพลัง และมีความชำนาญในศาสตร์มานาทุกประเภท เขาได้เข้ามาช่วยเหลือ Freyalise ให้เข้าใจพลังงานมานาสีเขียวที่เธอได้รับมากขึ้น
และนั่นก็ทำให้ Freyalise เข้าใจพลังมานาสีเขียวมากขึ้น... เธอควบคุมมันได้ และเธอเริ่มใช้ชีวิตอย่าง Planeswalker ต่อไป
- สลายความหนาวเหน็บ -
ในช่วงเวลาที่ Freyalise อยู่ที่ Dominaria เธอคอยช่วงเหลือเผ่า Elf จากพื้นที่ต่างๆ ให้รอดพ้นจากความหนาวเหน็บของช่วงเวลาในยุค Ice Age
จนเหล่า Elf ทั้งหลายยกย่องให้เธอเป็นดั่งเทพีของ Elf กระนั้น ก็มีอีกสิ่งที่รบกวนสภาวะมิติของ Dominaria...
Shard จากการระเบิดของ Sylex Blast เมื่อจบสงคราม Brothers’ War เริ่มส่งผลให้การเดินทางข้ามดวงดาวเป็นไปได้ยากขึ้นมากๆ
“Shard หรือที่เรียกเต็มๆ ว่า Shard of the Twelve Worlds คือผลึกที่เกิดจากผลกระทบของการใช้ Sylex Blast โดย Urza เมื่อครั้งจบ Brothers' War
โดยมันคือการก่อตัวของผลึก ที่ห่อหุ้มดาวทั้งดวงไว้ และผลึกเหล่านี้ จะทำให้การเดินทางเข้า หรือออกจากดาวดวงนั้นๆ เป็นไปไม่ได้
และ Dominaria ก็เป็นหนึ่งในดาวที่ Shard ได้ก่อตัวขึ้น เพื่อห่อหุ้มดาวทั้งดวง”
และนั่น ทำให้ Freyalise เริ่มสนใจหนทางที่ปลดปล่อยจักรวาลจากความลำบาก
ซึ่งก็ไม่ต่างจาก Planeswalker คนอื่นๆ ใน Dominaria ที่รับรู้ได้ถึงผลกระทบจาก Shard พวกเขาจึงตัดสินใจจะเปิดประชุมกันที่ Null Moon อันเป็นดวงจันทร์ของ Dominaria
แต่ผลของการประชุมกลับตาลปัตร เมื่อ Faralyn, Tevesh Szat และ Leshrac สาม Planeswalker กลับมีแผนการอื่น...
พวกมันเลือกที่จะยุยง ปลุกปั่นให้ Planeswalker คนอื่นๆ โจมตีกันเอง และถ้ามีใครเพลี้ยงพล้ำถึงแก่ความตาย พลังงานจาก Planeswalker น่าจะเป็นพลังงานที่มากเพียงพอ... ที่จะทำให้หนึ่งในพวกมันสามารถดึงเอาพลังเหล่านั้นมาเป็นของตัวเอง และหลุดพ้นจากการกักขังของ Shard เสียที
แม้ว่า ความวุ่นวายจะเกิดขึ้น แต่แผนของพวกวายร้ายก็ไม่สำเร็จ เหล่า Planeswalker ไม่ได้ลงมือกันถึงตาย มีเพียงมังกรโบราณอย่าง Chromium Rhuell และลูกน้องของ Faralyn อย่าง Ravidel เท่านั้นที่เป็น Planeswalker ที่เสียชีวิตลง...
กระนั้น พลังงานเพียงเท่านี้ ก็สามารถทำให้ Leshrac และ Faralyn หนีออกไปจาก Dominaria ได้...
การทำลาย Shard ก็ต้องจบลงด้วยความล้มเหลว และปลดปล่อยมหา Planeswalker ตัวร้ายออกไปวุ่นวายที่ดาวอื่นๆ อีกสองตน
ส่วน Tevesh นั่นอาจจะเป็นกรรมเก่า ที่มันเคยปั่นให้อาณาจักร Storgard ต้องล่มสลายลง เพราะมันคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจของกษัตริย์ Miko
และ Oriel ผู้นำแคลน Emerald ก็ล่วงรู้ถึงแผนนี้ เขาจึงพยายามให้ผู้คนในอาณาจักรหนีภัยที่อาจจะตามมา
Null Moon Summit
กระนั้น Freyalise และ Planeswalker บางส่วน ได้อะไรบางอย่างจากการประชุมครั้งนี้... พวกเธอรู้ว่าจะหยุดเหตุการณ์ Shard และ Ice Age ได้อย่างไร
พวกเธอได้ศึกษา และใช้เวทย์มนต์ที่เรียกกันว่า World Spell ที่จะเป็นการรวบรวมพลังของ Planeswalker ร่วมกับเครื่องมือทรงพลัง...
มันจะกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้โลกกลับมาเป็นเช่นเคย... มันจะหยุดยุคน้ำแข็งลง และทำลาย Shard ทั้งหมดลง...
พวกเธอใช้ World Spell และผลของมันก็เป็นไปดั่งที่คาดหวัง Shard ต่างๆ สลายไป
และน้ำแข็งก็เริ่มละลายไป... แต่ทว่า... มันเป็นช่วงเวลาแห่งน้ำแข็งที่ยาวนาน... ยาวนานเกินกว่าพวกเธอจะจินตนาการ และมันก็เกิดอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่...
น้ำแข็งที่ละลายอย่างรวดเร็ว กลับกลายเป็นมวลน้ำมหาศาลไหลท่วมทั้ง Dominaria
แต่ความลำบากในการเอาชีวิตของช่วงยุคน้ำแข็ง กับระดับน้ำที่มากขึ้น... อย่างหลังน่าจะดีกว่าในการดำรงชีวิตต่อไป
เหล่า Planeswalker เริ่มกลับไปยังบ้านเกิด หรือสถานที่สำคัญ เพื่อช่วยเหลือประชาชนอื่นๆ ใน Dominaria... แม้จะมีความทุลักทุเลบ้าง แต่สุดท้าย ยุคน้ำแข็งก็จบลง...
- ป่าสองโลก -
หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมจบลงไประยะเวลาหนึ่ง เหตุการณ์ระดับจักรวาลก็กลับมาอีกครั้ง... คราวนี้เป็นการรุกรานของ Phyrexian ที่ต้องการจะทำลายดาว Dominaria
โดยแผนการของ Phyrexian นั้น คือการวางดาวที่ชื่อว่า Rath ที่สร้างจาก Flowstone ครอบทับไปยัง Dominaria ให้กลายเป็นดาวดวงเดียวกัน
“Flowstone คือโลหะเหลวสีเงิน ที่สร้างโดยเทคโนโลยีของ Phyrexian ว่ากันว่า มันคือ Nanobot หรือเครื่องจักรขนาดเล็ก ที่มันจะสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ตามคำสั่ง หรือเวทย์มนต์ที่ป้อนเข้าไป
โดยผู้ที่จะขึ้นเป็นผู้นำดาว Rath (หรือเรียกว่า Evincar) ได้ จะต้องมีความสามารถในการควบคุม Flowstone เป็นสำคัญ”
ถ้าหากแผนการของ Phyrexian เป็นไปได้ตามที่วางแผน กองทัพของ Phyrexian ทั้งหมด จะสามารถเข้ามายัง Dominaria โดยไม่ต้องผ่านรอยแยกมิติ
ในตอนเริ่มต้นสงครามนั้น Eladamri อีกหนึ่ง Elf ผู้นำป่า Skyshroud จากดาว Rath นั้น ได้เข้ามายัง Dominaria หลังหลบหนีการจับกุมที่ Rath จากข้อหาก่อกบฏ
ด้วยความช่วยเหลือ และประตูมิติส่วนตัวของชาว Phyrexian ที่เคยมีความสัมพันธ์กับเขา Eladamri ก็สามารถหลบหนีออกมาจาก Rath ได้
Eladamri เข้ามาที่ Dominaria และด้วยความเป็นผู้นำของเขา เขาสามารถรวบรวมนักรบจากหลากหลายเผ่าพันธุ์ เพื่อต่อต้าน Phyrexian ได้สำเร็จ
และผลงานของเขา ก็เข้าตา Freyalise เธอจึงต้องการให้ Eladamri ช่วยนำทัพออกรบในพื้นที่อื่นๆ
แน่นอนว่า Eladamri ก็ยินดีที่จะช่วยเหลือ Freyalise และเพื่อน Elf ที่ Dominaria
Eladamri
แต่แล้วในช่วงเวลานี้ ผืนป่า Skyshroud ของ Rath ได้ครอบทับกับดินแดน Keld ที่อยู่ทางตอนเหนือของ Dominaria
Eladamri ที่เคยเป็นผู้นำของ Skyshroud และยังคงเป็นห่วงเมืองเก่าของเขา
การครอบทับของ Skyshroud ที่ Keld นั้น จะเกิดผลกระทบอย่างรุนแรง...
เพราะ Skyshroud นั้นเป็นป่าดิบชื้น แต่ Keld เป็นที่ราบน้ำแข็ง... Elf ทั้งหมดของ Skyshroud น่าจะเกิดปัญหา หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
Freyalise จึงให้สัญญากับ Eladamri ว่าเธอจะปกป้อง Skyshroud เอง
และสิ่งที่เธอทำ ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ความทรงพลังของเธอได้เป็นอย่างดี เธอใช้พลังของเธอสร้างเกราะกำบังให้กับ Skyshroud ทั้งหมด แม้ว่าจะเกิดความสูญเสียกับบรรดา Merfolk อยู่บ้าง แต่ Elf ทั้งหมดของ Skyshroud ก็ปลอดภัย และเป็นสถานที่อบอุ่นเพียงที่เดียว ท่ามกลางพื้นที่ว่างเปล่าอันหนาวเหน็บ
หลังจากจบเรื่องราวที่ Dominaria
Freyalise ก็กลับไปเข้าร่วม Nine Titan อันเป็นการรวบรวม Planeswalker ระดับทรงพลังโดย Urza เพื่อต่อต้าน Phyrexian
และภารกิจของพวกเขาคือ การทำลายดาว Phyrexia ลงซะ
กระนั้น ภารกิจก็ไม่สำเร็จ และ Urza ก็หักหลังสมาชิก Nine Titan... หักหลังชาว Dominaria
Freyalise ต้องกลับมาที่ Dominaria ปกป้องทั้ง Skyshroud และ Llanowar อันเป็นป่าในความรับผิดชอบของเธอจากการรุกรานของ Yawgmoth เทพเจ้าแห่ง Phyrexia
แม้ภายหลัง สงครามจะจบลงด้วยชัยชนะของชาว Dominaria
แต่ความสูญเสียยังคงอยู่... Freyalise สร้างอนุสรณ์สถานให้แก่ผู้วายชนม์ไว้ที่ Urborg...
- ภัยร้ายที่คืบคลาน -
สงครามภายนอกได้จบลงไปแล้ว... แต่สงครามภายในก็กลับเริ่มประทุ
ในตอนนี้นักรบ Gathan ที่เป็นมนุษย์กลายพันธ์จากโครงการ Bloodline ของ Urza ได้เริ่มยึดครอง Keld อีกครั้ง
โดยพวกมันกลับมาจากการรุกรานของ Phyrexian ในครั้งก่อน... แม้ว่า Phyrexia จะไม่มีอยู่แล้ว แต่เหล่า Gathan ก็ไม่ใช่เครื่องจักรใร้สมองที่รอคำสั่ง
พวกมันมีมาก่อน Phyrexian จะรุกรานเสียอีก... แต่กำลังของพวกมันลดน้อยถอยไปจากการที่มันไม่สามารถผลิตซ้ำได้ (เพราะเป็นสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ และไม่เป็นที่ต้องการ)
เมื่อ Phyrexian ได้เข้ามาถึง Dominaria ด้วยเทคโนโลยี และเวทย์มนต์ดำทั้งหลาย เหล่า Gathan ที่ตายไปก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และกองกำลังของมันก็กำลังรุกคืบ Skyshroud เพื่อเอา Keld บ้านของพวกมันคืน
นอกจาก Gathan แล้ว ยังมีอีกสิ่งมีชีวิตที่หลงเหลือจากสงคราม นั่นก็คือ Sliver...
พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีระบบโครงสร้างแบบสมองรวบศูนย์ (Hive mind) โดยพวกมันหลุดเข้ามาใน Dominaria เมื่อครั้งดาว Rath กำลังจะครอบทับนั่นเอง
โดยพวก Sliver นั้น เป็นสิ่งมีชีวิตที่ Volrath อดีตผู้นำของดาว Rath ได้พามาจากดาวไม่ทราบชื่อ เพื่อนำมาทดลอง และพัฒนาความสามารถของ Flowstone
Volrath, Evincar แห่งดาว Rath
และเหตุเหล่านี้ ก็เริ่มทำให้ Freyalise และ Skyshroud ตั้งตนเป็นรัฐทหาร พวกเขาเลือกที่จะปกครองตนเองแบบปิดกั้นภายนอก
แม้ว่าในเวลาเดียวกัน Teferi อีกหนึ่ง Planeswalker จะเตือนเธอถึงความอันตรายของรอยแยกมิติ ที่ตอนนี้เกิดขึ้นไปทั่ว Dominaria แล้วก็ตาม
แม้ว่ารอยแยกจะเริ่มเกิดที่ Skyshroud และเริ่มมีการรุกรานโดยพวก Phyrexian อีกครั้ง จากอีกมิติคู่ขนานที่พวกมันยังไม่ยอมแพ้
Freyalise ยังคงยึดมั่นแนวทางการปกครองแบบเดิม และบรรดา Sliver ที่อยู่ใกล้เคียง ส่วนใหญ่ก็จะหลุดจากการควบคุมของ Hive Mind หลัก เพราะจิตใต้สำนึกลึกๆ แล้ว พวกมันเป็นสัตว์ที่ยำเกรงต่อจ่าฝูงที่ทรงพลังที่สุด
ดังนั้นแล้ว เมื่อเจอกับ Freyalise มันจึงยินยอมที่จะรับคำสั่งจากเธอ มากกว่า Hive mind เดิม
กรณีเดียวกันนี้ ก็เกิดขึ้นที่ Urborg เช่นกัน โดยเหล่า Sliver ที่ Urborg จะรับใช้ Lord Windgrace
แต่ทว่า เพียงไม่นาน Oleg en-Dal นักรบของ Phyrexian ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์สุดวิปริตที่ดาว Rath และก้าวข้ามจากนักรบไปเป็นฆาตรกรจิตหลุด ก็ได้ตั้งตนเป็น Weaver King...
และมันก็มีความสามารถที่จะเข้าสิงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ... รวมถึง Sliver
และนั่นก็ทำให้ Sliver ในครอบครองของ Freyalise (รวมถึง Lord Windgrace) กลับไปรับใช้ Weaver King แทน
Lord Windgrace แห่ง Urborg
นั่นทำให้ Freyalise ถดถอยซึ่งกำลังทางการทหาร และเธอก็เริ่มเห็นปัญหาของรอยแยกจริงๆ จังเสียที...
เธอเข้าใจแล้วว่าทำไม Teferi ถึงยอมสละ Spark ตนเองเพื่อปิดรอยแยก...
เธอเข้าใจความโง่เขลา และเห็นแก่ตัวของเธอ... เธอคิดแต่จะปกป้อง Skyshroud จนเธอลืมไปว่า... ถ้าไม่มี Dominaria... ถ้าไม่มีจักรวาลนี้ Skyshroud ก็คงไม่สามารถมีตัวตนได้เช่นกัน...
เธอคงต้องยอมสละ Skyshroud เพื่อจักรวาลนี้... เธอดึงม่านพลังแห่งการปกป้องดินแดนแห่งนี้ กลับมาไว้ที่ตัวเธอเอง...
และใช้พลังทั้งหมดนั้น ปิดรอยแยกมิติเหนือ Skyshroud...
รอยแยกปิดลง... พร้อมกับชีวิตของเธอ...
Dominaria คงปลอดภัยขึ้น... จักรวาลคงปลอดภัยขึ้น...
มาถึงตอนจบแล้ว สำหรับเรื่องราวของ Freyalise ครับ
ขอขอบคุณทุกๆ กำลังใจ และการติดตามครับ