Dakkon เป็นมนุษย์ เพศชายชาว Dominaria

เขากำเนิดที่ทวีป Corondo ที่มีภูมิประเทศเป็นเกาะเล็กๆ อยู่ทางตอนเหนือของมหาทวีป Jamuraa อีกที

Dakkon เขาเป็นทั้งนักรบที่มีฝีมือ และเป็นช่างตีอาวุธที่เก่งกาจชนิดหาตัวจับได้ยาก

เขาถือว่าเป็น Planeswalker แห่งโลกยุคโบราณ (ก่อน Urza กำเนิดราวๆ 1500 - 200 ปี)

Dakkon เข้าถึงพลังมานา สีขาว สีฟ้า และสีดำ

 

- กาลครั้งหนึ่ง -

วันธรรมดาๆ วันหนึ่งของ Dakkon ก็ได้เปลี่ยนแปลงไป เมื่อลูกค้าคนหนึ่ง ที่แนะนำตัวเองว่าเธอชื่อ Geyadrone Dihada ได้เข้ามาพบกับเขา

Dihada สาวสวยที่แฝงด้วยรัศมีแห่งความอันตราย ได้มาเล่าถึงพลังอำนาจที่ Dakkon จะได้รับ เมื่อเขาทำงานชิ้นหนึ่งให้กับเธอ

พลังอำนาจที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดใดๆ ได้ พลังอำนาจแห่งเวทย์มนต์ที่ล้นเหลือ และพลังที่จะทำให้เขาเดินทางข้ามดวงดาวได้ดั่งใจนึก

 

พลังแห่งการเป็น Planeswalker

 

และเพียงคำล่อลวงของ Dihada ก็เพียงพอที่จะทำให้ Dakkon รับข้อเสนอนั้น...

ข้อเสนอที่ง่ายดายสำหรับช่างตีดาบคนหนึ่ง... ตีดาบที่แข็งแกร่งที่สุด ให้แก่ลูกค้าสาวคนนี้

และเวลาในการทำงานของ Dakkon คือ 10 ปี

อีก 10 ปี Dihada จะกลับมาตามสัญญาจ้าง และจ่ายค่าเหนื่อยของเขาเป็นมหาพลังที่เขาไม่เคยได้ลิ้มลอง...

 

ทว่า กระบวนการตีดาบของ Dakkon นั้น ไม่ได้เป็นเพียงการตีดาบธรรมดาๆ แต่มันคือดาบที่สามารถดูดวิญญาณของศัตรูได้... และผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับลูกค้าสาว Dihada

เธอก็ให้ความรู้ และเวทย์มนต์ที่ Dakkon จะต้องใช้เพื่อตีดาบเล่มนี้...

 

ทุกๆ วัน เป็นเวลา 10 ปี ที่ Dakkon ยืนอยู่หน้าทั่งตีเหล็กของเขา

เขาหลอมเหล็ก, ตีมันจนเข้ารูป, ผ่านกระบวนการ Quenching (ใช้ของเหลวเพื่อทำให้โลหะเย็นลงอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ดาบเปราะ) ด้วยเลือดของทาสที่เขาจับมา

เขาทำมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า โลหิตของทาสที่สังเวยชีวิตให้กับกระบวนการตีดาบของเขา และเหล็กที่ถูกตีทับซ้อนไปจนไม่สามารถนับจำนวนของชั้นเหล็กได้ ทำให้ดาบเล่มนั้นกลายเป็นสีดำ

 

แต่อย่ากระนั้นเลย... ในยุคแห่งศึกสงคราม และความดิบเถื่อนนั้น ดาบที่ดี ไม่ได้เป็นเพียงดาบที่ตีแล้วเก็บเอาไว้... มันต้องผ่านสมภูมิรบเพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของมัน

Dakkon ใช้ดาบของเขาเข้าร่วมศึกสงครามมากมาย...

ทุกๆ ครั้งที่ศัตรูของเขาถูกสังหารลง พลังของพวกมันก็จะถูกดาบปีศาจนี้ดูดกลืนเข้ามา มันส่งต่อความแข็งแกร่งให้กับตัว Dakkon เอง...

และนั่น ก็เป็นที่มาของฉายาของเขา... Dakkon Blackblade

ชื่อเสียงของ Dakkon Blackblade เลื่องลือ และเป็นที่สะพรั่นพรึงแก่ศัตรูทุกผู้ทุกคน... และนั่น มันหมายถึงความสำเร็จที่ลูกค้าของเขาเคยมองหา...

ดาบดูดวิญญาณ...

 


Geyadrone Dihada
 

ทั้งยังเป็นเวลาอันประจวบเหมาะ มันครบรอบ 10 ปีตามสัญญาของ Dihada

เธอกลับมาพบกับ Dakkon อีกครั้ง

และสัญญานั้นก็ถูกเติมเต็ม Dakkon ได้รับพลังมหาศาลอย่างที่เขาไม่เคยมี

เขารับรู้ได้ถึงดวงดาวที่อยู่ห่างออกไปจากที่ๆ เขาอยู่ และมันก็ถึงเวลาที่เขาต้องส่งมอบอาวุธดาบของเขาให้แก่ลูกค้าตามสัญญา

Dihada รับดาบเล่มนั้นไปด้วยความพึงพอใจ... แต่เธอไม่ได้จากเขาไปอย่างเงียบๆ นางปีศาจร้ายได้ใช้ดาบเล่มนั้น ปักไปที่เงาของ Dakkon

พลังวิญญาณของ Dakkon ถูกดาบดูดกลืนไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่ Dihada ใช้พลังของเธอ Planeswalk หนีไป

ทิ้งให้ Dakkon เหลือเพียงร่างกายที่ไร้จิตวิญญาณ, ไร้เงา แต่ยังคงไว้ซึ่งพลังอันมหาศาล...

ข้อแลกเปลี่ยนที่ Dakkon ไม่เข้าใจ... ถ้า Dihada จะมอบพลังมากมายให้มา... เหตุใดเธอจึงพยายามทำตัวเป็นศัตรูกับเขา ในวันที่ทุกอย่างควรจะจบอย่างสมบูรณ์...

 

- ตำนานแห่งสิงห์ -

หลังจากที่ Dakkon เหลือเพียงร่างกายพร้อมพลังที่อัดแน่น แต่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ ผนวกเข้ากับการถูกหักหลัง ทำให้เขาหลงเหลือเพียงความว่างเปล่าในชีวิต เขากลายเป็นมหาจอมเวทย์ที่ใช้ชีวิตร่อนเร่ไปเพียงวันๆ อย่างไร้เป้าหมาย...

 

มันช่างแตกต่างกับ Dihada เสียเหลือเกิน

 

ทางด้านของ Dihada นั้น เธอใช้พลังแห่ง Blackblade ที่มีวิญญาณของ Dakkon เข้ายึดครองเมืองต่างๆ ใน Dominaria

แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้มือของตัวเองต้องเปื้อนเลือด

ดาบ Blackblade ในตอนนี้ อยู่ในการครอบครองของ Sol'Kanar ผู้พิทักษ์ธรรมชาติ ที่โดน Dihada ใช้เวทย์มนต์ของเธอปั่นหัวจนกลายเป็นวิญญาณร้ายวิปริตไป

 


Sol'kanar the Swamp King
 

ความพยายามครอบครองดินแดนของ Dihada ได้รุกคืบไปถึงอาณาจักรแห่ง Carth

แม้อาณาจักรนั้นจะล่มสลายไป แต่ในบรรดาเชลยศึกทั้งหลาย ได้มีชายคนหนึ่งเลือกจะที่สืบทอดชื่อจากอาณาจักรของเขา เขาตั้งชื่อตัวเองว่า Carth

ช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังของ Carth ได้พบกับเพื่อร่วมคุกอีกคน

ชายชราคนนั้นไม่ได้แนะนำตัวเองว่าชื่ออะไร แต่เขาเป็นนักบวชที่ดูเหมือนจะสติหลุดไปแล้ว...

กระนั้นอะไรบางอย่างในใจของ Carth กลับบอกให้เขาเชื่อในคำพูดของนักบวชคนนี้

คำพูดที่เขาไม่เคยได้รู้ และมันดูไม่น่าจะเป็นจริงเสียเลย... แต่เขาที่ได้เจอกับปีศาจอย่าง Dihada เมื่อครั้งเธอรุกรานเข้าถล่มเมืองของเขาจนราบเป็นหน้ากลอง สิ่งที่นักบวชคนนี้จะเล่าให้เขาฟัง ก็คงไม่ใช้เรื่องแปลกอะไร

 

หลังจากที่นักบวชนิรนามพึ่งจะกระโดดตะครุบหนูตัวเป็นๆ แล้วเอาเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ เขาก็หันมาพูดกับ Carth

 


นักบวชนิรนาม

 

“ไอ้หนู แกแค้นนางปีศาจ Dihada ใช่มั้ยละ? ข้ามีความลับจะบอกใหฟัง” นักบวชคนนั้นพูดด้วยหน้าตาเรียบเฉย

และทาง Carth ก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาปล่อยให้นักบวชคนนั้นพูดต่อไป

“แกรู้จัก Planeswalker มั้ยล่ะ?” นักบวชคนนนั้นยังคงพูดต่อไป “พวก Planeswalker น่ะ มันคือจอมเวทย์ที่ทรงพลัง... พวกมันเดินทางข้ามดวงดาวได้เหมือนเราเดินข้ามถนนเลยล่ะ”

“แกรู้มั้ยไอ้หนู นาง Dihada มันก็เป็น Planeswalker อะไรนี่เหมือนกัน”

“และสิ่งเดียวที่ Planeswalker ที่แสนจะทรงพลังทั้งหลายต้องหวาดกลัวก็คือ... Planeswalker อีกตัวยังไงล่ะ”

“นอกจาก Planeswalker มันจะทรงพลังกันมากๆ แล้ว พวกมันยังมีเวทย์มนต์ที่แข็งแกร่ง... ไม่ก็อาวุธระดับเทพ... อย่างเช่นดาบที่เขาเรียกว่า Blackblade ยังไงล่ะ” นักบวชเริ่มพูดถึงตำนานปรัมปราต่อไป

“ดาบ Blackblade เนี่ยะ เขาว่ากันว่า นางปีศาจ Dihada ได้หลอกให้ Dakkon ช่างตีดาบที่เก่งมากๆ ในตอนนั้น สร้างมันขึ้นมาให้เธอ”

“แต่พอได้ดาบมา นางปีศาจดันใช้ดาบนั่นกับ Dakkon เสียเอง มันดึงพลังวิญญาณ ปล่อยให้ Dakkon กลายเป็นร่างอันว่างเปล่า...”

“แต่นางปีศาจนั่นก็รักษาสัญญาอยู่นะ มันเปลี่ยนให้ Dakkon กลายเป็น Planeswalker เหมือนกับมัน...”

“แกเข้าใจแล้วใช่มั้ยไอ้หนู... ถ้าอยากแก้แค้นนางปีศาจนั่น แกต้องใช้ Planeswalker อีกคน... ที่มีความแค้นกับมัน... อย่างเช่น Dakkon คนนี้ไงล่ะ”

 

นักบวชคนนั้น มอบจี้อันหนึ่งให้กับ Carth... เขาบอกกับเด็กหนุ่มว่า นี่แหละ คือเครื่องมือที่จะเรียกให้ Dakkon มาที่นี่

แม้ว่าท่าทางของนักชวชจะดูแปลกๆ แต่ Carth ไม่มีตัวเลือกอื่นในเวลานี้ เขาเลือกที่จะเรียก Dakkon มายังคุกใต้ดินที่เขาถูกขังอยู่

 

ร่างของ Dakkon ถูกเรียกมายังคุกใต้ดิน... แต่สิ่งที่นักบวชสุดเพี้ยนไม่ได้บอกไว้ก็คือ... จี้แห่ง Ti-Fu นี้ กลับเป็นจี้ที่สร้างพันธะระหว่าง Carth และ Dakkon

มันทำให้ Dakkon ไม่สามารถ Planeswalk ได้อีกต่อไป... และเขา จะต้องรับใช้ Carth ตามเงื่อนไขของจี้

Dakkon ไม่พอใจที่จะกลายไปเป็นทาสของใคร เขาเริ่มโจมตี Carth ทันที

หมายจะสังหารเด็กหนุ่ม เพื่อให้พันธะนี้จบลง... ทว่าจี้แห่ง Ti-Fu กลับปกป้อง Carth นั่นทำให้ทั้งคู่ได้เปิดใจคุยกัน...

นั่นทำให้ Dakkon ได้รู้ว่า เป้าหมายที่แท้จริงของ Carth คือการล้างแค้นนางปีศาจ Dihada...

ปีศาจตนเดียวกับที่สร้างความเจ็บช้ำให้กับ Dakkon

 

“ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเป็นชายที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิ... เกียรติแห่งนักรบที่ข้าแบกไว้ และฝีมือในการตีดาบของข้า... ทำให้ข้าเฝ้าถามว่าเหตุใดพระเจ้าจึงมอบพลังอันมากมายให้กับข้า” Dakkon เล่าถึงอดีตของเขา

“ก่อนที่ข้าได้พบกับนางปีศาจ Geyadrone Dihada... ที่เข้ามาเสนอพลังดุจเทพเจ้า... พลังแห่ง Planeswalker”

“นางนั่นแสดงพลังแห่งดินแดนที่หลากหลาย พลังงานมากมายหลายสีสัน กับข้อแลกเปลี่ยนที่ช่างตีดาบอย่างข้าไม่อาจปฏิเสธได้ลง”

“และวันที่นางนั่นเอาเงาของข้าไป ข้ารู้สึกได้ถึงความว่างเปล่า ท่ามกลางพลังอันมากมาย... และข้าต้องการมันคืนมา”

 

เรื่องราวตามตำนานทั้งหลายนั้น ได้ปรากฏความจริงเมื่อมันมาจากปากของตำนานต้นเรื่องเอง

และเมื่อทุกอย่างลงตัว ทั้งคู่จึงร่วมเดินทางเพื่อตามล่าจอมปีศาจ Geyadrone Dihada ทันที

 

- แผนซ้อนแผนซ้อนแผน -

ความร่วมมือระหว่าง Carth และ Dakkon ไม่ได้เป็นความลับได้นานนัก และ Dihada เองก็ล่วงรู้ถึงภัยที่อาจจะมาถึง เธอให้ตัวแทนนักรบของเธออย่าง Sol’Kanar เข้าตามล่าทั้งคู่

 

Dihada กลับกลายเป็นผู้ล่าในเกมครั้งนี้แทน เธอปรากฏตัวพร้อมกับ Sol’Kanar

และเย้ยหยัน Dakkon ด้วยประโยคที่เสียดแทงหัวใจของช่างตีดาบเป็นอย่างยิ่ง

 

“เจ้าคุ้นๆ ดาบเล่มนี้มั้ย Dakkon?” Dihada เอ่ย

“ดาบดำที่เกือบจะสมบูรณ์แบบของเจ้าน่ะ ดาบที่เก็บร่างเงาของเจ้า ตอนนี้กลายเป็นดาบของราชาแห่งหนองบึงไปแล้วนะ”

“ทำความรู้จักกับ Sol’Kanar, ทาสของข้าซะ”

 

แต่ทว่า เมื่อทั้งคู่ปะทะกัน แม้ Sol’Kanar จะเป็นอดีตผู้พิทักษ์ผืนป่าแห่ง Khone และร่วมด้วยพลังจาก Blackblade

แต่ราชาแห่งหนองบึงก็ไม่อาจเอาชนะพลังอันมหาศาลของ Dakkon ที่ Dihada เคยมอบไว้ให้เขาได้

Sol’Kanar ล่าถอยไป แต่ Dihada หาได้แสดงอาการประหลาดใจไม่... เธอกลับหัวเราะชอบใจถึงผลของการประลองที่เกิดขึ้น

“พวกเจ้าสร้างความบันเทิงให้ข้าได้ดีจริงๆ”

และเธอก็รวบรวมพลังเวทย์มนต์อีกครั้ง... เธอเรียกสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาให้ปรากฏร่างต่อหน้า Carth และ Dakkon

 

ร่างทั้งสองสยายปีกออก

ร่างหนึ่งนั้น สะท้อนแสงแวววับราวกับมันประกอบสร้างขึ้นมาจากโลหะ... มันคือ Chromium Rhuell มังกรโบราณแห่ง Dominaria

อีกร่างหนึ่งก็ไม่ใช่สิ่งอื่นไกล... พี่น้องร่วมสายเลือกมังกรของ Chromium มันคือ Piru อีกหนึ่ง Elder Dragon นั่นเอง

 


Elder Dragon
 

ทั้ง Dakkon และมังกรระดับ Elder Dragon เข้าปะทะกัน

แม้ว่า Dakkon เอง จะพยายามใช้ลูกเล่นในการควบคุมจิตใจของ Chromium เพื่อหลอกล่อให้ Chromium ลงมือสังหาร Piru แทน

แต่ด้วยระดับพลังของ Elder Dragon นั้น แทบไม่ต่างจาก Planeswalker เลย เวทย์มนต์สะกดใจง่ายๆ ของ Dakkon จึงไม่มีผลกับ Chromium

และในเมื่อระดับพลังของทั้งสองฝ่ายไม่แตกต่างกัน... สิ่งที่วัดผลก็กลายเป็นจำนวนแทน

เมื่อมังกรโบราณมีถึง 2 ตน แต่ฝ่าย Planeswalker อย่าง Dakkon นั้น ไม่สามารถพึ่งพาพลังของมนุษย์ธรรมดาๆ ไร้พลังแบบ Carth ได้

Dakkon จึงต้องต่อสู้อย่างเสียเปรียบ เขาถูก Chromium ใช้เวทย์มนต์เพื่อผนึกพลัง และดูดพลังของเขาทำให้เขาอ่อนแอ

 

กระนั้น เมื่อ ได้โอกาสเหมาะ Dakkon ก็ใช้เวทย์มนต์ในการย้อนเวทย์เรียกสสาร (Unsummon) ของเขา ส่งให้ Chromium ถูกดึงกลับสู่มิติแห่ง Aether และหลุดออกไปจากลานประลองแห่งความตายนี้ได้สำเร็จ...

แต่เหมือนมันจะสายไปเสียแล้ว เมื่อ Dakkon พบว่า พลังของเขาแทบจะไม่เหลือให้ต่อสู่กับ Piru... มังกรที่ทรงพลังอีกตน

Piru ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอย มันเข้าโจมตี Dakkon อย่างต่อเนื่อง

Dakkon ทำได้แค่หลบไปตามโขดหินอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนที่เด็กหนุ่มผู้ไร้พลังอย่าง Carth จะเข้ามาหาเขา พร้อมกับวัตถุที่คุ้นตา...

ดาบเล่มเขื่องสีดำ... Blackblade ของเขาเอง

Dakkon รับดาบนั้นมา พลังวิญญาณที่มันเคยดูดกลืนจากศัตรูของผู้ครอบครองคนเก่า ได้เข้ามาฟื้นคืนความแข็งแกร่งให้กับ Dakkon อีกครั้ง

Dakkon ที่พลังเต็มเปี่ยม พร้อมแล้วที่จะเข้าประจันกับ Piru อีกครั้ง

และสถานะการณ์ในครั้งนี้ก็เปลี่ยนไป

เมื่อ Planeswalker ที่ทรงพลัง มาพร้อมกับอาวุธคู่ใจของเขา เพียงสบช่องโอกาส เขาก็ฝังเอาดาบดูดวิญญาณเข้าสู่ร่างของมังกรโบราณได้อย่างไม่ยากเย็น...

ร่างของ Piru แน่นิ่งไปกลางอากาศ ราวกับถูกแช่แข็ง

“ความแข็งแกร่งของเจ้า มันไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าดาบของข้า!” Dakkon ตะโกนประกาศชัยชนะ

ก่อนที่ร่างของ Piru จะแตกสลาย และระเบิดออกอย่างรุนแรง

Dihada ยืนกางแขนของเธอดูดซับเอาทุกอณูแห่งพลังของ Piru เข้าสู่ร่างของเธอ...

 

 

ร่างของ Dihada เริ่มบิดเบี้ยวจากพลังที่ได้รับมามากเกินกว่าที่เธอจะรักษารูปร่างของเธอเอาไว้ได้!

จากปีศาจสาวทรงเสน่ห์ บัดนี้ Dihada กลายเป็นปีศาจหญิงร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์

Dakkon เข้าโจมตี Dihada หวังจะขัดขวางเธอ แต่ก็ไม่ทันกาล...

Dihada ที่เป็น Planeswalker แสนจะทรงพลังอยู่แล้ว เมื่อได้รับพลังจากมังกรโบราณไปอีกหนึ่งร่าง ยิ่งทำให้เธอแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก

 

“ข้าต้องขอบใจเจ้ามาก เจ้าหนุ่ม Carth” Dihada หันไปพูดกับ Carth

“ขอบใจที่เจ้ายอมเชื่อข้า และเรียกเจ้า Dakkon มาตามแผนของข้า”

Carth เริ่มเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว... นักบวชในคุกนั้น เป็น Dihada ที่ปลอมแปลงตัวมา!

เธอหลอกใช้ Carth ให้เรียก Dakkon มา และด้วยพันธะของจี้ที่เธอมอบให้ มันทำให้ Dakkon ไม่สามารถหลบหนีไปได้อีกต่อไป

“บัดนี้ พันธะแห่งจี้ Ti-Fu ได้จบลงแล้ว และข้าจะเป็นผู้สานต่อมันเอง”

 

และด้วยความต่างของพลังที่ Dakkon มีต่อ Dihada กลับส่งผลให้เขาพลาดท่า โดนตีตราด้วยคำสาปจาก Dihada อีกครั้ง

 

“ข้าไม่เคยสนใจว่าดาบของเจ้ามันจะทรงพลังแค่ไหน” Dihada ที่ได้ตีตราลงบนร่างของ Dakkon พูดขึ้น

“เพราะดาบมันเป็นแค่อาวุธ อาวุธจแข็งแกร่งแค่ไหน มันอยู่ที่คนกวัดแกว่ง”

“มันคือเจ้าต่างหาก Dakkon, เจ้าคือสิ่งที่ข้าหล่อหลอมมานับปี และเจ้าจงกลายมาเป็นทาสของข้า ตราบนิรันดร์!”

 

ในตอนนี้ Dakkon ได้รู้แล้วว่า ทั้งหมดมันเป็นแผนของ Dihada มาตั้งแต่แรก!

เธอไม่ได้ต้องการอาวุธที่ดีที่สุด เธอไม่เคยต้องการดาบดำ หรือดาบดูดวิญญาณมาเป็นของตนเอง

เธอต้องการเพียงพลังของมังกรโบราณ และทาสรับใช้ที่แข็งแกร่งต่างหาก...

 

 

Dakkon ถูกคำสาปนั้น สร้างพันธะแห่งวิญญาณให้รับใช้ Dihada เธอ Planeswalk ออกไปพร้อมๆ กับ Dakkon ที่ยังคงสาปแช่งเด็กหนุ่ม Carth ที่เรียกเขามาแต่แรก...

 

หลังจากนั้น เราก็ไม่ทราบชะตากรรมของ Dakkon และ Dihada อีกเลย

 


Carth the Lion
 

ส่วน Carth นั้น ได้รับเอาฉายาที่ Dakkon ตั้งให้เขาในช่วงการผจญภัย คือ Carth the Lion มาเป็นชื่อตระกูลของเขา...

ตระกูล Carthalion และสืบเชื้อสายใน Dominaria ต่อไป