- ความลังเล -

Tevver ไม่รู้ว่าเขาหลบอยู่ที่ตรงนี้มานานแค่ไหนแล้ว...

ที่ช่องลับทางเดินใต้ดินใต้ Biblioplex ที่จะพาเขาออกไปจากที่นี่

มันอาจจะเป็นเวลาราวๆ ชั่วโมงหนึ่ง แต่อาการเหน็บชาทำให้เขารู้สึกยาวนานราวกับนิรันดร์

แม้ที่จริงแล้วเส้นทางมันก็ไม่ได้ซับซ้อน เพียงแค่เดินไปตามทาง ผ่านป่ารกทึบที่ชายเขตของมหาวิทยาลัย Strixhaven เขาก็จะพ้นเขตมหาวิทยาลัยแล้ว...

ทว่า หลังจากนั้น มันจะเป็นเพียงพื้นที่เปิดโล่ง... ไม่มีที่ทางให้เขาหลบซ่อนอีก

เขาไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากรอจนถึงเวลาที่แสงสว่างหมดลง เวลาที่ความมืดจะช่วยอำพรางความล้มเหลวของเขา

 

เขาไม่ได้รู้สึกกังวลใจที่จะกลับไปพบกับหมอยา Extus แห่งคณะ Oriq เลย

ถึงแม้ภารกิจของเขาจะพึ่งล้มเหลวมาเมื่อครู่

เพราะยิ่งเขารีบ เขาอาจจะถูกเหล่านักศึกษาของ Strixhaven พบเข้า นักศึกษาที่พวก Oriq มักจะเรียกว่าเป็นพวกลูกคุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แต่เขาเองก็ไม่อยากเสี่ยง

หรือแย่กว่านั้น เขาอาจจะไปเจอเหล่าบรรดาผู้ก่อตั้งที่พร้อมจะเผาผู้บุกรุกให้มอดไหม้ด้วยเพลิงแห่งมังกร...

ไม่รวมว่า แววตาที่แสนจะน่าสะพรึงของศาสตราจารย์ที่เปล่งพลังเรืองแสงสีม่วงคนนั้น... แววตาของคนที่พร้อมจะสังหารผู้บุกรุกอย่างเขา... การที่เขาจะกลับไปพร้อมกับหนังสือเก่าๆ ที่ Extus อยากได้ แล้วแลกกับชีวิตของตัวเอง ดูยังไงมันก็ไม่มีความคุ้มค่าเอาเสียเลย...

Tevver เลยไม่เหลือตัวเลือกอะไร นอกจากต้องทนอาการเหนื่อยล้า และเหน็บชา จนตะวันตกดิน... เพื่อกลับไปรับบทลงโทษของภารกิจที่ล้มเหลว

 

- เดินทางไกล -

สามสัปดาห์ ก่อนที่กลุ่ม Oriq จะจับตัว Lukka ไป

 

Lukka เดินมุ่งหน้าเข้าสู่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง

ท้องและร่างกายของเขากรีดร้องด้วยความหิวโหย และอิดโรยจากการใช้พลัง Planeswalk มาที่นี่... และหมู่บ้านเล็กๆ ข้างหน้า ก็คงช่วยเป็นที่พักกายของเขาได้ไม่มากก็น้อย

ชาวบ้านที่นี่ ยังแสดงให้เขาเห็นถึงความสามารถที่ดูแล้วเป็นเรื่องปกติทั่วไป... แต่ละคนที่ทำงาน ทำไร่ ทำนา ต่างใช้เวทย์มนต์เพื่อเป็นตัวช่วย อาทิเช่น หญิงคนหนึ่ง ที่เพียงเธอโบกมือ ก็ทำให้เครื่องไถพรวน ทำงานของมันได้โดยไม่ต้องมีสัตว์ลากจูงแต่อย่างใด

 

Lukka เดินเข้าสู่โรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่ง สายตามากมายของผู้พักผ่อน และเสียงกระซิบกระซาบต่างๆ ลอยผ่านพอให้ Lukka ได้ยิน แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันนัก เขาเดินตรงไปที่บาร์ ก่อนที่ชายอีกคน ผู้อยู่หลังบาร์จะต้อนรับเขา

 

“อยากได้อะไรเป็นพิเศษรึเปล่า” ชายคนนั้นกล่าว

“อาหารดีๆ ซักมื้อ” Lukka ตอบ

ทว่า ท่าทางของชายคนนั้นเหมือนอยากจะพูดอะไรกับ Lukka แต่เขาก็กลืนคำพูดของเขาลงคอไป แล้วพยักหน้าเป็นการรับรู้ ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในครัว

“เห้ย ไอ้คนแปลกหน้า” เสียงดังมาจากด้านหลังของ Lukka “แต่งตัวแปลกๆ แบบแก แกไม่ใช่คนแถวนี้งั้นหรือ”

Lukka หันไปมองต้นเสียง เขาก็พบชายตัวสูงอีกคน ลุกขึ้นมาจากโต๊ะของเขา และเดินตรงมาที่ Lukka

“ไม่” Lukka ตอบและหันหลังกลับไป “ข้าคิดว่า ข้าคงไม่ใช่คนแถวนี้”

“แกรู้มั้ย... ไอ่คนที่แต่งตัวประหลาดๆ แถมทำตัวแปลกๆ ที่นี่เขาเรียกว่าอะไร?” ชายตัวสูงถามขึ้น ด้วยนำเสียงที่ไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย “พวกมันเข้ามาล่อลวงคนจากหมู่บ้านของเรา ไปเข้ากลุ่มของพวกมัน... ไอ่พวก Oriq”

“ข้าไม่เข้าใจเรื่องที่เจ้ากำลังพูด” Lukka พยายามไม่ให้เกิดปัญหาที่มันจะบานปลายไปมากกว่านี้

Lukka พยายามมองหาเจ้าของโรงแรมที่อาจจะหยุดความวุ่นวายที่จะตามมาได้... แต่ก็เหมือนการที่เขาเข้าไปในครัวเมื่อครู่ ก็เพื่อที่จะไม่ต้องออกมาอีก

 

“อ๋อเหรอ... งั้นแกมาจากไหนกันแน่” ชายตัวสูงยังคงเซ้าซี้เขาต่อไป

“ข้าบอกไป เจ้าก็ไม่รู้จักหรอก” Lukka ตอบโดยไม่แม้แต่จะหันไปมอง

“เอางั้นก็ได้ ไอ่พวก Oriq” ชายตัวสูงดูเหมือนจะหมดความอดทนกับบทสนทนาครั้งนี้แล้ว “แม้เราจะเป็นเมืองเล็กๆ ที่รักความสงบ เราไม่มีหน่วยรักษาการณ์ดีๆ แต่พวกเราก็มีวิธีจัดการกับไอ้คนที่จะมายุ่งกับพวกเรา”

 

Lukka รู้สึกได้ถึงพลังเวทย์มนต์ที่กำลังก่อตัวขึ้นมา... และมันคงไม่ใช่เรื่องดี

Lukka หันกลับไปพร้อมกับสาวหมัดของเขาจากมุมที่ชายตัวสูงคนนั้นไม่ทันระวังตัว

หมัดของเขาซัดไปที่ปลายคางจนชายคนนั้นสลบเหมือดคาที่

มือของชายคนนั้นมีแสงสีแดงเพลิงที่ค่อยๆ สลายไปจากอาการหมดสติ ก่อนที่ชาวบ้านอีกคนจะพังประตูเข้ามาและซัดบอลไฟใส่ Lukka

Lukka กระโดดหลบพลังเวทย์นั้น แต่ก็ไม่พ้น บอลไฟมันซัดเข้าที่หลังของเขา จนผลักให้เขากระเด็นทะลุหน้าต่างของโรงแรมแห่งนั้น แรงกระแทกส่งให้ Lukka ต้องไปนอนกองกับพื้น

 


Lukka เมื่อตอนอยู่ที่ Ikoria
 

กลิ่นไหม้ของไม้และชายเสื้อหนังของเขา มันบอกใบ้ให้ Lukka รู้ถึงภัยที่เขาจะมามัวทำตัวเล่นๆ ไม่ได้อีกแล้ว...

-ทุกคนที่นี่มันเป็นจอมเวทย์หมดเลยหรือไงวะ!? Lukka สบถในใจ

เขาเริ่มใช้พลังแห่งการเป็น Bonder ขยายขอบแขตการรับรู้ของตัวเอง เพื่อเชื่อมโยงกับสัตว์ใดๆ ก็ตามที่จิตใจของมันอ่อนแอมากพอให้เขาควบคุม

 

“เพื่อนแกไปไหนหมดล่ะ ไอ้ Oriq” ชายคนที่ซัดบอลเพลิงใส่ Lukka เดินออกมาเยอะเย้ยเขา

“เดี๋ยวมาแน่” Lukka ตอบ

 

ชายคนนั้น ยกแขนของเขาเพื่อจะร่ายบอลไฟอีกครั้ง แต่ก็ฉับพลันเขาก็โดนหมาบ้านอีกตัวกระโดดมางับแขนของเขา

เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด สมาธิที่หลุดไปจากเวทย์มนต์ทำให้เวทย์ของเขาสลายไป ในตอนนี้ชาวบ้านคนอื่นๆ เริ่มเข้ามาช่วยเหลือกันแล้ว

แต่ก่อนที่พวกจะตั้งตัวได้ ก็มีม้าอีกตัวพุ่งชนพวกเขาจากด้านหลัง โดยไม่ทันระวังตัว พวกเขาล้มลงราวกับโดมิโน่ ม้าตัวนั้นรับเอาความโกรธเกรี้ยวของ Lukka ไว้ และใช้เท้าของมันกระทืบซ้ำ

ก่อนที่ Lukka จะเดินหันหลัง และทิ้งให้เหล่าสัตว์ที่เขาเรียกมาปลดปล่อยความเกรี้ยวกราดของพวกมันตามสัญชาตญาณต่อไป

 

- บทเรียนแห่งความเจ็บปวด -

ตามปกติแล้ว Liliana เธอไม่เคยคิดว่าการเดินเข้าสู่รังของมังกรเป็นเรื่องที่ควรทำ... ถ้าไม่ใช่คนบ้าที่มาพร้อมกับดาบคมๆ แล้วล่ะก็นะ

แต่ในตอนนี้ กลายเป็นเธอเองนี่แหละ ที่กำลังเดินเข้าสู่รังของมังกร... รังของ Beledros  Witherbloom

เธอเดินผ่านเหล่าเถาวัลย์มากมาย และพยายามจะสร้างเสียงดังๆ ทุกๆ ฝีก้าวของเธอ

เพราะในความคิดของเธอ มันคงไม่มีอะไรเสี่ยงตายไปมากกว่าการย่องเข้ารังมังกร ไปเจอมังกรที่อาจจะขี้ตกใจ จนมันพ่นไฟสวนมาอีกแล้ว

แต่เมื่อเธอไปถึงรังของ Beledros ก็พบว่า มันเหลือเพียงความว่างเปล่า... ความว่างเปล่าที่กลับทำให้เธอเบาใจ...

ก่อนที่เธอจะระลึกได้ว่า Nicol Bolas นั้นจากไปแล้ว... แต่เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเบาใจกับรังมังกรอันว่างเปล่า

ถ้างั้น... เธอคงจะถือวิสาสะค้นหาสิ่งที่เธอเชื่อว่า Beledros จะมีให้

เธอมองหาคัมภีร์, หนังสือ... หรือวัตถุโบราณอะไรก็ตามที่อยู่บริเวณรังของของมังกรผู้ก่อตั้งวิทยาเขต Witherbloom

อะไรก็ได้... ที่จะเป็นเบาะแสให้เธอพา Gideon กลับมาที่โลกคนเป็นอีกครั้ง

ก่อนที่สายลมเหนือหัวของ Liliana จะเกิดความแปรปรวน เมื่อเธอมองขึ้นไป ก็พบกับมังกรขนาดใหญ่ สีดำขลับ ปีกของมันดูเหมือนกับปีกของนก

 


Beledros Witherbloom
 

Liliana ขยับชุดศาสตราจารย์ของเธอให้เข้าที่เข้าทาง และยืนรอ Beledros

Beledros บินวนอยู่สองรอบ ก่อนที่จะร่อนลงมาพบกับ Liliana ดวงตาอันลึกลับของ Beledros จ้องมาที่ Liliana ก่อนที่จะเก็บปีกของมัน

 

“เจ้า Taiva อาจจะดุๆ ไปซักหน่อย แต่ข้าว่า มันคงไม่ทำให้เจ้าลำบากใจจนต้องยอมเดินเท้ามาถึงรังของข้า” Beledros กล่าว

“สิ่งที่ข้ามองหา ท่าน Taiva ให้ข้าไม่ได้” Liliana ตอบกลับไป

คำตอบของเธอทำให้ Beledros แสดงความฉงนออกมาทางแววตาของเธอ ก่อนที่ Liliana จะพูดต่อไป

“ข้าได้ยินมาว่าท่านสามารถฟื้นคืนพลังจาก aether ได้” Liliana พูด พร้อมๆ กับดึงโลหะชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของเธอ...

มันคือปลายดาบ Blackblade มันคือสิ่งแทนตัว Gideon ชิ้นเดียวที่เธอเหลืออยู่

“ถ้าสิ่งที่ท่านทำกับ aether นำมาทดลองฟื้นคืนพลังของมนุษย์ล่ะ... มันจะต้องแลกมาด้วยอะไร” Liliana ถามต่อไป

“กลิ่นของสิ่งที่เจ้าต้องการมันอันตรายมากเกินไป... บางคำถาม ข้าว่ามันไม่ควรจะมีคำตอบ” Beledros ตอบพร้อมๆ กับเดินเข้าไปในส่วนที่ลึกกว่าของรังของเธอ

“ข้าไม่ได้มาเพื่อเรียนอะไรจากท่าน... ข้าต้องการเพียงคำตอบ” Liliana ยังคงเซ้าซี้มังกรผู้ก่อตั้ง

“สิ่งที่เจ้ากำลังกล่าวถึง มันคือ aether, และมันไม่มีคำตอบง่ายๆ หรอกนะ” Beledros กล่าว ในขณะที่เธอค่อยๆ นั่งลง ขดหางของเธอมาล้อมตัวไว้ “เจ้ากำลังพูดถึงการฟื้นคืนชีวิต... มันไม่ใช่การเพียงการเรียกผีดิบขึ้นมาทำตามคำสั่ง แต่มันคือการฟื้นคืนจิตวิญญาณ... ซึ่งแม้แต่กับตัวข้าเอง มันก็ถือเป็นเรื่องที่ยากเกินไป”

“แล้ว... ท่านพอจะตอบข้าเรื่องลูกของศาสตราจารย์ Gladefell ได้หรือไม่” Liliana ยังไม่ยอมแพ้

 

คำถามนั้น ทำให้ Beledros นิ่งไปพักหนึ่ง “ข้า... ไม่คิดจะทำผิดซ้ำสอง... ทั้งนี้เพื่อพวกเราทั้งมวล”

“ข้าไม่ใช่นักศึกษาที่ต้องการการปกป้องจากท่าน” Liliana เริ่มแสดงความอึดอัดออกมาทางน้ำเสียง

“เจ้าอาจจะไม่ต้องการ” Beledros ตอบ “แต่ข้าก็ไม่ได้จะปกป้องเจ้า”

“แล้วท่านจะมาคอยใส่ใจกับเหล่ามนุษย์ทำไม... พวกเราก็ไม่ต่างจากมดแมลงในสายตาของท่าน... แม้แต่มหาวิทยาลัยที่พวกท่านร่วมกันก่อตั้ง ในทุกวันนี้ พวกท่านก็ยังไม่ไปดูดำดูดีกันด้วยซ้ำ” Liliana ยังคงเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ

“เหล่าคณบดีที่มีอยู่นั้น พวกเขาสามารถดูแลมหาวิยาลัยได้เรียบร้อยจนข้าวางใจได้” Beledros ตอบก่อนที่จะหลับตาลง “และยังมีเหล่าเทพพยากรณ์ (Oracle) และผู้พิทักษ์มังกร (Dragonguards)” Beledros ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ก่อนที่เธอจะพูดต่อ “แม้แต่เหล่าสิ่งมีชีวิตโบราณอย่างพวก Achiac ยังทำหน้าที่ของมันเองเลย”

 

เล็บของ Liliana จิกเข้าไปที่ฝ่ามือของเธอเอง เธอรับรู้ได้ว่า Beledros รู้อะไรมากกว่าที่มันยอมปริปากพูด... และสิ่งที่ Beledros ปิดบังไว้ มันอาจจะเป็นความหวังของเธอ... ความหวังสุดท้ายของ Gideon

 

“เขาเอาความตายของข้าไป... ช่วยข้านำชีวิตของเขาคืนมาด้วย”

 

Liliana พูดเป้าหมายที่แท้จริงของเธอให้กับ Beledros ฟัง

Beledros ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เธอจ้องมองไปที่ร่างของ Liliana ความเงียบงันเข้ามาแทนที ก่อนที่กระแสลมและเสียงของมันจะทำให้กิ่งไม้เริ่มส่งเสียงหวีดหวิว... Beledros หลับตาลง และตอบกับ Liliana ไปสั้นๆ

“ข้าทำมันไม่ได้”

 

ความเจ็บปวดเข้ามากระชากประสาทสัมผัสของ Liliana อย่างฉับพลัน

เธอคลายมือของเธอข้างที่กำปลายดาบของ Gideon ไว้

แรงที่เธอกำมันเอาไว้มากพอที่จะทำให้สิ่งแทนใจชิ้นนั้นบาดมือของเธอจนเป็นแผล เธอจ้องมองมือที่เต็มไปด้วยเลือดของเธอ ในสมองก็พยายามจะสงบสติอารมณ์ลง...

มันไม่ใช่เวลาที่เธอจะฝืนเอาชนะในตอนนี้ Liliana เก็บเอาปลายดาบเข้าไปไว้ในกระเป๋าของเธออีกครั้ง เธอจำใจยอมเดินหันหลังกลับ แต่ระหว่างทางที่เธอเดินลงมา เธอกลับได้ยินเสียงของ Beledros อีกครั้ง

“ความเจ็บปวดอาจจะเกินที่เจ้าจะรับได้ แต่สุดท้ายแล้ว การให้ความเคารพความตายนั่นเอง ที่มอบคุณค่าให้กับการมีชีวิตอยู่”

 

Liliana หันกลับไป แต่ก็พบว่า Beledros นั้น ยังคงหลับตาและอยู่ในท่านอนหลับของเธอไปเสียแล้ว

 

- การพบเจอ -

Lukka ยังคงออกเดินไปตามแนวเทือกเขาหินผา

ความหิวโหย และเหนื่อยล้ายังคงรบกวนร่างกายของเขาไม่หยุดหย่อน อาหารที่เขาล่ามาได้ ก็ไม่เพียงพอ น้ำสะอาดก็พึ่งหมดไป

ทั้งหมดนั้น ทำให้ Lukka เสียสมาธิ จนเขาเหยียบหินพลาดเพียงก้อนเดียว ซึ่งมันก็มากพอที่จะทำให้เขาพลัดตกไปจากหน้าผา

ยังดีที่ปฏิกิริยาของเขา ไวพอที่จะคว้าเอาหินได้ก้อนหนึ่ง เขาตะเกียกตะกายกลับขึ้นไปได้สำเร็จ ก่อนที่จะต้องจบการเดินทางด้วยการลงไปนอนเป็นศพที่พื้นเบื้องล่าง

แม้ข้อเท้าของเขาจะได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่ความหิว และความล้า ทำให้แรงใจของ Lukka หมดลง เขาเลือกที่จะนั่งพักก่อนที่จะเดินทางต่อ

 

ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงครางของสัตว์ใกล้ๆ

Lukka เดินไปตามต้นเสียง ก่อนที่เขาจะพบกับดวงตาคู่หนึ่ง ส่องประกายสีทองสะท้อนแสงอาทิตย์ ดวงตาคู่นั้นติดอยู่ใต้กองหิน... มันน่าจะเกิดจากจังหวะที่เขาก้าวพลาดจนทำให้หินแถวๆ นั้นถล่มลงมาด้วยเสียล่ะมั้ง

Lukka ค่อยๆ นำกองหินออกจากบริเวณนั้น

ขนสีเทาที่มอมแมม แต่งแต้มไปด้วยลวดลายแบบเสือดาว หูข้างหนึ่งของมันแหว่งไปบางส่วน เจ้าจิ้งจอกตัวนั้นมันรีบกะเผลกตัวเองออกจากกองหิน ก่อนที่จะหันมาจ้อง Lukka...

แต่ Lukka ไม่เหลือแรงที่จะทำอะไรแล้ว เขารู้สึกหน้ามืด เขาจึงปล่อยมันไป ก่อนที่จะนั่งลงพิงโขดหิน และหมดสติไป

 


จิ้งจอกที่ Lukka ช่วยเอาไว้

 

Lukka รู้สึกตัวอีกที ก็พบว่าเจ้าจิ้งจอกตัวนั้น นั่งจ้องหน้าเขา มันก้มๆ เงยๆ ที่ปลายเท้าของเขา เมื่อ Lukka ก้มไปมอง ก็พบว่ามันมีกองของผลเบอร์รี่อยู่... มันคงจะอยากตอบแทนเขาที่ช่วยชีวิตมันไว้

 

“ขอบใจมาก เจ้าจิ้งจอก” Lukka พูดกับจิ้งจอกตัวนั้น ก่อนที่จะกินผลไม้เพื่อเติมพลังงานให้กับตัวเอง

Lukka กำลังจะยกมือไล่มันออกไป... แต่เขาก็เปลี่ยนใจ และใช้พลัง Bonder เพื่อเชื่อมตนเองเข้ากับจิ้งจอกตัวนั้น

สัมผัสอันอบอุ่นได้เชื่อมโยงทั้งเขา และจิ้งจอก พวกเขาเชื่อมโยงกันไหนฐานะคู่หู ไม่ใช่เพียงทาสรับใช้... Lukka ไม่รู้เลยว่า เขาคิดถึงประสบการณ์แบบนี้มานานแค่ไหน

 

- บูชายัญ -

Liliana เดินผ่านหอคอยคบเพลิงเพื่อมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัย Strixhaven ด้วยความผิดหวัง

เธอเสียเวลาหนึ่งวันไปเปล่าๆ...

หนึ่งวันที่เธอไม่ได้สอนนักศึกษา

หนึ่งวันที่เธอต้องขาดประชุม

หนึ่งวันที่งานเอกสารจะไม่เดิน

แม้เธอจะไปยังเขตโบราณสถาน Caerdoon จากเบาะแสที่เธอมี แต่มันก็ไม่ได้อะไรเพิ่มเติม... จนสุดท้าย มันก็กลายเป็นความว่างเปล่าที่เธอต้องหาข้อแก้ตัวไปตอบกับบรรดาคณาจารย์

ที่เลวร้ายที่สุดก็คงเป็นคณบดีของ Witherbloom อย่าง Valentin หรือ Lisette

 

เสียงกรีดร้องของสัตว์จากที่ไม่ใกล้ ไม่ไกล ดึงสมาธิของ Liliana ให้หลุดออกมาจากความห้วงความคิดของเธอ Liliana ตัดสินใจเดินตามเสียงนั้นไป

เธอพบกับกลุ่มคนประมาณ 7 คน ณ ลานโล่งๆ กลางป่า

พวกเขากำลังยืนล้อมกวางป่าสีเผือกอยู่

กลุ่มคนทั้ง 7 แต่งกายแบบเดียวกับพวก Oriq แต่สิ่งที่ทำให้ Liliana เชื่อว่าพวกเขาไม่ใช่เด็กสายแฟชั่นนักแต่งตัว ก็คือที่แขนของพวกเขา เปล่งแสงสีม่วง อันเป็นแสงของเวทย์มนต์แห่งความตาย

พวกเขาค่อยๆ บีบวงล้อมผลักดันให้กวางเผือกตัวนั้นเดินเข้ากรงเหล็กไป แม้ว่ามันจะพยายามต่อต้าน แต่ความกลัวจากสัญชาตญาณของมัน ก็ส่งผลให้มันถูกขัง

ก่อนที่ทั้ง 7 คนนั้นจะส่งกรงเหล็กนั้นขึ้นรถเกวียน และออกเดินทางเข้าไปในป่าลึก

 

- เอาตัวรอด -

Lukka ที่ยืนอยู่บนหินผา มองเห็นกลุ่มควันจากปล่องไฟเบื้องล่าง

เขาได้เป้าหมายที่จะเดินทางต่อแล้ว... แต่เมื่อเขานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่โรงแรมเมื่อวันก่อน มันก็ทำให้เขาเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย...

ที่ Arcavios เหมือนกับทุกๆ คน จะรังเกียจคนแปปลกหน้า และของที่ตัวเองไม่เข้าใจ

พวกเขายัดเยียดทุกๆ อย่างที่ผิดไปจากขนบให้กลายเป็นพวก Oriq

“เหล่าจอมเวทย์ที่ถูกขับไล่ออกจาก Strixhavenคำที่ Lukka ไม่ค่อยจะเข้าใจ

แต่ความรู้สึกแบบนี้ก็ทำให้ Lukka นึกถึงพ่อตาของเขา... นายพล Kudro ผู้ที่วิตกกังวลไปกับทุกๆ เรื่อง จนทุกการตัดสินใจมันเต็มไปด้วยความตระหนกเกินจำเป็น... และเขาก็พยายามจะควบคุมทุกๆ อย่างด้วยความกลัว

 

แต่ความคิดเพลินๆ ของ Lukka ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงดังจากด้านล่าง เขาวิ่งตามเสียงนั้นไป

ภาพที่เขาเห็นคือหญิงคนหนึ่ง แต่งกายด้วยผ้าคลุมที่ดูใหม่ราวกับใช้เวทย์มนต์ กำลังยืนจดๆ จ้องๆ กับกลุ่มคนสวมหน้ากาก อีก 4 ร่าง พวกเขาใช้เวทย์มนต์ที่เปล่งแสงสีม่วงออกมาจากมือของพวกเขา

แต่หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ดูมีความกังวลกับสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเสียเปรียบ... เพราะเธอใช้เวทย์ของเธอกลายร่าง ทำให้ตัวเองกลายเป็นมังกร!

นี่สินะ คือผู้พิทักษ์มังกรที่ชาวบ้านเคยพูดถึง

 

“มอบตัวซะ ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยน-” มังกรสาวคนนั้นไม่ทันจะจบประโยคของเธอ กลุ่มคนในหน้ากากเหล็กก็เริ่มโจมตีเธอทันที

บอลเวทย์มนต์สีม่วงดำพุ่งเข้าใจร่างของมังกร แต่มังกรตัวนั้นเพียงสะบัดข้อมือของเธอก็ทำให้มันเปลี่ยนวิถีทันที

 

เวทย์นั้นมันพุ่งตรงมาทาง Lukka ที่หลบอยู่หลังก้อนหิน

เขาก้มหลบมันได้ทันอย่างหวุดหวิด

เวทย์นั้นพุ่งชนต้นไม้ด้านหลังของ Lukka เมื่อเขาหันไปมอง ก็เห็นร่องรอยผุพังของต้นไม้ มันค่อยๆ ลามไปราวกับโรคระบาด ก่อนที่ไม้จะเริ่มส่งเสียงหักลั่น

มันเริ่มโค่นล้มลง จน Lukka ต้องกระโดดหนีตายออกมา...

ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะโกรธใครที่ส่งเวทย์แห่งความตายมาหาเขา และมันคงถึงเวลาที่เขาจะต้องป้องกันตัว เขาเพ่งสมาธิ และเริ่มใช้พลังของ Bonder เพื่อตามหาสัตว์อื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง

แต่ทว่า เขาไม่ทันที่จะออกคำสั่งใดๆ เขาก็รู้สึกได้ว่า พวกมันบางตัว เริ่มขยับเข้าหาผู้พิทักษ์มังกรด้วยสัญชาตญาณของมันเอง

 

ในขณะที่พวก Oriq เริ่มเปลี่ยนรูปแบบแผนการโจมตี พวกเขากระจายตัว และผลัดกันโจมตี เพื่อคาดหวังให้เธอไม่สามารถปัดป้องการโจมตีจากหลายหลากทิศทางได้ทัน

กระนั้น แผนของพวกหน้ากากเหล็ก ก็ดูจะไม่เป็นผล ผู้พิทักษ์มังกรสามารถป้องกันการโจมตีได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร

 

 

แต่แล้ว หมาป่าตัวหนึ่งกลับกระโจนออกมาจากหลังพุ่มไม้ที่เป็นจุดอับสายตาของผู้พิทักษ์มังกร เป้าหมายของมันคืองับเข้าที่คออันน่าจะเป็นจุดตายของเหยื่อของมัน

ทว่า มังกรตนนั้นก็หาได้ตกเป็นเหยื่อไม่ เธอใช้เวทย์มนต์ขังมันไว้ในเวทย์คล้ายฟองสบู่ได้ทัน

 

“ที่เขาลือกันก็เป็นเรื่องจริงสินะ” มังกรสาวหันมามองจุดที่ Lukka ซ่อนตัวอยู่ “ที่ว่าพวก Oriq ได้ผู้ใช้พลังแบบใหม่มา”

“ข้าไม่ใช่พวก Oriq!” Lukka ตะโกนใส่ผู้พิทักษ์มังกร และเหล่าสัตว์ป่าก็เข้าโจมตีพวก Oriq ทันที

หมีป่า เข้าโจมตีพวก Oriq และพวกเขาทำได้แค่สาดเวทย์มนต์มั่วๆ สวนไป แล้ววิ่งหนีกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง

ก่อนที่จะมีสัตว์ประหลาดออกมาอีกตัวหนึ่ง มันเป็นแมลงที่มีหกขา และพุ่งตรงเข้าโจมตีผู้พิทักษ์มังกรทันที ด้วยขนาด และความน่ากลัวของมัน ทำให้ท่าทีของผู้พิทักษ์มังกรเปลี่ยนไปทันที เธอใช้เวทย์สร้างเถาวัลย์และรากไม้จากพื้น มาตรึงสัตว์ร้ายตัวนั้นไว้ และดึงมันลงไปฝังที่ใต้ดิน

Lukka ที่กำลังเฝ้ามองสถานการณ์ เขาจึงไม่ทันระวัง ว่าเวทย์มนต์แบบเดียวกันกับสัตว์ร้ายเมื่อครู่นี่เอง กำลังคืบคลานมาตรึงร่างของเขาเอาไว้

และก่อนที่เขาจะรู้ตัว เขาก็ไม่สามารถดิ้นให้หลุดจากพันธะเวทย์มนต์นั้นได้แล้ว

ผู้พิทักษ์มังกรเดินเข้ามาหา Lukka อย่างใจเย็น

 

“ลูกเล่นของแกเจ๋งดีนะ... แต่สุดท้ายแล้ว พวกแกก็เป็นแค่นักเวทย์เรียนไม่จบเท่านั้นเอง” ผู้พิทักษ์มังกรตอบ ก่อนที่จะยื่นฝ่ามือของเธอมาจ่อที่ Lukka

เธอคำรามเพื่อส่งพลังออกมา

แสงสว่างวาบ และความร้อนของเปลวเพิลงแผดเผาไปทั่วทั้งบริเวณ Lukka หันหน้าหนี และยกแขนขึ้นป้องไอจากความร้อนมหาศาลนั้น...

แต่ทว่า เขากลับรอดมาได้อย่างปาฏิหารย์ เขาหันกลับไปมองจุดที่เขาเคยยืนอยู่ กับร่างของผู้พิทักษ์มังกร เธอเดินจากไปจากพื้นที่ที่เหลือเพียงร่องรอยของเปลวเพลิง

 

ข้างกายของ Lukka เขาพบกับจิ้งจอกตัวเดิมของเขายืนอยู่ข้างๆ คงเป็นมันนี่เองที่พาเขาออกจากเปลวเพลิงมรณะเมื่อครู่

เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและสำรวจพื้นที่เมื่อครู่

พวก Oriq หายไปหมดแล้ว... สุดท้ายพวกมันก็เป็นแค่พวกไร้ระเบียบ ไร้แบบแผน จะมีดีก็แค่แต่งตัวได้น่ากลัวเท่านั้นเอง

แต่ทว่า... ถ้ากลุ่มคนนอกคอกที่ไม่ยอมทำตามกฏจะถูกเรียกว่า Oriq... Lukka ก็คิดว่าเขาเองก็อาจจะถูกนิยามว่าเป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน

เมื่อ Lukka คิดดังนั้น เขาก็อยากจะตามรอยเหล่า Oriq ไป แต่เขาก็ถูกดึงชายกางเกงไว้

เมื่อเขาก้มลงไปมองก็พบว่าเจ้าจิ้งจอกตัวเมื่อครู่มันนั่งมองเขาทำตาใส มันคงจะส่งสัญญาณว่าเธออยากจะไปกับเขาด้วย

Lukka ใช้พลัง Bonder ของเขาเชื่อมโยงเข้ากับจิ้งจอกอีกครั้ง เขามองจิ้งจอกตัวนั้น และเริ่มพูดคุยกับมัน

“ถ้าแกจะไปกับฉัน แกก็น่าจะมีชื่อซักหน่อยนะ” Lukka ถามจิ้งจอกตัวนั้น “เอาเป็น Mila เป็นไง?”

จิ้งจอกตัวนั้นหยักหน้าเป็นการรับรู้ ก่อนที่เธอจะดมกลิ่นเพื่อตามหาพวก Oriq ที่พึ่งหนีไป

 

- พลัง -

Extus หมอยาแห่ง Oriq กำลังแพ่งสมาธิอยู่กับน้ำยาสีแดงสดเบื้องหน้าของเขา เมื่อเขาเริ่มแกว่งสารเคมีนั้น มันก็ส่องแสงเรืองๆ ออกมา

ตัวน้ำยาเริ่มเปลี่ยนสีไปเป็นสีขาว ฟองเดือดปุดๆ เริ่มปะทุขึ้นก่อนที่น้ำยามันจะเปลี่ยนไปเป็นสีม่วง แต่แสงเรืองๆ เมื่อครู่หายไปหมดแล้ว น้ำยาของเขาหยุดปฏิกิริยาใดๆ ตอนนี้มันกลายเป็นก้อนเมือกสีดำๆ ไปแล้ว...

Extus ขว้างมันลงที่พื้นด้วยความหัวเสีย... นี่มันก็ครั้งที่สี่แล้ว ที่ผลการทดลองของเขาไม่ประสบผลสำเร็จ

ก่อนที่หางตาของเขาจะเหลือบไปเห็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม Oriq ยืนอยู่ตรงทางเข้า Extus ตะโกนใส่คนในหน้ากากเหล็ก

 

“ยืนบื้ออะไรอยู่ เอาสารสกัด Cerdivar มาให้ข้าเดี๋ยวนี้”

เจ้าหน้าที่ของ Oriq คนนั้นถึงกับสะดุ้ง ก่อนที่เขาจะเดินจากไปยังห้องโถงกลาง

 

Extus ที่อยู่คนเดียวกับความล้มเหลวของเขา นั่งมองกองหนังสือ และคัมภีร์มากมายที่พื้น... ไม่มีความรู้ไหนเลย ที่ทำให้การทดลองของเขาจะประสบผลสำเร็จ... ไม่แม้แต่พลังของเพื่อนร่วมสังกัดที่นอนเป็นศพจากการถูกดึงพลังมากเกินไป...

ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่ของ Oriq อีกคนเดินเข้ามา

 

Extus ก็หันกลับไปถามเจ้าหน้าที่คนนั้น “ของที่ข้าสั่งมาถึงหรือยัง?”

“เอ่อ... ข้าเกรงว่ามันจะมาช้ากว่ากำหนดการณ์... ทีมส่งของของเราไปเจอเข้ากับผู้พิทักษ์มังกร” เธอตอบ

 

ภายใต้หน้ากากเหล็กของ Extus ที่ไม่มีใครเห็น เขากัดฟันของเขาจนแน่นด้วยความเจ็บแค้น ไอ้พวกหน้าโง่ที่อยู่ในระบบ โดยเฉพาะผู้พิทักษ์มังกร เป็นกลุ่มที่เขาไม่ถูกโรคด้วยมากที่สุด

 

“แต่ว่า มีอีกคนที่อยู่ที่นั่นด้วย” เจ้าหน้าที่คนนั้นพูดขึ้นมา เธอเล่าถึงความสามารถของชายคนนั้น เขาสามารถควบคุมสัตว์ป่าได้ดั่งใจนึก และตอนนี้ เขากำลังสะกดรอยตามเจ้าหน้าที่ฝ่ายส่งของอยู่

เธอถาม Extus ว่าต้องการให้กำจัดชายคนนั้นทิ้งไปหรือไม่

Extus ปฏิเสธไป และเขาคิดแผนบางอย่างได้แล้ว...

ภายใต้หน้ากากเหล็กนั้น Extus ฉีกยิ้มออกมาได้อีกครั้ง

 

- ชะตา -

Liliana เอามือทั้งสองของเธอประคบดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอ

นี่ก็อีกวันที่เธอรู้สึกไร้ค่า... เธอยังไม่สามารถหาวิธีใดๆ ที่จะแก้ไขการตายของ Gideon ได้

ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ หรือคัมภีร์เล่มใดก็ตามใน Strixhaven

และเมื่อรวมเข้ากับปัญหากลุ่ม Oriq ที่เข้ามาวุ่นวายถึงในมหาวิทยาลัยโดยที่ไม่มีคณาจารย์คนไหนใส่ใจมันด้วยซ้ำ

 

เธอนั่งทอดสายตาออกไปจากหน้าต่างในห้องของเธอด้วยความว่างเปล่า

ดวงอาทิตย์กำลังลับลงที่เส้นขอบฟ้า เงาของสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ใน Strixhaven ทอดยาวสร้างรูปทรงชวนฉงนมากมาย

เธอมาที่นี้เพื่อหาหนทางที่จะพา Gideon กลับมาจากความตาย

 

ไม่มีอะไรมากกว่าไปนั้น

 

แต่ถ้าเธอไม่มาที่นี่... เธอก็คงไม่พบพวก Oriq ที่ลอบเข้ามา...

สิ่งนี้รบกวนจิตใจของคนอย่างเธอ... คนที่ไม่เชื่อโชคชะตาใดๆ เพราะมันทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูก “นายเหนือหัว” มาคอยออกคำสั่งให้เธอต้องทำตาม

แต่กับ Gideon แล้ว... เขากลับเป็นคนที่เชื่อเรื่องชะตาลิขิต เขาเชื่อว่าคนเราจะได้อยู่ในที่ๆ ควรอยู่... ในเวลาที่เหมาะสม...

บางที เธออาจจะลองเชื่อสิ่งที่ Gideon เชื่อมาตลอด...

Liliana ทำได้แค่หวังว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของเธอ มันจะไม่สายเกินไป

 

ตอนนี้ Liliana รู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน... ทั้งเรื่องของ Gideon เอง

และเรื่องของ Oriq...ที่แม้ว่านักศึกษาของ Strixhaven จะใช้เวลาว่างไปกับการประลอง แต่เธอก็เชื่อว่าลึกๆ แล้ว มันไม่เพียงพอที่เหล่านักศึกษาจะป้องกันตัวเอง... เธออยากได้พลังมากกว่านี้

 

ก่อนที่จะมีแสงสีทองผ่านหางตาของ Liliana ไป

กลุ่มของนักศึกษากลุ่มเล็กๆ เดินผ่านห้องพักของ Liliana

ผมสีบลอนด์ทองที่ยาวมาจรดกับผ้าคลุมสีฟ้า-แดงแห่งวิทยาเขต Prismari พร้อมกับเพื่อนของเธอที่สวมผ้าคลุมของ Witherbloom

Rowan Kenrith เดินผ่านโถงทางเดินไปจนลับสายตาของ Liliana...

 

หรือว่านี่ คือเวลาที่ Liliana จะต้องกลับมาเป็นศาสตราจารย์อย่างจริงจังอีกครั้ง