- นักเดินทาง -
ณ หมู่บ้าน Sevalgr
เรือรูปร่างประหลาดอย่างที่ชาวบ้านของ Sevalgr ไม่คุ้นเคยได้มาถึง นอกจากมันจะมีรูปทรงที่เรียว ยาว และยังมีขนาดใหญ่กว่าเรือหาปลาที่พวกเขาคุ้นเคย มันยังเต็มไปด้วยอักขระที่สลักลงไปบนตัวเรือ
เมื่อมันเทียบท่า เหล่าลูกเรือและนักเดินทางก็ทยอยลงมาจากเรือลำนั้น
ผู้มาเยือนหาได้แสดงความอิดโรย และเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด... ซึ่งมันก็ดูแตกต่างจากชาวบ้านของ Sevalgr ทั้งๆ ที่พวกเขาเองคือเจ้าบ้าน หาใช่ผู้มาเยือนไม่
ชายเครางามคนหนึ่ง เดินลงมาพร้อมกับอีกาอีกตัวที่เกาะอยู่บนไหล่ของเขา และไม้เท้าที่ไม่ได้มีไว้เพื่อประคองสังขาร ราวสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงเครื่องประดับ
ส่วนสมาชิกคนอื่นๆ ที่ลงจากเรือ ก็ต่างแต่งกายด้วยชุดผจญภัย และเกราะหนา... เสมือนพวกเขาจะลืมนึกถึงการตกลงจากเรือ แล้วชุดเหราะหนักๆ พวกนี้จะทำให้พวกเขาจมลงสู่ใต้มหาสมุทรไป
แต่นอกจากเครื่องแต่งกายที่ไม่น่าจะใส่ยามเดินเรือแล้ว ตามร่างกายของพวกเขาก็เต็มไปด้วยรอยสัก... รอยสักที่ดูเสมือนแผนที่ และมีไว้เพื่อนำทางมากกว่าเป็นเพียงเครื่องแสดงสถานะ...
ใช่แล้ว... พวกเขาคือ Omenseekers
ที่ท่าเรือ ก็มีชายอีกคน ที่ดูเหมือนจะเป็นผู้รับผิดชอบความปลอดภัยของหมู่บ้าน Sevalgr เขาเชื้อเชิญผู้มาเยือนเข้าสู่โรงอาหารของหมู่บ้าน
แม้ว่าบนโต๊ะอาหาร จะเต็มไปด้วยมื้ออาหารที่จัดเตรียมมาเต็มความสามารถของชาว Sevalgr เพราะที่ Kaldheim ไม่มีใครรู้เลยว่า ยามใดที่เทพเจ้าจะปลอมแปลงตนมาเยี่ยมเยือนเหล่ามนุษย์
แต่กระนั้น มันก็เป็นเพียงปลาเค็ม และเนื้อตากแห้งอย่างดีเท่านั้น
หญิงคนหนึ่ง ผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำของคณะเดินทาง Omenseeker ได้ปฏิเสธมื้ออาหารของชาว Sevalgr
ดวงตาอันขาวขุ่นราวกับหมอกของเธอ บอกให้รู้ว่าดวงตาของเธอนั้นมองไม่เห็น... แต่ทว่า เธอกลับสามารถเดินได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีผู้นำทางแต่อย่างใด
Inga, Rune-Eyes
และเมื่อคณะเดินทาง Omenseekers ทั้งหมด ได้เข้าสู่โรงอาหารของ Sevalgr ที่นี่ก็กลายไปเป็นห้องประชุมทันที
“ผู้คนที่นี่... เริ่มหายตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่” Inga ผู้เป็นหัวหน้าทีมเดินทาง Omenseekers ได้ถามขึ้นมา
“พวกเขาไม่ได้หายไปหรอก... พวกเขาน่าจะถูกฆาตกรรมมากกว่า” หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางประชาชนของ Sevalgr พูดขึ้นมา... และลูกสาวสองคนของเธอหายตัวไปราวๆ 1 เดือนที่แล้ว
“อย่าพูดมั่วๆ นะ!” ชายอีกคนตะโกนขึ้นมาจากฝูงชน... เขาพึ่งจะสูญเสียคนรักของเขาไปหมาดๆ และมันก็แสดงออกทางแววตาอันแดงก่ำ และคราบน้ำตาของเขา
“แต่ก็ไม่มีใครเจอศพนี่?” Inga ถามกลับไปยังชาวบ้านทั้งสอง... ทั้งคู่พยักหน้าแทนคำตอบ
“ไม่มีใครพบศพ... แต่มีนายพรานของเราเจอมันเข้า...” หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านพูดขึ้น
“เจอมัน?... มันคืออะไร?” Inga ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“Hras เล่าให้เธอฟังสิ” ผู้ใหญ่บ้านพูดขึ้น พลางเรียกเด็กหนุ่มอีกคน
เขาดูไม่น่าเป็นนายพรานอาชีพเท่าใดนัก ใบหน้า และร่างกายที่บ่งบอกว่าเขาไม่น่าจะมีอายุเกิน 16 ปีด้วยซ้ำ... กระนั้น แววตาและท่าทางของเขากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ว่าใงเจ้าหนู... เธอเห็นอะไรมา” Inga ถามไปที่เด็กน้อยคนนั้น ด้วยน้ำเสียงที่ไม่กระตุ้นให้เด็กคนนั้นตื่นกลัวไปมากกว่าที่เป็นอยู่
เขาลูบแขนของเขาไปมา ราวกับภายในโรงอาหารอันอบอุ่นนี้ มันไม่เพียงพอให้คลายหนาวไปได้... “ปีศาจ... มัน... มันคือปีศาจ”
“Asi เตรียมคนของเราให้พร้อม เราจะออกตามหามันในอีกหนึ่งชั่วโมง” Inga บอกกับชายเครางามพร้อมอีกาของเขา...
“เตรียมคนบางส่วนไว้ที่เรือ ที่เหลือให้เตรียมตัวไปที่ป่า Aldergard” Inga พูดต่อไป ราวกับคำว่าปีศาจนั้น ไม่ได้ทำให้เธอตื่นเต้นแต่อย่างใด
ชายเครางามพยักหน้ารับคำสั่ง... ก่อนที่เขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“แล้ว... แขกของท่านล่ะ” Asi ถาม Inga “เธอจะมากับพวกเราหรือไม่?”
“Kaya งั้นหรือ?” Inga ตอบกลับ... “ที่เรามาถึงที่นี่ ก็เพราะเธอนั่นแหละ”
- เยือนป่าปริศนา -
“ตามหาคนหาย... ล่าสัตว์อันตราย... ผจญภัยในปื้นที่ลึกลับ... ฟังแล้วยังกับพวกตัวเอกในหนัง...”
“ฉันก็คงเป็นแบบนั้นแหละนะ...” Kaya คิดกับตัวเอง
“แต่ความจริงแล้ว มันก็คืองาน งานที่บังเอิญได้ค่าจ้าง ถึงแม้ตอนแรกฉันจะอยากรู้ว่าใครคือผู้ว่าจ้าง แต่ด้วยเงินปริมาณมหาศาล ที่มาก็ไม่ค่อยน่าสนใจแล้วล่ะ... และที่แน่ๆ รอบนี้มันคงไม่จบลงด้วยเรื่องวุ่นวายเหมือนตอนที่ Ravnica ล่ะมั้ง...”
แต่ว่า... การผจญภัยครั้งนี้มันก็แปลก... แปลกเกินกว่าที่ Kaya จะรู้สึกว่ามันคือการผจญภัย...
ณ ป่า Aldergard ที่เงียบงัน... เงียบจนเกินไป
“ป่านี่มันเงียบแบบนี้เป็นปกติหรือเปล่าเนี่ยะ?” Kaya ถามเพื่อทำลายบรรยากาศที่เงียบจนได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าของเพื่อนร่วมเดินทางเท่านั้น
“หลุมศพยังจะมีชีวิตชีวากว่าที่นี่เลยนะ” Kaya พูดติดตลกต่อไป
“หลุมศพที่มีชีวิตชีวาคงจะไม่แปลกสำหรับนักล่าผีล่ะมั้ง” Asi ตอบ Kaya กับคิ้วที่เลิกขึ้นหนึ่งข้าง เพราะคำว่าหลุมศพที่มีชีวิตชีวา... มุขตลกแปลกๆ ของ Kaya
“ข้าเห็นด้วย” Inga พูดสนับสนุนขึ้นมา... แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอสนับสนุนคำพูดไหน? ความเงียบงัน หรือหลุมศพที่มีชีวิตชีวา
Inga หญิงตาบอด เธอเป็นคนแรกที่ Kaya ได้พบใน Kaldheim แต่การพูดคุยกับ Inga ก็ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของ Kaya กับเธอดีขึ้น
Inga มักจะมีสมาธิอยู่กับบางอย่าง... บางอย่างที่ไม่มีใครเข้าใจ และมองเห็นมัน...
ซึ่งสำหรับ Kaya แล้ว กับ Asi เขาคุยสนุกกว่า Inga เยอะเลย
“ป่า Aldergard มันเป็นที่ๆ ข้าเรียกได้ว่ามันคือสถานที่ลึกลับ” Inga พูดต่อ... และนั่นก็เป็นลางไม่ดีท่าใดนัก
Inga ถือได้ว่าเป็นผู้ทรงภูมิในบรรดา Omenseekers... ผู้ที่ถือได้ว่าเป็นกลุ่มนักผจญภัยที่เก่งกาจที่สุดกลุ่มหนึ่งใน Kaldheim
และกับผู้ที่ทรงภูมิที่สุดในกลุ่มนักผจญภัยที่ดีที่สุด กลับพูดถึงป่าแห่งนี้ว่ามันเต็มไปด้วยสิ่งที่เธอไม่รู้ และไม่น่าไว้วางใจ ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องดีนัก
“ลึกลับเอย ประหลาดเอย... ไม่คิดว่ามันจะมีสัตว์อย่างพวกกระรอกบ้างเหรอ” Kaya ถามกลับไป
“แน่นอน... เหล่ากระรอกนั้น มาจาก Toski สัตว์จักรวาลแห่งการส่งสาส์นจากพระเจ้า เขาเป็นกระรอกขนาดยักษ์ ที่มีลูกหลานอยู่ทั่วทั้ง Kaldheim...” Inga ตอบเรื่องเสียงกระรอก ที่ดันไปจบที่ตำนานปรัมปราของ Kaldheim เสียได้
“แต่มันก็แปลกนะ ที่ไม่มีเสียงของสัตว์ใดๆ ในละแวกนี้เลย” Asi พากลับเข้าประเด็นอีกครั้ง
“พวกมันอาจจะมีสัญชาตญาณที่ดีกว่าพวกเราก็ได้” Kaya ตอบกลับ
“ถ้าข้าบอกจำนวนไป เจ้าจะแปลกใจถึงจำนวนสัตว์ ที่มีสัญชาตญาณดีกว่าเราแน่ๆ” Asi ตอบ Kaya ไปอีกครั้ง
Toski, Bearer of Secrets
“ชาวบ้านหายตัวไปยามราตรี...” หนึ่งในสมาชิก Omenseeker พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว “ถ้า... ถ้ามันไม่ได้เป็นแค่สัตว์ยักษ์กลายพันธุ์ล่ะ”
“เจ้ามีเบาะแสอะไรงั้นหรือ?” Asi ถามกลับไปที่ชายคนนั้น
“Sarulf...” ชายคนนั้นเบาเสียงลงจนเป็นเพียงเสียงกระซิบ “สัตว์จักรวาล หมาป่าผู้กลืนกินอาณาจักร”
“หมาป่าเนี่ยนะ... นายกลัวยันเกล็ดหิมะเลยรึเปล่า” Kaya พูดแขวะชายคนนั้น
“Sarulf ไม่ได้เป็นเพียงหมาป่า... มันคือสัตว์จักรวาล (Cosmos Monsters) มันกำเนิดมาพร้อมกับโลกใบนี้” Asi ตอบ Kaya ไป “แต่ข้าว่า คงจะไม่ใช่ Sarulf หรอก... มันไม่ใช่สัตว์จักรวาลที่จะคอยหลบๆ ซ่อน ถ้ามันจะล่าที่ป่า Aldergard แล้วล่ะก็... ทั้งอาณาจักร Bretagard แห่งนี้คงล่มสลายไปแล้ว”
ฉับพลันก็มีเสียงอีการ้องออกมา
Kaya กระชับมีดสั้นคู่กายของเธอ และเมื่อแหงนมองไปที่ท้องฟ้า เธอก็เห็นอีกาตัวหนึ่งกำลังบินวนอยู่เหนือพวกเขา
“Hakka กลับมาแล้ว” Asi พูดขึ้น
ก่อนที่อีกาตัวนั้นจะโฉบลงมาเกาะที่แขนของเขา มันกระโดดไปที่ไหล่ของ Asi ก่อนที่จะขยับจะงอยปากของมันไปมาราวกับนั้นคือการพูดคุยของมันกับ Asi แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆ ออกมาให้ใครได้ยิน
“เพื่อนของข้าเจอสิ่งที่น่าสนใจแล้วล่ะ” Asi บอกกับสมาชิกทุกๆ คนของ Omenseekers
- เยือนถ้ำปริศนา -
เหล่า Omenseekers มาถึงถ้ำแห่งหนึ่ง... ที่ปากทางมันเต็มไปด้วยร่องรอยของคราบเลือดที่ถูกลากเข้าไปภายในถ้ำอันมืดมิดแห่งนั้น
พวกเขาเตรียมพร้อมอาวุธ ปากพลางขมุบขมิบขอพรจากเทพพระเจ้า... ส่วน Kaya เองก็อยากจะขอพรจากพระเจ้าเหมือนกัน เพียงแต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะขอพรจากเทพองค์ไหน... เธอคงต้องเชื่อมั่นในตัวเองไปก่อน
“เธอพร้อมหรือยัง Kaya” Inga ถามขัดจังหวะความคิดของ Kaya และในมือของ Inga ก็มีตะเกียงที่มีแสงสีฟ้าทึมๆ ออกมา
ซึ่ง... มันก็น่าแปลกใจที่เหล่า Omenseekers เลือกจะให้คนตาบอดเป็นคนถือตะเกียง
“แน่นอน... ลุยกันเลยดีกว่า” Kaya ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ.. แม้ลึกๆ แล้วเธอจะยังกังวลอยู่ก็ตาม
Omenseekers เดินทางเข้าไปในถ้ำอันอบอุ่น แต่ก็เงียบสงัด เสียงของพื้นรองเท้าที่กระทบกับหินแต่ละก่อน แทบจะบอกได้ว่ามันทำมาจากอะไร
เสียงการก้าวเดิน ก้องไปมาภายในถ้ำ และเพียงไม่นาน แหล่งกำเนิดแสงเดียวที่เหลืออยู่ก็คือตะเกียงของ Inga เท่านั้น...
แสงสะท้อนแวววับออกมาจากมุมหนึ่งของถ้ำอันมืดมิด
“เดี๋ยวก่อน” Kaya บอก Inga “ช่วยส่องไฟไปที่กำแพงนั่นอีกที”
แสงจากตะเกียงทำให้เห็นว่าระหว่างรอยแยกของหินมีสายแร่โลหะอยู่ และมันยังมีโครงสร้างแปลกๆ จากสายแร่นั้น... มันถักทอตัวเองไปยึดกับหินก้อนอื่น คล้ายๆ กับรากของเชื้อรา
“ที่นี่เป็นเหมืองงั้นเหรอ” Kaya ถาม Inga
“ไม่... มันควรจะเป็นเพียงถ้ำหินเท่านั้น” Inga ตอบกลับ
“งั้น... ก็มีอะไรแปลกๆ แล้วล่ะ” Kaya บ่นพึมพำ
พวกเขายังคงมุ่งหน้าเดินทางเข้าไปสู่ส่วนที่ลึกขึ้นของถ้ำ...
เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าใดไม่มีใครรู้... จนกระทั่ง พวกเขาเจอกับโถงขนาดใหญ่ภายใน... มันใหญ่เสียจนเพดานถ้ำหายไปในความมืดมิด... มันควรจะเป็นที่หยุดพักที่ดี... ถ้าภาพที่พวกเขาเห็นตรงหน้า มันเป็นเพียงพื้นที่โล่งๆ
ที่กลางโถงแห่งนั้น มีร่างขนาดมหึมาอยู่ข้างๆ กับซากศพของหมีป่า... และเสียงการเขมือบกลืน... เสียงของเนื้อที่ถูกฉีกแยกออกมาจากกระดูก... นี่คงเป็นสัตว์นักล่าขนาดยักษ์... คงจะเป็นปีศาจที่พรานน้อย Hras ไปพบเจอ
แต่เมื่อแสงจากตะเกียงของ Inga กระทบเข้ากับร่างนั้น... ทุกสิ่งที่ Kaya คิดไว้ก็เปลี่ยนไปทันที...
ร่างขนาดยักษ์นั้น ไม่ได้กำลังกินซากหมีอยู่... แต่แขนของมัน กำลังเชื่อมเป็นก้อนเดียวกันกับซากหมี ก่อนที่จะมีเสียงราวกับกระดูกหัก และทำให้แขนของปีศาจตัวนั้น หลุดออกมาจากซากหมี
“มัน... ไม่ใช่หมาป่า...” Kaya ตะลึงกับภาพที่เธอเห็น
เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นมันลุกขึ้นยืน... ร่างขนาดมหึมาที่พวก Omenseekers เห็นนั้น... มันยังไม่ได้ยืนด้วยซ้ำ
ร่างของมันสูงราวๆ 4 เมตร ร่างของมันเป็นสีของกล้ามเนื้อมนุษย์ และมีขนของสัตว์ต่างๆ งอกออกมาตามตัวอย่างไร้รูปแบบในส่วนอื่นๆ
แขนที่ดึงออกมาจากซากศพนั้น ไม่ได้เป็นแค่ปลายนิ้วมือทั่วๆ ไป หากแต่เป็นกรงเล็บขนาดยักษ์... แถมมันยังมีแขนอีกสองข้างออกมาจากลำตัวของมันอีก
ส่วนหัวของมันกลับเป็นกะโหลกที่ขนาบข้างด้วยโลหะลักษณะราวกับใบมีด ทั้งเขี้ยวและเขาของมันมีสีเหมือนกับกระดูกทั่วๆ ไป แต่มันกลับสะท้อนแสงราวกับโลหะ
Kaya the Inexorable
สัตว์ประหลาดตัวนี้ ให้ความสนใจกับ Kaya แล้ว... มันอ้าปากคำรามด้วยเสียงที่แปลกประหลาด และสร้างความหวาดกลัวให้กับ Kaya เป็นอย่างยิ่ง... ยังไม่รวมว่า ในปากของมันมีเส้นเอ็นสีแดงที่โดดเด่น ตัดกับสีของกระโหลกที่บดบังเอาไว้...
สิ้นเสียงคำราม มันพุ่งเข้าโจมตี Kaya ทันที
Kaya หลบออกมาจากเส้นทางวิ่งของมันได้ทันเวลา เธอดึงมีดสั้นของเธออกมาจากซองมีดข้างกาย
แต่กับสมาชิก Omenseekers อีกสองคนที่ไม่สามารถหลบได้ทัน ถูกมันวิ่งชนเข้าจังๆ
เสียงร้องโหยหวนดังกึกก้อง แข่งกับเสียงคำรามของสัตว์ประหลาดตัวนี้
Omenseekers คนหนึ่งติดอยู่ใต้ร่างขนาดมหึมาของมัน และแขนเล็กๆ อีกสองข้างของเจ้าสัตว์ประหลาดก็เจาะเข้าไปที่หัวของเขาราวกับมันไม่มีแรงต้านทาน ส่วนอีกคนก็กำลังถูกหิ้วขึ้นมาจากพื้นราวกับร่างของเขาไม่มีน้ำหนัก
ภาพสยดสยองขนาดนี้ ทำให้ Omenseekers บางคนระลึกได้ว่าพวกเขาคือใคร... พวกเขาเป็นเพียงนักผจญภัย สิ่งที่ทำให้พวกเขาเดินทางคือขุมสมบัติ และความตื่นเต้นในการพบเจอสิ่งใหม่ๆ...
แต่นี่คือการเอาชีวิตมาทิ้ง พวกเขาไม่ได้เป็นนักรบ... แต่พวกเขากลับมีจิตใจที่กล้าแกร่ง พวกเขาเริ่มเตรียมกระบวนรบ ล้อมเจ้าปีศาจที่สังหารเพื่อนร่วมผจญภัยของพวกเขา
เหล่า Omenseekers เริ่มโจมตีอวัยวะที่ไม่รู้ว่าคืออะไรของเจ้าตัวประหลาดด้วยอาวุธที่พวกเขามี และมันก็สร้างบาดแผลกับมันได้ เลือดของมันกระเซ็นไปทั่ว
หนึ่งในนักดาบได้โจมตีแขนของสัตว์ประหลาด เพื่อหวังให้มันปล่อยเพื่อนของเธอ การลงดาบของเธอ ทำให้แขนของสัตว์ประลาดขาดออกจากกัน
แต่ทว่ามันก็ทำให้ Kaya เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น... แม้ว่าแผลจากการโจมตีจะฉกรรจ์เพียงใด มันกลับมีพลังในการรักษาตัวเอง สิ่งที่คล้ายกับเส้นเอ็นสีแดงวิ่งเข้าหากันระหว่างกล้ามเนื้อทั้งสองชิ้น แผลของมันค่อยๆ เชื่อมกลับไปเป็นเช่นเดิม
แต่เท่านั้นยังไม่พอ แผลของการลงดาบนั้น กลับเปลี่ยนไปเป็นอาวุธสังหารได้อีกด้วย มันงอกอวัยวะคล้ายแส้ออกมาตวัดเอา นักดาบคนนั้นเข้าไปหามัน...
และแขนของเธอก็ค่อยๆ เชื่อมเข้ากับสัตว์ประหลาดตนนี้ เธอร้องด้วยความเจ็บปวด และใช้มีดสั้นอีกเล่มแทงไปที่ปีศาจตัวนี้อย่างบ้าคลั่ง เพื่อหวังให้มันปล่อยเธอ...
แม้ว่าจะได้ผล แต่เธอก็แทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกแล้ว... แขนของเธอบาดเจ็บสาหัส...
Kaya คิดว่าเธอคงต้องลองใช้พลังของเธอดู... แต่สัตว์ประหลาดตัวนี้เริ่มวิ่งมาทาง Kaya อีกแล้ว
แม้ว่ามันจะมีร่างกายขนาดมหึมา แต่ความเร็วของมันดูจะไม่สอดคล้องกับขนาดของมันเลย...
มันกระโดดพุ่งโจมตีด้วยความเร็วเกินกว่าจะจินตนาการได้ กรงเล็บของมันกำลังจะตวัดเข้าที่ร่างของอีกหนึ่ง Omenseekers ที่ยังยืนนิ่งตะลึงงันในความเร็วของมัน
แต่กลับมีแสงสีฟ้าเรืองออกมาจากกงเล็บของมัน... มันค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นผลึกสีฟ้าใส และที่มาของแสงนั้น ก็คือตะเกียงของ Inga นั่นเอง...
ตอนนี้ Kaya ก็ได้จังหวะในการโจมตีมันแล้ว เธอใช้เวทย์มนต์ของเธอถ่ายทอดพลังไปที่มีดสั้น ในเรืองแสงสีม่วงออกมา...
กล้ามเนื้อ... กระดูก... หรือวิญญาณ... อะไรก็ช่างที่ตัดได้ เธอทุ่มเทพลังเพื่อที่จะตัดแขนของมัน
Kaya ตวัดมีดของเธอผ่านหัวไหล่ของสัตว์ประหลาดตัวนี้... แขนของมันหล่นลงกับพื้นโดยไม่มีเส้นเอ็นมาดึงให้มันกลับไปอยู่ด้วยกันอีกครั้ง...
แขนข้างนั้นกลายเป็นสีดำ และเริ่มสลายไปเป็นเถ้าถ่าน... การโจมตีของ Kaya ได้ผล... แต่เวทย์มนต์ของ Inga ก็หมดผลลงเช่นกัน... เธอคงไม่สามารถใช้พลังในการผนึกสัตว์ประหลาดทรงพลังตัวนี้ได้นานนัก
สัตว์ปีศาจคำรามอีกครั้ง ครานี้เสียงของมันราวกับเฟืองของเครื่องจักรที่ไม่ได้หยอดจารบี มันกดเอาร่างของ Omenseekers คนแรกที่ติดอยู่ที่ลำตัวของมันเข้าไป และร่างก็กลายเป็นเพียงแผ่นเนื้อสีชมพูที่ถูกดูดซับเข้าไปทันที
แขนข้างที่พึ่งถูก Kaya ตัดขาดไป เริ่มงอกกลับออกมาอีกครั้ง... นี่ไม่ใช่เรื่องดีแล้ว... และหลังจากเสียงลั่นของกระดูก... มันหันกลับมาที่ Kaya... จ้องเขม็ง...
Kaya กลายเป็นเป้าโจมตีของมันทันที
แม้ว่าจะโดนโจมตีไปมากมายจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ แต่ความเร็วของสัตว์ปีศาจตัวนี้ไม่ได้ลดลงเลย การกวัดแกว่งกรงเล็บสังหารของมันแต่ละครั้ง แทบจะไม่มีจังหวะให้ Kaya ได้โจมตีกลับ เธอแทบจะต้องใช้พลังไร้สสารของเธอ เพื่อการป้องกันตัวเพียงอย่างเดียว
ถ้าเธอจะจบงานนี้ เธอคงต้องเสี่ยงใช้การหลบหลีกด้วยตัวเอง เพื่อที่จะโจมตีกลับ... แต่เธอก็พบว่า ความเร็วของมัน ทัดเทียมกับนักฆ่าลอบเร้นอย่างเธอ!
ในระหว่างที่มันกำลังโจมตี Kaya เหมือนกับสัตว์ไร้สตินั้น Kaya ก็สะดุดกับหินก้อนหนึ่ง... ไม่สิ มันคือกำแพงหินเลยต่างหาก... มันไม่ได้โจมตีเธออย่างสัตว์เดรัจฉาน... มันต้อนเธอให้จนมุมต่างหาก
แสงสีฟ้าจากตะเกียงของ Inga กลับมาอีกครั้ง มันหยุดกรงเล็บของสัตว์ปีศาจตัวนี้เอาไว้ได้... แต่ก็ไม่นานนัก เพราะมันยอมตัดแขนตัวเองทิ้ง และยังคงโจมตี Kaya อย่างไม่ลดละ
Kaya ไม่มีตัวเลือกแล้ว เธอจำเป็นต้องใช้พลังไร้สสารกับทั้งร้างของเธอ เพื่อหลบฉากเข้าไปในกำแพงหิน ก่อนที่จะโดนเจ้าสัตว์ปีศาจตัวนี้สังหารเอา
Kaya กลับออกมาห่างจากสัตว์ปีศาจตัวนั้นไม่กี่เมตร... แต่ตอนนี้ การใช้พลังเพื่อเปลี่ยนร่างของตนเองให้อยู่ในสถานะไร้สสาร ทำให้หัวใจของเธอหยุดเต้นไปแล้ว... เธอต้องรีบฟื้นคืนพลังของเธอ... ภาพต่างๆ เริ่มไร้สีสัน สติของเธอกำลังจะหมดลง และเจ้าสัตว์ปีศาจตนนั้นมันพุ่งกลับมาที่เธออีกครั้ง
“พอได้แล้ว!” เสียงลึกลับของเขากึกก้องกังวานไปทั่วถ้ำลึกลับแห่งนั้น
สัตว์ปีศาจที่เคยเคลื่อนไหวรวดเร็วกลับช้าลงอย่างเห็นได้ชัด... และนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ Kaya ได้พลังของเธอคืนมา... เธอพุ่งสวนการโจมตีของสัตว์ประหลาดตัวนั้น และใช้มีดของเธอตัดขาของมันไปได้หนึ่งข้าง
ตอนนี้ถ้ำอันมืดมิด กลับสว่างไสวไปด้วยแสงสีฟ้า... Kaya หันกลับไปมองต้นเสียงลึกลับนั้น...
“Asi? ไม่สิ... เขาดูแตกต่างไป” Kaya นึกในใจ
Asi ชายเครางามที่จะสวมฮูดปกปิดใบหน้าตลอดเวลา บัดนี้เขาได้ลดฮูดลง ดวงตาของเขาส่องแสงประกาย และเขาคือร่างที่ส่องแสงเรืองรองไปทั่วทั้งถ้ำแห่งนี้
“เจ้าปีศาจร้าย เจ้ามันเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์นรกแห่งอาณาจักร Immersturm เสียอีก” Asi พูดกับสัตว์ปีศาจตนนั้น
แต่สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็หาได้สนใจไม่ มันพุ่งกลับมาหา Kaya อีกครั้ง... แฉกเช่นกับคำกล่าวของพรานล่าสัตว์ที่ว่า ยามที่สัตว์บาดเจ็บ เมื่อนั้นมันจะสู้สุดใจ
Kaya เองก็มั่นใจแล้วว่า เธอสามารถจัดการมันได้ เพียงแค่การโจมตีเข้าที่คอของมัน น่าจะเป็นจุดตายที่เธอทำได้... ความเร็วของมันลดลงมาก และยังไม่รวมกับขาที่หายไปแล้วข้างหนึ่ง
Kaya และเจ้าสัตว์ปีศาจวิ่งเข้าปะทะกัน... แต่ก็ปะทะเข้ากับความว่างเปล่า... มันมีกำแพงที่มองไม่เห็น ทำให้ Kaya ไม่สามารถผ่านไปได้ แม้ว่าเธอจะใช้ร่างไร้สสารแล้วก็ตาม
และสัตว์ปีศาจตนนั้น ก็ผ่านมาไม่ได้เช่นกัน...
Kaya หันหลังกลับมาพบกับ Asi ที่กำลังใช้เวทย์มนต์บางอย่าง
ส่วนเจ้าสัตว์ปีศาจตนนั้น... มันมองทั้ง Kaya และ Asi ก่อนที่จะคำรามออกมา และหนีไปที่ทางเข้าถ้ำ มันพุ่งชนบริเวณที่เป็นดั่งสายแร่ราวกับมันจะฆ่าตัวตาย แต่ทว่า ร่างของมันกลับหายเข้าไปเหมือนโยนหินลงน้ำ... และสายแร่บริเวณนั้นก็หายไปทั้งหมด ทิ้งไว้เพียงกำแพงหินอันว่างเปล่า...
ความเงียบสงัด กลับเข้าปกคลุมถ้ำแห่งนี้อีกครั้ง ต่างกันที่ในตอนนี้ มันมีแสงสว่างไปทั่ว...
เหล่า Omenseekers พร้อมแววตาอันปลื้มปิติ และร่างกายที่สั่นเทิ้ม ค่อยๆ ถอยตัวเองออกห่างจาก Asi รวมถึง Inga ด้วย...
Alrund, God of the Cosmos
“ท่าน... Alrund” Inga กระซิบอยู่ในลำคอ “ข... ข้าได้ยินตำนานปรัมปรามากมาย... แต่ข้าไม่คิดเลยว่าท่าน...”
“เช่นนั้นแหละ Inga พวกเรา เหล่าเทพแห่ง Kaldheim ย่อมต้องดูแลประชาชนของพวกเรา... และการดูแลความเป็นไปที่ดีที่สุด ก็ต้องลงมาเป็นปุถุชนเช่นนี้” Asi ที่พูดด้วยเสียงปกติของเขา แต่กลับก้องกังวานโดยไม่เกี่ยวกับโครงสร้างของถ้ำอีกต่อไป “และในตอนนี้ อาณาจักรทั้งหลายของ Kaldheim ก็กำลัง...”
“เห้ย! ลุงปล่อยให้มันหนีไปได้ไง” Kaya พูดแทรกขึ้นมา... ซึ่งก็ทำให้เทพ Alrund รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย... เพราะคงไม่มีใครพูดกับพระเจ้าด้วยอารมณ์หัวร้อนแบบ Kaya บ่อยๆ
“เนี่ยะ เราเกือบจะปิดงานแล้วนะ ลุงดันไปปล่อยมันเฉยเลย ไปล่ามันครั้งหน้า มันต้องเตรียมรับมือแน่ๆ... ไอ่ตัวประหลาดนั่นมันไม่ได้โง่เหมือนหน้าตามันนะลุง” Kaya ยังคงบ่นใส่ Alrund ต่อไป
“เจ้ายังคิดจะตามมันไปอีกรึ? ทั้งๆ ที่เจ้าเห็นว่ามันทำอะไรได้เนี่ยะนะ?” Alrund ถาม Kaya ด้วยความเป็นห่วง
“แน่นอนสิลุง เงินรับมาแล้ว งานยังไม่เสร็จ... มันเป็นเรื่องของความเป็นมืออาชีพอ่ะนะ” Kaya ที่พูดและเก็บความจริงอีกข้อที่เธอไม่อยากยอมรับ... ไอ้ตัวนั้นมันอันตราย และตึงมือจริงๆ อย่างที่ Alrund บอก
“ปีศาจตนนั้นมันหนีจากอาณาจักร Bretagard ที่เราอยู่ได้... นั่นหมายความว่า เจ้าไม่สามารถล่ามันด้วยการเดินทางแบบทั่วๆ ไปหรอกนะ” Alrund บอกกับ Kaya “มันเดินทางข้ามอาณาจักรได้เหมือนกับเหล่าสัตว์จักรวาลอันทรงพลังของ Kaldheim เลย”
“แล้วจะตามล่ามันยังไงล่ะลุง” Kaya ถาม Alrund กลับ “ลุงติดหนี้ฉันเรื่องปล่อยให้มันหนีไปนะ”
Alrund นิ่งไปซักครู่... เขาจึงบอก Kaya ว่าเรื่องความช่วยเหลือใดๆ เขาคงต้องปรึกษาเหล่าเทพองค์อื่นๆ ก่อน ส่วนการตามล่าสัตว์ปีศาจตนนั้น Kaya ต้องเดินทางด้วยเรือ Cosima เท่านั้น!!
เรือ Cosima... ชื่อนี้เป็นชื่อที่ Kaya ได้ยินมาตลอดการเดินทางกับเหล่า Omenseekers แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ Alrund ก็แนะนำเธอต่อทันที
“เหล่า Omenseeker จะพาเจ้าไปที่เรือ Cosima ที่ท่าเรือของ Sevalgr... เรือ Cosima นั้น เลือกผู้โดยสาร หลังจากนั้น เจ้าจึงจะต้องเดินทางด้วยตัวเอง... เดินทางข้ามอาณาจักร”
“แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าต้องไปทางไหนต่อ?” Kaya ยังคงถาม Alrund
“เพียงเจ้าเดินทางตามแสงแห่ง Starnheim มันจะพาเจ้าไปยังต้นไม้แห่งโลก... ที่นั่น เจ้าจะพบคำตอบ” Alrund ตอบกลับ
เยี่ยม... เทพพระเจ้าต้องมากับบททดสอบ หรือปริศนาตลอดเลยหรือไง Kaya คิดในใจ... ทำไมไม่บอกมาตรงๆ ก็หมดเรื่อง
และ Alrund ก็บอกลาเหล่า Omenseekers เขาโบกมือไปที่ผนังถ้ำ
มันเกิดคลื่นก่อนที่มันจะกลายเป็นประตูที่ทอแสงสีฟ้าอมเขียว ราวกับร่างกายของเทพ Alrund ในตอนนี้ แต่รอบๆ มันกลายเป็นพื้นที่ดำมืดอันว่างเปล่า... และ Kaya ก็พอเข้าใจแล้วว่า การเดินทางข้ามอาณาจักรใน Kaldheim นั้น... คงจะต้องพึ่งพาเรือ Cosima ถ้าหากไม่ได้เป็นเทพเจ้าเช่นเดียวกันกับ Alrund
ก่อน Alrund จะเข้าประตูนั้นไป เขาหันกลับมาพูดคุยกับหญิงสาวทั้งสองอีกครั้ง
“Inga เนตรอักขระ และ Kaya ผู้เดินทางไกล... การมาถึงของสัตว์ปีศาจตนนี้ ข้าถือว่าเป็นลางร้ายบอกเหตุ... ข้าเกรงว่า Doomskar จะมาถึงเร็ววัน”
เพียงสิ้นคำ เหล่า Omenseeker ต่างแสดงอาการตื่นตระหนก มีเพียง Kaya ที่เคยได้ยินคำนี้ แต่ไม่เคยเข้าใจมัน... เธอหันไปถาม Inga เพื่อคำตอบ
“Doomskar คือเหตุการณ์ที่แต่ละอาณาจักรจะชนกัน... มันจะนำมาซึ่งสงคราม ความวุ่นวายวิปริต... และช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมาน...”
“เยี่ยม... ล่าสัตว์ประหลาด... ช่วยชาวเมือง... งานง่ายๆ... ไม่เหมือนที่ Ravnica เลยซักนิด”
Kaya คิดประชดตัวเองอยู่ในหัว