“Arlinn เวลาลูกเข้าป่าก็ระวังตัวด้วยล่ะ”
เสียงของพ่อที่เข้มแข็งและหนักแน่น แม้มันจะมีความแหบพร่าตามประสาคนอายุเยอะอยู่บ้าง
ภาพที่แจ่มชัดอยู่ในความทรงจำของเธอ คุณพ่อที่ยืนอยู่ในโรงตีเหล็กของบ้าน, อาวุธ และเครื่องป้องกันมากมายที่ถูกตีขึ้นด้วยมือของเขา และผนังโรงงานที่เต็มไปด้วยสัญญะศักดิ์สิทธิ์มากมาย แต่พ่อของเธอก็ไม่ได้เงยหน้ามามอง
และเพียงเธอกระพริบตา ภาพทั้งหมดก็หายไป
หลังจากการผจญภัยไปใน Plane อื่นๆ มากมาย สุดท้าย Arlinn ก็รวบรวมความกล้าได้มากพอที่จะกลับมาบ้านของเธออีกครั้ง
เจ้า Boulder และ Streak รับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่จ่าฝูงของมันจะพบเจอ
กระนั้น ถ้าพ่อแม่ของ Arlinn จะปฏิเสธเธอ เธอก็ยังเหลือฝูงหมาป่าเป็นที่พักใจ
พวกมันไม่เคยจากไปไหน, ความภักดีที่ยากจะได้มา แต่มันจะไม่เปลี่ยนไป
Arlinn เป็นผู้นำทางพวกมัน และพวกมันก็เป็นที่พักพิงใจของเธอ, มันคือความสัมพันธ์ที่ยากจะทำลายลง
Arlinn เดินทางไปยังโรงตีเหล็กเก่า
โรงตีเหล็กที่ตอนนี้เหลือเพียงเศษซากตอตะโก... และผนังที่เคยเต็มไปด้วยร่องรอยการขีดเขียนสมัยเธอเป็นเด็ก
และเธอก็กลายเป็นคนแปลกหน้าในเวลานี้ ความจริงจึงไม่ถูกส่งต่อจากชาวบ้านผู้หวาดระแวง...
แต่สุดท้าย เธอก็พบความจริง... มันคงเป็นอุบัติเหตุจากเตาหลอมโลหะ ที่ก่ออัคคีภัย และเผาบ้านทั้งหลังให้วอดวายไป...
Arlinn กระพริบตาอีกครั้ง มันพาเธอกลับมาสู่ปัจจุบัน
Arlinn, the Pack's Hope
Tovolar ยืนตระหง่านอยู่หน้าเธอ... และไม่ว่าในตอนนี้เขาจะเปลี่ยนไปขนาดไหน แต่แววตาของเขายังคงเดิม... มันส่องสว่างราวกับเปลวเพลิง... เขาแยกเขี้ยวออก... มันคงเป็นรอยยิ้มจากปากของหมาป่า
นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้ง Arlinn และ Tovolar ต้องเผชิญหน้ากันท่ามกลางฝูงหมาป่าตัวอื่นๆ
ในกาลก่อนที่เธอไม่สามารถสังหารเขาได้ และเขาก็ไม่สามารถรักษาเธอไว้ในฝูงได้
ขนกวางสีขาวที่ Tovolar ใช้เป็นอาภรณ์คลุมกาย ถูกกงเล็บของ Arlinn ทำลายลงพร้อมๆ กับการฝากแผลเป็นเอาไว้... ในตอนนั้น เธอขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งความโกรธ...
แต่ในตอนนี้ เธอโกรธยิ่งกว่า
ในหัวของ Arlinn มีเพียงเป้าหมายเดียว... เธอจะเอารอยยิ้มกวนประสาทของ Tovolar ออกไปจากใบหน้านั่นซะ
ขาที่ทรงพลังในร่างของหมาป่าส่งให้ Arlinn พุ่งทะยานไปข้างหน้า ขากรรไกรหมายจะขย้ำคอของ Tovolar ให้หมดลม
แต่มันก็งับได้แค่แขนของเขาเท่านั้น เลือดรสทองแดงทะลักเข้ามาในปากของ Arlinn จมูกของเธอตอบรับกลิ่นเลือดนั้น
ก่อนที่ Tovolar จะอาศัยแรงปะทะช่วยส่งให้ Arlinn ลอยข้ามหัวก่อนจะลงไปกองกับพื้น
แต่หมาป่าที่กำลังกระหายเลือดอยู่ มันไม่ใช่สัตว์ที่จะนอนแผ่อยู่ที่พื้นได้นานนัก, Arlinn กลับตัวทันทีที่อุ้งเท้าของเธอสัมผัสกับดิน มันขมวดกล้ามเนื้อรอพร้อมที่จะส่งให้เธอเข้าโจมตี Tovolar อีกครั้ง
Tovolar ยืนกางแขนต้อนรับการโจมตีของ Arlinn
รอยแผลเป็นที่ยาวตั้งแต่หัวไหล่ข้ามไปถึงบั้นเอวของเขายังคงอยู่, ขนของเขาเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน จากบาดแผลเมื่อครู่
“กลับบ้านเราเถอะ” Tovolar พูดขึ้น...
หรือเปล่า? Arlinn ไม่ค่อยแน่ใจสิ่งที่เขาพยายามสื่อสาร... แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะใส่ใจอีกต่อไปแล้ว
เธอหอนออกมา ก่อนที่จะกระโจนเข้าหา Tovolar อีกครั้ง
กรงเล็บปะทะเข้ากับร่างของ Tovolar
กล้ามเนื้อแขนและอกของเธอขมึงตึงด้วยแรงปะทะ เลือดสาดออกมาจากบาดแผล ทว่า มันก็ไม่ได้ส่งให้ Tovolar ขยับไปไหน... และรอยยิ้มยังคงอยู่บนใบหน้าของเขาเช่นเดิม
มันกลายเป็นจังหวะของ Tovolar
เขากระโจนตาม Arlinn ไป, ร่างมหึมาของเขาพุ่งเข้าชนซี่โครงของเธอ แรงกระแทกแทบจะทำให้มันหักอีกครั้ง
ขาของ Arlinn ช่วยหยุดไม่ให้ร่างของเธอไถลไปไกลกว่านี้ แต่ก็แลกกับการปักหลั่นจนมันจมไปในพื้นดินที่ชุ่มแฉะ และจังหวะนี้ แผ่นหลังของ Tovolar ก็เป็นจุดเดียวที่เธอจะโจมตีได้
กรงเล็บของ Arlinn จ้วงโจมตีจนเลือดไหลท่วมขนของเขา มันยิ่งส่งให้เธอก้าวเข้าสู่สัญชาตญานดิบมากยิ่งขึ้น
แต่เธอก็โจมตีได้เพียงสามครั้ง ก่อนที่ Tovolar จะเหวี่ยงเธอไปยังต้นไม้ขนาดใหญ่
เหล่าเทียนไขที่ลอยไปมา กระเด็นไปตามแรงกระแทก เปลวไฟลามไปตามเปลือกไม้ที่หลุดออกมาจากต้นไม้ที่โค่นลง
แม้จะถูกกิ่งไม้ปักทะลุไหล่ แต่มันก็ไม่สามารถหยุด Arlinn ได้
เพียงแค่เธอถีบตัวเองออกมาจากท่อนไม้นั้น กิ่งไม้กับร่างของเธอก็หลุดออกมาจากพันธนาการ
Arlinn ดึงกิ่งไม้ออกมาจากไหลของเธอ และซัดมันไปที่ขาของ Tovolar อย่างเต็มกำลัง
และแล้ว รอยยิ้มของ Tovolar ก็หายไป เสียงหอนอันโหยหวนดังลั่นไปทั้งเทศกาล เขากุมขาด้วยมืออันสั่นเทา... ด้วยแรงของ Arlinn มันส่งให้กิ่งไม้อันนั้นแทงทะลุขาของ Tovolar ไป
แต่ชัยชนะก็ไม่ได้ยังยืนนัก, ไหล่ของ Arlinn ถูกคมเขี้ยวกัดกระฉากจนเธอล้มลงโดยไม่ได้ตั้งตัว
หัวของเธอกระแทกเข้ากับหมวกเหล็กของศพทหารเบื้องล่าง แรงสั่นสะเทือนของมันทำให้โสตประสาทของเธอหยุดทำงาน
ท่ามกลางความงุนงงนั้น เธอไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้ร่วมเทศกาล, ไร้ซึ่งเสียงสั่งการของ Adeline, เสียงคำรามจากเวทย์ไฟของ Chandra หรือเสียงขู่คำรามของหมาป่าที่เข้ามารายล้อมเธอ
ใบหน้าที่คุ้นเคยของหมาป่าเหล่านี้, ใบหน้าที่เธอเห็นทุกครั้งที่ออกล่าไปด้วยกัน
Redtooth ยืนแยกเขี้ยวอยู่, Boulder นั่งอยู่ที่ปลายเท้าของเธอ ที่ไหล่ของเธอเป็นคมเขี้ยวของ Streak ที่กัดไม่ปล่อย...
จมูกของเจ้า Streak ที่เธอเคยเล่นด้วย ตอนนี้กลับฝังเขี้ยวด้วยสัญชาตญานของนักล่า
และ Tovolar ก็เดินเข้ามายืนคร่อมตัวเธอ
Arlinn พยายามจะลุกขึ้น แต่แรงกระแทกที่กะโหลกของเธอเมื่อครู่ยังคงอยู่ ไม่รวมว่าเจ้า Streak ยังไม่ยอมคลายเขี้ยวของมัน, ทั้งหมดนี่ทำให้เธอเวียนหัวจนแทบอ้วก
ปากของ Tovolar ขยับไปมา เหมือนเขาพูดอะไรบางอย่าง, แต่ Arlinn ก็ไม่สามารถได้ยินอะไรนอกจากเสียงที่ก้องไปมาในหูของเธอ... เสียงที่เหมือนกับระฆังโบสถ์
โบสถ์ที่เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องแทนเพลงสรรเสริญ และกลิ่นของเลือดแทนกลิ่นของเครื่องหอม
Arlinn หลับตาลง, ภาพของมหาวิหารแห่ง Thraben แจ่มชัดขึ้นมา,
บาทหลวง Worrin นั่งอยู่ที่โต๊ะ เขาพร่ำบอก “โลกนี้กำเนิดจากความมืดมิด และความมืดมิดจะกลับมาเสมอ, เราต้องช่วยกันดูแลแสงสว่างของกันและกัน”
บาทหลวง Worrin คือผู้ที่แนะนำให้ Arlinn ได้เข้าพบกับคณะมหาจอมเวทย์...
แต่ถ้าเป็นตอนนี้ เขาจะแนะนำเธอให้กับใคร? ถ้าเขาได้เป็นวิญญาณ เขาจะยังจำเธอได้มั้ยนะ?
เสียงที่ก้องอยู่ในหูของ Arlinn เบาลงแล้ว, เสียงของ Tovolar เริ่มแทรกเข้ามาเหมือนเขาตะโกนข้ามห้อง และเสียงคำรามต่ำๆ ของฝูงหมาป่าของเธอ ที่บอกว่ามันพร้อมสำหรับอาหารมื้อต่อไปแล้ว...
Arlinn ลืมตาขึ้นมา Tovolar ดึงไม้ที่ปักอยู่ที่ออก เลือดที่ไหลออกมาจากแผลหยดลงไปที่ปากของ Arlinn
“บ้าน...”
นี่มันไม่ใช่บ้าน
Arlinn พยายามจะลุกขึ้นอีกครั้ง เธอพุ่งขึ้น หมายจะเอาหัวโหม่ง Tovolar แต่ก็ถูก Boulder หยุดเอาไว้
“เราไม่จำเป็นต้องสู้กัน” Tovolar พูดขึ้น
นางฟ้าประทานพรทีเถอะ, Arlinn อยากจะอ้วกออกมา เธอไม่ไหวที่จะตอบโต้ด้วยปากที่กลายเป็นหมาป่าในตอนนี้ ไม่รวมสำเนียงแปลกประหลาดที่ Tovolar ถ่ายทอดออกมาจากปากที่ผิดรูปไปแล้ว
“มาออกล่าด้วยกัน” Tovolar พูดต่อ “นี่คือตัวตนของเธอ, เธอไม่ต้องซ่อนมันอีกต่อไป”
เขายื่นอุ้งเท้าหน้ามาที่ Arlinn... เธออยากจะปัดมันไปให้พ้นๆ มันไม่ได้แสดงน้ำใจอะไร มันแค่ทำให้เธอหงุดหงิดมากขึ้น เพราะมันหมายถึง Tovolar เขาควบคุมตัวเองได้ตลอดเวลาที่เป็นหมาป่า
แต่ก่อนที่เธอจะตัดสินใจทำแบบนั้น เธอก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้... อาจจะเป็นเพราะพระประสงค์ของประเจ้าก็เป็นได้...
เจ้า Patience ไม่ได้อยู่กับฝูงของเธอ
Arlinn แพ่งสมาธิ แม้ว่าเธอจะยังคงวิงเวียนอยู่ แต่เธอก็รับรู้ได้ว่า Patience อยู่ใกล้ๆ นี้นี่เอง แม้ว่ากลิ่นของมันจะเบาบางจากการถูกรบกวนด้วยกลิ่นเลือด และเหงื่อตรงหน้า
ท่ามกลางดวงอาทิตย์ที่ลับลา เจ้า Patience นั่งอยู่ทางขวามือของ Arlinn
และเมื่อทั้งสองมองตากัน เจ้า Patience ก็เริ่มออกวิ่งมาทันที
“แค่บอกมาว่าเราจะกลับบ้านกัน... เพียงเท่านั้นแล้วเธอจะเป็นอิสระ” Tovolar พูดขึ้น
“Arlinn กลับมาอยู่กับพวกเราเถอะ, พวกเราต้องการเธอนะ”
Arlinn หลับตาลงอีกครั้ง ภาพของกระจกสีจากมหาวิหารเข้ามาในความทรงจำของเธออีกครั้ง
แสงอาทิตย์ที่สาดส่องสู่ที่ราบในป่า และหมาป่าอีกสี่ตัว, Arlinn เดินไปหาแสงนั้น หมาป่าทั้งสี่ตัวเดินเข้ามาหาเธอ
Arlinn ลืมตาขึ้นมา... เธอเข้าใจแล้วว่า Tovolar จะไม่ยอมจบเรื่องนี้ตราบเท่าที่เขายังไม่ได้ยินสิ่งที่เขาต้องการ
“ฉันอยู่ที่บ้านแล้ว” Arlinn รวบรวมพลังของเธอ เพียงเพื่อจะพูดประโยคง่ายๆนี้
และมันก็ไม่ใช่คำลวง
ป่าคือบ้านของเธอ, ฝูงหมาป่าคือบ้านของเธอ, โบสถ์คือบ้านของเธอ... ทั้งหมดคือที่ที่หัวใจของเธอยินดีจะเรียกมันว่าบ้าน
แม้แต่ในช่วงเวลาที่ Tovolar ยื่นอุ้งเท้ามาให้ Arlinn และดึงเธอขึ้นยืน หรือในเวลาที่เขาสวมกอดเธอ มันก็คือความรู้สึกของคำว่าบ้าน...
สำหรับ Arlinn ในกาลก่อน เพียงการสวมกอด และการได้รับการยอมรับนั้น ก็ถือเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มากๆ แล้ว... มันทำให้เธอได้พบความอ่อนโยนในตัวของ Tovolar อีกครั้ง...
แต่ความโหดร้ายไร้ปราณีได้ครอบงำความอ่อนโยน Tovolar ไปจนหมดสิ้น... ความอ่อนโยนที่เขาทำในตอนนี้ มันไม่สามารถหักล้างกับการกระทำที่ชั่วช้าในวันนี้ และการพรากชีวิตของผู้บริสุทธิ์ที่ผ่านมา มันคือสิ่งที่ทำให้ Arlinn เลือกจะตีตัวออกห่างเขา...
แต่ก็อย่างที่เธอรู้... Tovolar ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้น
แม้จะยังอยู่ในสภาวะวิงเวียน และแผลที่หัวไหล่ยังหลั่งเลือดไม่หยุด... แต่เธอก็รู้ดีว่ามันจะไม่มีโอกาสที่สองให้เธออีกแล้ว... แม้ลึกๆ แล้วมันจะทำให้รู้สึกผิดอยู่บ้างก็ตาม
Arlinn ใช้กรงเล็บของเธอกระซวกเข้ากลางอกของ Tovolar ในอ้อมกอดของเขา
Tovolar วูบทรุดลงก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าอะไรเกิดขึ้นเสียอีก เขาทำได้เพียงอิงร่างของ Arlinn ไว้
“Innistrad คือบ้านของฉัน” Arlinn พูด “ถ้าฉันยังมีลมหายใจอยู่ ฉันจะไม่ให้อะไรมาทำลายมัน”
เสียงเฮือกเป็นเพียงคำตอบเดียวจาก Tovolar อุ้งเท้าที่เกาะอยู่ที่ไหลของ Arlinn กลายไปเป็นกรงเล็บที่จิกลงไปในแผลเก่าของเธอ
แต่ Arlinn ยังคงยืนหยัด กรงเล็บของเธอยังคงฝังอยู่ในอกของ Tovolar “สั่งหยุดการโจมตีนี้ซะ”
แววตาที่ลุกโชนของ Tovolar ในช่วงที่มันดับมอดลงนั้นเป็นภาพที่ Arlinn ไม่คุ้นเคยเลย, Tovolar แข็งแกร่งเกินกว่าจะตายง่ายๆ ที่ตรงนี้... ยิ่งถ้าพวกหมอผีเข้ามาดูอาการของเขาได้ทันเวลา...
แต่ในคราวนี้... แววตาที่ดับมอดลงมันไม่ได้มาจากอาการทางร่างกาย... แต่มันเป็นบางอย่างที่พังทลายลงจากภายในต่างหาก...
“เธอ... โกหก” เสียงครีดคราดจาก Tovolar ที่พูดออกมา
“สั่งหยุดการโจมตีนี้ซะ” Arlinn ยังคงย้ำคำเดิม
Tovolar หลับตาลง... Arlinn ไม่รู้ว่าเขาเห็นอะไร? ภาพของเด็กหญิงในป่าวันนั้น... หรือภาพที่ผลักให้เขาก้าวข้ามไปเป็นคนไร้หัวใจ
ไม่ว่าภาพนั้นมันคืออะไรก็ตาม มันส่งให้ Tovolar สะดุ้งเฮือกขึ้นมาอีกครั้ง
เขาสำรอกก้อนเลือดออกมา ก่อนที่จะฝืนตอบออกมา “ได้...”
Arlinn ส่งให้เขานั่งลง ดึงมือของเธอออกมาจากอกของเขา, จัดแจงท่านั่งให้เขาเป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้น เหล่าหมาป่าที่เหลือ ได้ฤกษ์ขย้ำร่างที่ไร้การป้องกันแน่ๆ
Tovolar มองมาที่ Arlinn อีกครั้ง, เธอส่ายหัวตอบ...
เพียงไม่นาน เสียงหอนก็ดังก้องขึ้นมาอีกครั้ง... เสียงเรียกให้ถอยทัพที่มีเพียงหมาป่าจะเข้าใจ
เขาไม่ร้องขอให้เธอตามมาอีกแล้ว
- สิ่งที่หลงเหลือ? -
ราวกับฝูงมดที่แตกรัง หมาป่านับร้อยๆ ตัว หันหลังกลับไปยังป่านอกค่ายรวมตัวแห่งนี้ เพียงแต่มันจะต่างกันก็ตรงที่ เหล่าหมาป่านั้นทิ้งไว้เพียงเศษกระดูกสีขาวโพลน หาใช่การหนีจากภัยใดๆ ไม่
ชื่อของเหตุการณ์นี้ถูกถ่ายทอดจากปากของเหล่าทหารศักดิ์สิทธิ์ที่รอดชีวิตด้วยความบอบช้ำ, จากแม่มดที่ออกตามหาคนที่อาจจะรอดชีวิตท่ามกลางซากศพมากมาย...
การสังหารหมู่แห่ง Harvestide
Arlinn ทนมองอยู่ได้ไม่นานนัก มันทำให้เธอหวนนึกถึงเหตุการณ์ Travails... แต่ในครานี้มันเลวร้ายกว่ามาก
เหล่าของตกแต่งกระจุกกระจิกน่ารักของเด็กๆ ที่กระจัดกระจายไปทั่ว ราวกับพายุเข้า
ฟักทองแกะสลักที่บี้แบนอยู่ใต้ร่างของอดีตผู้ร่วมงานเทศกาล
เครื่องดื่มหลากรสหกเลอะเทอะ ผสมเข้ากับกองเลือดที่นองเต็มพื้น
ซุ้มขายของกลายเป็นสองส่วน เพราะเจ้าของซุ้มนั้น ทิ้งร่างไร้วิญญาณของตัวเองล้มทับจนมันพังลง
เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อน ที่นี่ยังเป็นสถานที่แห่งความหวัง... แต่ตอนนี้มันเหลืออะไร?
Arlinn ฝืนกลืนคำถามนนั้น... แม้ว่าเธออยากจะช่วยเหลือเหล่าทหาร และแม่มดทั้งหลาย
แต่ถ้าหากไม่ช่วย Katilda ทำพิธีกรรมให้สำเร็จ มันอาจจะไม่เหลือใครให้เธอช่วยอีกแล้วก็เป็นได้... สัญญะศักดิ์สิทธิ์ที่แหลกสลายและกระจายไปทั่วบริเวณนั้นเป็นสิ่งที่คอยย้ำเตือน
Innistrad อดทนจนผ่านพ้นช่วงเวลาอันเลวร้ายมาได้อีกครั้ง... และ Arlinn จะต้องก้าวเดินต่อไป
- เทศกาล? -
ในขณะที่เหล่าแม่มด และทหารศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือผู้ที่บาดเจ็บ พวก Candleguides ก็ส่งยิ้มคอยนำทางให้กับเหล่าวิญญาณ
ความสูญเสียในวันนี้มันมีมากเกินไป
งานเทศกาลของ Katilda ถือว่าประสบความสำเร็จในแบบที่เลวร้ายที่สุด ดูได้จากเหล่าศพปริมาณเกินคนานับ
ถ้าเป็นพ่อกับแม่ของ Arlinn คงจะไม่เชื่อ... พวกเขาคงจะไม่มาร่วมเทศกาลที่ดูเสี่ยงแบบนี้ พวกเขาคงจะเลือกที่จะเก็บตัวกันเอง
ในตอนนี้ Arlinn จึงได้เข้าใจสิ่งที่พ่อกับแม่ของเธอเคยพูดเสมอ... ความปลอดภัย และความกลัวคือสิ่งเดียวกัน
แต่มันผิดถนัดเลยล่ะ
ทุกๆ คนที่ Innistrad ต่างเป็นพวกเห็นแก่ตัว... มันอาจจะทำให้ Innistrad รอดมาได้ แต่มันก็พาทุกคนมาได้แค่นี้
Vampire ก็จ้องแต่จะสูบเลือดเนื้อของมนุษย์, หมาป่าก็จะล่ามนุษย์ ทั้งๆ ที่พวกเขาควรจะปกป้อง... ความแตกต่างที่แบ่งแยกทุกผู้คนใน Innistrad ต่างหากที่สร้างปัญหา
ทว่า ยิ่งคิดมากก็ยิ่งเจ็บปวด
Arlinn ยังคงออกเดินไปเรื่อยๆ เวลาที่จะทิ้งเพื่อความเศร้าโศกยังมีอีกเยอะ
ในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญคือต้องทำให้พิธีกรรมครั้งนี้เสร็จสิ้น... เพราะทุกคนที่เข้ามาใต้ร่มเงาของ Celestus ต่างเชื่อมั่นว่ามันจะคุ้มเสี่ยง
สรรพร่างของเธอยังคงเจ็บปวดไม่หาย ทั้งอุ้งเท้า และหัวไหล่ที่เป็นแผลฉกรรจ์ต่างกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด สอดประสานกับเสียงร่ำไห้ และเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เธอยังคงมุ่งมั่นที่จะวิ่งไปยังใจกลางของ Celestus... เป็นเพียงหมาป่าตัวเดียว ที่ยังวิ่งไปทางนั้น
ก่อนจะมีเสียงหลุดโทนแทรกเข้ามา
“เจ๊ Arlinn!” เสียงของ Chandra ตะโกนเรียกจากหลังม้าของ Adeline ที่วิ่งเต็มกำลังมาขนาบทางขวาของ Arlinn
ถ้าเป็นไม่กี่ชั่วโมงก่อน มันคงทำให้ Arlinn หงุดหงิดที่โดนม้าวิ่งแซง... แต่ตอนนี้ มันทำให้เธอรู้สึกโล่งใจมากกว่า
Chandra ยื่นมือของเธอมา เรียกให้เจ๊ Arlinn ของเธอขึ้นหลังม้า “ลุง Teferi กับคนอื่นๆ ล่วงหน้าไปแล้ว เราต้องรีบตามไปแล้ว”
ช่วยเหลือกัน พึ่งพากัน... นี่แหละ หนทางใหม่ของ Innistrad
Arlinn แปลงกายกลับไปเป็นร่างมนุษย์ และคว้ามือของ Chandra ขึ้นหลังม้าไป
- พิธีกรรม -
เสียงขับขานของบทสวดล่องลอยมาทักทายสามสาวบนหลังม้า
Arlinn ได้ยินเสียงเหล่านั้นไม่ได้ศัพท์เท่าใดนัก แต่มันทำให้เธอรู้สึกถึงไม้โอ๊กต้นใหญ่ กับแม่น้ำสายเก่าแก่ แสงเรืองๆ เริ่มจับไปยังแขนขนาดมหึมาของ Celestus ภาพนั้นทำให้เธอคิดถึงคีมคีบเหล็กร้อน ที่พ่อของเธอใช้ในการตีอาวุธ มันทำให้เธออดยิ้มออกมาไม่ได้ หรือมันเป็นเพียงอาการเพ้อเพราะเสียเลือดมาก
“Chandra... มันดู-” Arlinn พูดก่อนจะโดนขัด
“เหมือนพิธีจะใกล้สำเร็จแล้วล่ะ” Chandra ตอบ... แม้มันจะเป็นคำตอบที่ไม่ตรงกับความเห็นของ Arlinn, แต่เธอก็เหนื่อยเกินกว่าจะต่อปากต่อคำกับ Chandra แล้ว
และภาพที่เธอเห็น มันก็พอจะอนุมานตามที่ Chandra พูดได้อยู่บ้าง
บรรดาผู้คนที่ล้อมรอบใจกลางของแท่นปะรำพิธี บดบังวิสัยทัศน์ที่แท้จริง แต่อารมณ์ที่คนเหล่านั้นแสดงออก มันคือความสุขมากกว่าความกังวล
ทั้งสามสาวขี่ม้าผ่านฝูงชนเข้าไปยังใจกลางของพิธี ชุดเกราะของ Adeline และพลังเวทย์เพลิงของ Chandra ช่วยเปิดทาง และสัญญะบอกให้ฝูงชนรับรู้ว่า การต่อต่อสู้ยังไม่จบ เรายังเหลอืพิธีกรรมโบราณที่ต้องจบมัน
ท่ามกลางความวิงเวียนที่วนกลับมาในประสาทของ Arlinn ใบหน้าของผู้คนที่เหลืออยู่ไม่มีใครทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคย... แต่ทุกคนกลับมีประกายแห่งความหวังอยู่ในดวงตา
และเมื่อเข้าใกล้ศูนย์กลางแห่ง Celestus สิ่งที่โดดเด่นท่ามกลางเปลวไฟคือมงกุฎและหน้ากากของเหล่าแม่มด Dawnheart
พวกเธอ 5 คนที่อยู่ด้านล่างของแท่นพิธีคอยตีกลองให้จังหวะกับบทสวด
อีก 5 คนเต้นด้วยท่าทางประหลาดๆ อยู่ที่ขั้นที่สองของแท่น
ณ ใจกลาง มีแม่มดอีก 2 คน, โดยที่หนึ่งในนั้นคือ Katilda ภายใต้หน้ากากไม้ที่มิดชิดกว่าที่เคย และ Kaya กับกุญแจ Moonsilver สะท้อนแสงจันทร์อยู่ในมือของเธอ เธอคอยยืนระวังภัยให้กับเหล่าแม่มด
ซึ่งก็เป็นที่แน่นอน, Kaya เป็นคนแรกที่เห็นการมาถึงของสามสาว เธอโบกมือเรียกให้ทั้งสามมายังแท่นพิธี
สะพานไม้ระหว่างแท่นพิธีกับพื้นที่ด้านนอกทอดตัวลงมารับ Chandra กระโดดลงจากหลังม้า เพื่อรอรับ Adeline ก่อนที่ทั้งคู่จะช่วยกันประคอง Arlinn ลงมาจากหลังม้า
ทั้งคู่หิ้วปีก Arlinn ไปยังแท่นใจกลางพิธี และการที่เธอโดนประกบทั้งซ้าย-ขวา มันก็ไม่มีที่ให้เธอเสียหลักไปไหนได้มากนัก
ก้าวแล้ว ก้าวเล่า ผ่านสะพานไม้ที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด รวมเข้ากับเสียงวังเวงของป่า ที่ก้องสะท้อนเสียงของบทสวดอีกที
ก้าวแล้ว ก้าวเล่า ผ่านความรู้สึกกังวลของ Arlinn, เหล่านางฟ้าจะคิดอย่างไร, ศาสนจักรจะมีความเห็นเช่นไร? ในเมื่อเสียงบทสวดเหล่านี้ไม่ได้สรรเสริญพวกเขา... บทสวดที่ Arlinn ไม่เข้าใจในความหมายใดๆ แต่ในความแตกต่างมันก็ให้ความรู้สึกจริงไม่ต่างจากบทสวดที่เธอคุ้นเคย... และยิ่งข้อความเหล่านี้มันพร้อมจะพุ่งผ่านปากของเธอราวกับมันเคยถูกสลักไว้ในกระดูกของเธอตั้งแต่เกิด
ก้าวแล้ว ก้าวเล่า ผ่านดวงตาที่อยู่ใต้หน้ากากของเหล่าแม่มด ม่านตาที่ส่องประกายแสงสีเงินวนไปมา... นี่คือเวทย์มนต์จริงๆ ด้วย
และเหล่าแม่มดก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงประสานกัน “Arlinn Kord”
Arlinn กลืนน้ำลายลงคอไป ส่วน Chandra และ Adeline ที่ประคองเธออยู่ ก็หันมาสบตากัน ก่อนที่จะช่วยพาเธอขึ้นไปยังแท่นพิธี
ใจกลางของแท่น มีถ้วยสีทอง ภายในบรรจุน้ำผึ้งเสมือนสัญญะแห่งดวงอาทิตย์ รอบๆ ถ้วยประดับด้วยเครื่องสมุนไพรและกระดูกรอบๆ
สายตาของผู้คนในสถานที่นั้นต่างจับจ้องมาที่ Arlinn
“ฉันมาถึงแล้ว” Arlinn ตอบ... เธอแค่รู้สึกว่าเธอควรจะตอบแบบนี้ไป
“บุตรีแห่งโลหิต และคมเขี้ยว, เจ้าอยู่ ณ เส้นเวลาแห่งรุ่งอรุณ, สถานที่ ณ ราตรีและอรุณได้บรรจบ, เจ้าจักให้พลังของเจ้าคอยช่วยเหลือพวกเราหรือไม่?”
บุตรีงั้นหรือ?... มันผ่านพ้นเวลาที่เธอเป็นผู้ใต้ปกครองของใครมานานพอควรแล้ว... Arlinn เกือบจะหลุดพูดออกไป
แต่ในพิธีกรรมโบราณเช่นนี้ Katilda น่าจะรู้เรื่องของ Arlinn มากกว่าจะต้องมาตอบคำถามอะไรแบบนี้
Arlinn จึงตอบกลับไป “พวกท่านต้องการสิ่งใด?” แม้ว่าสายตาของ Arlinn จะมองไปยัง Katilda เป็นการส่วนตัว เพราะด้วยอาการของทุกๆ คน ที่ต่างพูดด้วยเสียงประสานกัน มันคงเป็นเวทย์มนต์ของ Katilda
“เจ้าจะยอมหลั่งเลือดเพื่อดวงตะวันหรือไม่? คมเขี้ยวของเจ้าจักปกป้องผู้ที่หลบซ่อนด้วยความกลัวหรือไม่?” เหล่าแม่มดตอบคำถามด้วยคำถาม
Arlinn มองไปยัง Teferi, Kaya, Chandra และ Adeline...
แต่ก็ดูเหมือนทุกๆ คนไม่เข้าใจคำถามนั้นเท่าใดนัก...
แต่ Arlinn กลับมั่นใจในคำตอบของเธอ “ฉันยินดี”
“เจิมแม่กุญแจ Sunlock” เหล่าแม่มดดำเนินพิธีของพวกเธอต่อ
โลหิต และคมเขี้ยวงั้นเหรอ? Arlinn เธอต้องอิงแท่นพิธีด้วยความวิงเวียนที่ยังกลับมาเป็นห้วงๆ
Arlinn เอามือไปแตะที่แผลตรงหัวไหล่ของเธอ ก่อนที่จะเอาเลือดของเธอป้ายที่ถ้วยสีทอง มันส่งอุณหภูมิอุ่นๆ กลับมาที่ปลายนิ้วของเธอ
Arlinn หยิบเอาสมุนไพรมาหนึ่งก้าน เธอหยิบมันเข้าปากแล้วเขี้ยวมัน, รสขมๆ ของมันเป็นสิ่งที่แรกที่เธอรู้สึก ก่อนที่รสของโลหะจะตามเข้ามาตบท้าย แล้วเธอก็วางมันลงเหนือรอยเลือดบนถ้วยอีกครั้ง
ถ้วยสีทองเริ่มส่งสียงคำรามทุ้มต่ำ
รวมถึง Celestus ด้วยเช่นกัน, เสียงของฟันเฟืองเริ่มขบกัน ขดลวดเริ่มทำงานอีกครั้ง
วงแหวนขนาดมหึมาเหนือหัวเริ่มขยับต่อต้านสนิม และบรรดาสิ่งกีดขวางที่คอยยึดเหนี่ยวมันเอาไว้
พื้นป่าเริ่มสั่นสะเทือน Arlinn เกาะที่แท่นพิธีเอาไว้แน่น ไม่อย่างนั้นเธอคงล้มไปเองแน่ๆ
Katilda ส่งสัญญาณ ให้ Kaya ส่งกุญแจ Moonsilver มาให้เธอ
“พวกเราเหล่า Coven ขอบูชาวิญญาณ และรากไม้”
Katilda นำเอารากไม้โบราณขนาดพอๆ กับแขนของเธอออกมา ซึ่งมันก็ทำให้ Arlinn อดสงสัยไม่ได้ว่ามันมาจากไหน แต่เพียง Katilda สะบัดปลายนิ้วของเธอ รากไม้นั้นก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน
Katilda เอาขี้เถ้านั่น ป้ายไปในถ้วยสีทองฝั่งตรงข้ามกับเลือดของ Arlinn
Katilda, Dawnhart Prime
เอาล่ะ... นั่นก็คือส่วนของการบูชายัญด้วยรากไม้... แต่ส่วนของวิญญาณคืออะไรกันล่ะ? Arlinn เริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีแล้ว
สายตาของ Arlinn ประสานเข้ากับ Katilda... มันส่งบรรยากาศห้ามไม่ให้ Arlinn ถามอะไรมากไปกว่านี้... ตอนนี้เราต้องจบพิธีกรรมเสียก่อน
แต่แล้ว ดวงตาของ Katilda ก็ส่องแสงสีเงินที่ออกมา... ในคราวนี้ มันกลับล่องลอยออกมา ปากของ Katilda เปิดออก แสงสีเงินๆ นี่ก็ไหลออกมาด้วย มันไปรวมกันที่ถ้วยสีทอง
แม่มดคนอื่นๆ เข้ามาประคองร่างของ Katilda ที่เริ่มไร้การควบคุม
ความกลัววิ่งเข้าโจมตี Arlinn... หวังว่ามันจะไม่ใช่การมอบวิญญาณแบบถาวรล่ะมั้ง?... เธอหันไปหา Kaya เพื่อคาดหวังคำตอบ...
แต่ Arlinn ก็ไม่ได้คำตอบนั้น... Kaya ไม่ได้มองมาที่ปะรำพิธีด้วยซ้ำ และเงามืดก็ทอดตัวบดบังแท่นพิธี
กลิ่นของความตายโชยขึ้นมา
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น มันไวเกินกว่าสายตาของมนุษย์จะจับจ้องได้ทัน
แต่มันก็ไม่เกิดนความสามารถของ Arlinn
เส้นสายสีแดงและทอง ลากยาวลงมาจากเบื้องบนราวกับฟ้าผ่า
ร่างของ Katilda ถูกกลืนไปในสีสันเหล่านั้น... สีของ Olivia Voldaren
Olivia ผู้ที่ไม่ต้องการให้ใครเมินเธอแม้แต่วินาทีเดียว
นาง Vampire เอื้อมมือของเธอเพื่อคว้าเอากุญแจ Moonsilver ที่มีสัญลักษณ์แบบเดียวกับเสื้อเกราะของเธอ... สัญลักษณ์ของตระกูล Voldaren สลักอยู่
กุญแจ Moonsilver ไม่ใช่สิ่งที่จะให้ Olivia ได้มันไปง่ายๆ
Arlinn พุ่งตัวไปคว้ากุญแจจนร่างของเธอไถลไปกับพื้น
แผลถลอกเล็กน้อยมันเทียบไม่ได้กับความสำคัญของกุญแจ
Arlinn คว้ากุญแจนั้นเอาไว้ได้ ส่วน Olivia ก็ลอยขึ้นฟ้าไปพร้อมกับร่างไร้พลังของ Katilda
Olivia แสดงสีหน้าเย้ยเยาะ ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“สิ้นไร้ไม้ต่อกันทั้งคู่แล้วสินะ” Olivia พูดขึ้น “ฉันได้ยัยแม่มดของพวกแก, ส่วนแกได้กุญแจของฉันไป”
Arlinn ลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับกุญแจในมือ... กุญแจที่เคยอุ่นก็เย็นลง ก่อนที่เธอจะตอบไป “ไม่ใช่ของเธอทั้งคู่นั่นแหละ”
“ผิดไปไกลเลยล่ะ” Olivia ตอบ “กุญแจนั่นน่ะ มันเป็นของฉัน, และฉันก็จะเอามันคืน... ส่วนยายแก่ร่างเหลวนี่ ฉันไม่อยากได้อยู่แล้ว”
Kaya เข้ามาขนาบข้าง Arlinn, แม้มันจะทำให้เธออุ่นใจได้ แต่ทันทีที่ Kaya กระซิบบอกข่าว มันก็ทำให้ Arlinn เย็นวาบไปทั้งตัว “ฉันเห็นว่าร่างวิญญาณของ Katilda ลอยออกจากร่างไปแล้ว...”
“แล้วยังไงต่อ?” Arlinn ถาม
“Olivia ก็เข้ามาแทรก... แล้วฉันก็ไม่ทันเห็นอะไรอีกเลย” Kaya ขมวดคิ้วตอบ
Chandra เดินเข้ามาเสริม แต่สายตาจ้องเขม็งไปที่ Vampire ตัวนั้น “เผาให้กระจุยเลยมั้ย?”
“เดี๋ยวสิ, Katilda จะโดนลูกหลงเอานะ” Kaya ตอบ
ร่างของ Olivia ที่ลอยอยู่เหนือแท่นพิธีกรรมถอนใจพร้อมกับใบหน้าเหนื่อยหน่าย ก่อนที่จะใช้กรงเล็บของเธอกรีดร่างของ Katilda จนเลือดของเธอสาดกระเซ็นไปทั่ว
“แค่คำถามง่ายๆ พวกแกยังทำให้ฉันเบื่อที่จะต้องรอคำตอบได้เลยนะ, ส่งกุญแจนั่นมา ฉันก็จะกลับไปจัดเทศกาลของฉัน หรือพวกแกจะยืนตีมึนอยู่ตรงนี้ แล้วดูยายแก่นี่ตายก็ตามใจ”
“ถ้าเราจบพิธีกรรมนี้ได้ล่ะ?” Arlinn กระซิบถาม Kaya
“ยังมีเวลาพอหรือไง?... เรารู้วิธีที่จะจบพิธีกรรมหรือไง?” Kaya กระซิบตอบ
เวลางั้นหรือ?... แค่พูดถึงเวลา Arlinn ก็นึกถึง Teferi
แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงไหน ที่สำคัญ เขาพึ่งใช้พลังของเขาชะลอดวงตะวันที่จะตกดินไปหมาดๆ เขาคงไม่สามารถยื้อเวลาได้อีกพักใหญ่ๆ อยู่แล้ว...
พวกเธอต้องหาคำตอบอื่น
Arlinn หันไปมองแม่มดอีกสองคนที่คอยประคอง Katilda เมื่อครู่ “รู้วิธีจบพิธีกรรมนี่มั้ย?”
พวกแม่มดส่ายหัวไปมา “มันต้องเป็น Katilda เท่านั้น” แม่มดคนหนึ่งตอบขึ้นมา “เวทย์มนต์เหล่านี้มันโบราณเกินไปสำหรับพว-”
“น่าเบื่อชะมัด!” Olivia ตะโกนออกมา เธอเงื้อมือจะตวัดลงมาที่ร่างของ Katilda อีกครั้ง
มันไม่มีเวลามากพอจริงๆ... ไม่มีตัวเลือกอื่นใด... ไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านอีกแล้ว
และ Innistrad ต้องคงอยู่
Arlinn โยนกุญแจในมือขึ้นไป
Olivia คว้ากุญแจนั่นไว้ในมือด้วยความไวเกินกว่าจะมองได้ทัน เธอมองกุญแจในมือด้วยความรู้สึกยินดี
“ปล่อย Katilda ซะ” Arlinn ตะโกนออกมา
ความยินดีที่มีเมื่อครู่ได้เปลี่ยนเป็นสีหน้าของความขยะแขยง “ทำตัวกับว่าที่เจ้าสาวได้แย่มากๆ เลยนะ”
“ตกลงกันไว้ยังไง ก็ต้องตามนั้น, ส่งเธอมาซะ” Kaya พูดเสริม มันทำให้ Arlinn แปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ Kaya เป็นคนพูดเรื่องนี้
“ได้” Olivia ตอบ “รับน้า!”
ในห้วงเวลานั้น Arlinn ได้แต่คิดวนเวียนไปมา มันจะเกิดอะไรขึ้น? ถ้าเธอขยับเข้าไปเร็วกว่านี้... ถ้าเธอเลือกจะเสี่ยงแบบอื่น อะไรจะเกิดขึ้น?
แต่การร่วงลงมาจากที่สูงลิบขนาดนั้น รวมกับแรงของ Vampire ที่เสริมแรงลงมา ร่างของ Katilda ก็พุ่งลงมาด้วยความเร็วอันน่าสะพรึง
สิ่งที่ Arlinn จะทำได้ในตอนนี้คือช่วยหยุดแรงปะทะอันรุนแรง เธอกระโจนเข้ารับร่างของ Katilda ก่อนที่ทั้งสองจะกระแทกเข้ากับพื้นของแท่นพิธีกรรมอย่างแรง
โลกของ Arlinn หมุนจนชวนเวียนหัว แต่เมื่อเธอกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง, แม่ Vampire ตัวร้ายก็หายไปแท่นพิธีกรรม ทิ้งไว้เพียงจุดดำๆ ที่ปรากฏท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน
กุญแจ Moonsilver จากไปพร้อมกับเธอ
Celestus ไร้การเคลื่อนไหว
ราตรีได้มาเยือน Innistrad...
และมันจะเป็นราตรีตั้งแต่ตอนนี้ จนถึงตราบนิรันดร์
Magic Story By K. Arsenault Rivera