“เจอเธอรึยัง?”

“ยังเลย, แล้วคุณละ?”

“นี่มันโคตรแย่เลย, เป็นเจ้าบ้านภาษาอะไรมาปล่อยให้แขกต้องมายืนรอแบบนี้ ก็เข้าใจนะ ว่าเธอคิดไปเองงว่าตัวเองเป็นเจ้าแห่ง Innistrad แต่เธ-”

“เบาเสียงหน่อย Relio!”

“แต่เธอไม่ได้ใกล้ความเป็นเจ้า Innistrad เลยซักนิด, ผมไม่เชื่อจนกว่าจะเห็นเธอก้าวไปครอง Innistrad หรอกนะ”

 

Relio ยกแก้วเลือดขึ้นมาดื่ม เลือดไหลซึมจากปาก ไหลไปตามคาง ก่อนที่หยดลงไปที่ปกคอพับสีขาว

Cordelia ก็เตือน Relio เอาไว้แล้ว ว่ามันจะเกิดขึ้น แต่เขาก็ไม่เคยจะฟังเธอ

อย่าทำตัวตะกละ แต่แค่ดื่มเลือดจากแก้ว เสื้อผ้าเขาก็เปรอะเปื้อนแล้ว

อย่าไปกวนโมโห Vamprie ตระกูล Nusfar เพราะพวกเขาดูเหมือนเด็ก, แต่สุดท้าย Cordelia ก็เห็น Relio เอาลูกอมเลือดไปห้อยต่องแต่งล่อหน้า ล่อตา Vampire สาวตระกูล Nusfar ที่อายุเยอะกว่าเขาราวๆ 5 เท่าตัวได้

ในบรรดา Vampire ที่ Cordelia รู้จัก มันดูเหมือนว่า Relio จะเป็นเพียงคนเดียวที่อยากจะท้าทายความเป็นอมตะในสายพันธุ์ดีเหลือเกิน

แล้วบอกตามตรง... ไอ่พฤติกรรมแบบนี้มันทำให้ Cordelia เหนื่อยหน่ายที่จะต้องมาฟังเขาพล่ามแล้ว

ถึงแม้ตระกูล Stormkirk ของ Cordelia จะมีบรรทัดฐานในการเข้างานสังคมที่ดูเยิ่นเย้อ แต่พวกเขาก็ไม่ได้พล่ามฟุ้งฝอยจนน่ารำคาญแบบนี้

 

แขกเหรื่อส่วนใหญ่ ต่างก็เข้ามาเพื่อร่วมงานแต่งของ Olivia

ส่วน Olivia เอง ก็ดูเหมือนจะทำเกินตัวไปมาก จากของประดับประดามากมาย... มากเสียจน Cordelia ไม่สามารถจะจินตนาการว่ามันยังคงความเป็นจริงได้อย่างไร

พื้นที่ทั้งหมดในอสังหาริมทรัพย์ของตระกูล Voldaren ถูกประดับประดาไปด้วยสีแดง: พื้นถูกปูด้วยพรมสีแดงด้นทอง, ชุดสูทของผู้ร่วมงานก็เน้นไปที่สีแดง และสีโทนมืด, น้ำพุเลือดที่ไหลส่งต่อกันเป็นชั้นๆ แต่ที่ถ้าประทับใจที่สุดคือกลีบดอกไม้เลือด ที่ล่องลอยในอากาศ มันทำให้เธอหวนคิดถึงสมัยกว่าศตวรรษก่อน ที่เธอยังทำสวนอยู่

และภาพที่เธอได้เห็น มันก็ดีกว่าการทนฟังนาย Relio บ่นไม่รู้ตั้งกี่เท่า

 

เขาบ่นเรื่องอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการที่ Olivia ปล่อยให้พวกตระกูล Domnathi ร่วมงาน แต่ Cordelia ก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว

การที่ตระกูล Domnathi เข้าร่วมงานมันแย่มากหรือไง? ก็อาจจะ?

เพราะพวกเขามักจะทำพันธสัญญากับปีศาจ... แต่ในงานก็ไม่ยักกะมีปีศาจโผล่มาซักตน... ที่สำคัญ อย่างน้อยๆ พวกเขาก็ยังแต่งตัวตามธีมของงาน

ไม่เหมือนตา Relio ที่แต่งชุดขาว+ฟ้า มาเสียอย่างนั้น... ซึ่งในส่วนที่เป็นสีฟ้ามันก็กลายเป็นสีม่วงๆ ด่างๆ เมื่อมันสัมผัสเข้ากับกลีบดอกไม้เลือดที่ลอยอยู่ในอากาศ

 


Voldaren Bloodcaster
 

ก่อนที่จะมีมนุษย์คนหนึ่งเดินผ่านมา ช่วยดึงความสนใจ Cordelia ต่อจากภาพสุดหรูอลังการณ์

เขาเป็นทาสผีดิบ (Thrall) ที่แต่งตัวดูดีเกินกว่าจะเป็นทาสรับใช้ที่เคยเห็นมา มันบอกเป็นนัยๆ ว่า Olivia ไม่ใช่แค่จัดงานนี้มาส่งๆ เท่านั้น เธอใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ

ทาสรับใช้คนนั้นเดินมาพร้อมกับถาดวางแก้วใส ที่เปลี่ยนจากการบรรจุไวน์เป็นเลือดสดๆ มันทำให้ Cordelia อดคิดไม่ได้ ว่าเธอจะเผลอไผลไปดื่มเลือดจากคอของทาสคนนั้นแทนเสียดีไหม?

แต่ความคิดของเธอก็ไม่ได้สานต่อ เมื่อจิตใต้สำนึกของเธอได้ห้ามเธอไว้เสียก่อน

แม้ว่าทาสคนนั้นจะไม่ได้มีตราสัญลักษณ์ว่ามาจากตระกูลไหน แต่เธอก็ไม่อยากจะเสี่ยงเอาตัวเข้าไปก่อปัญหา...

 

ลำพังแค่ตอนนี้ เหล่า Vampire ก็มีปัญหากันเองกว่า 5 คู่แล้ว ไม่รวมว่าหนึ่งในนั้น จบลงด้วยการควักลูกตากัน... มันไม่น่าพิศมัยที่จะไปจ้วงลูกตาคนอื่นในงานแต่งงานแม้แต่น้อย

แต่สิ่งที่ควรจะคิดได้ มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน

Cordelia เอื้อมมือไปหยิบแก้วเลือดมา ก่อนที่จะเกิดการปะทะกันเป็นคู่ที่ 6

เมื่อชายจากตระกูล Nusfar เอามือเล็กๆ ที่มาจากร่างกายที่ดูเหมือนเด็กอายุ 10 ขวบ จ้วงแทงทะลุอกของ Kristoff Laurent ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักสู้ที่ดีที่สุดของตระกูล Markov

แต่การโดนลอบสังหารจากด้วยสัญชาตญาณนักล่าของ Nusfar ไม่ว่าจะทักษะการต่อสู้แขนงไหนก็ไม่สามารถป้องกันมันได้หรอก

Cordelia ได้แค่มอง Kristoff หลั่งเลือดออกมาไม่หยุด

มันออกจะโศกเศร้าอยู่ไม่น้อย เพราะ Kristoff เองก็เป็นรักเก่าของ Cordelia การจากลาจึงเป็นเรื่องน่าใจหาย แม้กับ Vampire ที่แทบจะเป็นอมตะ

 

“ดูสิ เรียกแขกมาแต่ละตัว บ้าบอสิ้นดี นี่มันปีศาจชัดๆ” เสียงพล่ามของ Relio กลับมารบกวน Cordelia อีกครั้ง “Vampire ไม่จำเป็นต้องป่าเถื่อนซักกะหน่อย, แล้วยายเพี้ยนนั่น มาทำตัวแบบนี้ ยังจะหวังให้คนทั้ง Innistrad มาก้มหัวให้งั้นเหรอ?”

Relio นายก็เป็น Voldaren...” Cordelia ตอบด้วยเสียงราบเรียบ

“ฉันเป็น Voldaren ยิ่งช่วยให้ฉันรู้จักเธอมากกว่าคนอื่นๆ ไงล่ะ!” Relio สวนกลับ “ถ้าเป็นสองร้อยปีก่อน ตระกูลเราคงไม่ไปยุ่มย่ามกับพวก Domnat-”

ส่งที่พ่นออกมาจากปากของ Relio เปลี่ยนจากการฟุ้งฝอยไร้สาระ ไปเป็นเลือดที่พุ่งออกมาแทน

เขาพยายามเอื้อมมือมาคว้า Cordelia ท่ามกลางเลือดที่ไหลทะลักเต็มเสื้อของเขาไปหมด, แต่ Cordelia กลับฉากหลบออกไป และปล่อยให้ร่างไร้วิญญาณของเขาทรุดลงกระแทกพื้นหินอ่อนขัดเงา

Henrika Domnathi หรือที่รู้จักกันในฉายา "ผู้เห็นใจปีศาจ" ยืนอยู่ด้านหลัง Relio, เถาวัลย์สีเลือดที่งอกออกมาจากมือของเธอ ถอนตัวออกมาจากร่างของ Relio มันส่งเลือดสีแดงฉานกลับไปเติมแก้วไวน์ของเธอ

ก่อนที่ Henrika จะส่งสายตาอันเย็นชาของเธอกลับมาจ้องที่ Cordelia... สิ่งที่ Cordelia ทำได้ ก็แค่เพียงหักห้ามใจไม่ให้วิ่งเตลิดไปเสียก่อน

“ชายผู้แสนน่าเบื่อ” Henrika พูดขึ้นมา “เขาเป็นเพื่อนของเธอเหรอ?”

“ม- ไม่ใช่ค่ะ ท่านหญิง Domnathi, ไม่ใช่เลย” Cordelia ตอบ

Henrika หญิงผู้ตกเป็นข่าวลือว่าเธอมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับจอมปีศาจ Griselbrand มาแล้ว ยิ้มมุมปากออกมา ก่อนจะเอ่ยต่อ “เยี่ยมเลย... ว่าแต่เธอคือ?”

“Cordelia -”

Stormkirk สินะ?” Henrika ขัดขึ้นมา, เธอมอง Cordelia ตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับแมวที่จดจ้องหนู “ฉันอยากจะถามอะไรนิดๆ หน่อยๆ เกี่ยวกับตระกูลของเธอมานานแล้วนะ... แต่ก็น่าแปลกที่ไม่มีใครในอยากจะตอบฉันเลย... นี่มันแย่จังเลยนะ”

 


Henrika Domnathi
 

ว่ากันว่าพวกอ่อนแอ พวกคนที่ไม่ตอบคำถามของ Henrika Domnathi นั้น... มักจะจบลงแบบไม่สวย

แต่ด้วยข่าวลือที่ส่งต่อกันมา ว่าตระกูล Domnathi นั้นเป็นสายตระกูลที่มักจะแลกเปลี่ยน และทำพันธะสัญญากับพวกปีศาจ เพื่อได้มาซึ่งพลังที่ Vampire ตนอื่นๆ ได้แค่วาดฝัน

มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Vampire ตระกูลอื่นๆ จะเกิดความหวาดหวั่นที่จะต้องพูดคุยกับพวก Domnathi

ยิ่งกับ Henrika ที่ว่ากันว่า เธอเองเคยเป็นอดีตคนรักของจอมปีศาจ Griselbrand ด้วยแล้ว...

 

[Griselbrand: คือจอมปีศาจระดับสูงของ Innistrad มันเคยปะทะกับ Avacyn นางฟ้าผู้พิทักษ์จนเธอพลาดท่า ถูกส่งเข้าไปถูกขังอยู่ในศิลา Helvault ที่กักเก็บสิ่งชั่วร้ายทั้งหมดใน Innistrad ไว้กับมัน]

[สุดท้ายแล้ว Griselbrand ถูกปลดปล่อยจาก Helvault โดย Lilliana Vess เพื่อสังหารมัน และปลดปล่อยตนเองจากสัญญาปีศาจที่ Lilliana เคยทำไว้กับ Griselbrand เอง]

 

มนุษย์ทาสรับใช้เดินเข้ามาลากร่างไร้วิญญาณของ Relio ออกไป

และเพียงพริบตาสมาธิของ Cordelia หลุดไป ความกลัวก็เข้าครอบงำจิตใจของเธอทันที

จริงอยู่ที่เธอเป็น Vampire... แต่ Relio ก็เป็น Vampire เหมือนกัน แล้วดูเขาตอนนี้สิ... Henrika ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถ้าเธออยากจะสังหารเธอเสียตร-

 

ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง

 

เสียงที่เคยอึกทึกในโถงกลางก็พลันเงียบลง ทุกสายตาจับจ้องไปยังแท่นพิธียกสูง

Olivia Voldaren มาปรากฏตัวแล้ว

เธอลอยลงมาจากแท่นพิธีนั่น ด้วยชุดเจ้าสาวสุดอลังการ ล้อมรอบไปด้วยบรรดาค้างคาว และผ้าคลุมไหล่สีเลือด

ทุกๆ แสงที่สาดส่องกระทบกับร่างของเธอ ต่างขับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยกันประสานมาเป็นชุดสุดวิจิตร

ไม่ว่าจะเป็นแสงแวววับที่จะกระทบกับเครื่องประดับทอง

ไม่ว่าจะเป็นแสงที่สะท้อนจากเขี้ยว

แม้แต่ผ้าคลุมสีเลือด ก็ยังถูกประกอบขึ้นจากวิญญาณผู้ตกเป็นเหยื่อของ Olivia

ตลอดเวลาที่ Cordelia ใช้ชีวิตอยู่... ถ้านับก็หลักหลายร้อยปี เธอไม่เคยเห็นคอปกชุดใด จะตั้งตระหง่านขึ้นมาสูงขนาดคอกปกของ Olivia มาก่อน

มันสูงพอๆ กับความสูงของเด็กแบเบาะคนหนึ่งเลย

 

แม้แต่ Henrika ยังส่งเสียง ฮืมม ออกมาในลำคอด้วยความประทับใจ ก่อนที่จะกอดคอ Cordelia และกระซิบข้างๆ หูเธอ

“แย่จังเลยนะ งานสังสรรค์เริ่มขึ้นเสียก่อน”

“ย- แย่จังเลยค่ะ”

และเสียงของ Olivia ก็ดังขึ้นขัดบทสนทนาของทั้งคู่

“ยินดีต้อนรับ แขกผู้มีเกียร์ติ และอริผู้เร้าร้อน ทั้งหลาย” เสียงสุดแสนจะเปี่ยมสุขของ Olivia ที่ไม่เคยจะตามมาด้วยเรื่องดีๆ เลยซักครั้ง “เราได้เจอฉากสังหารโหดสุดประทับใจกันแล้วเหรอเนี่ย... น่าสนุกดีจัง! พวกท่านๆ รู้มั้ย? ว่าฉันสุขใจแค่ไหน ที่มีพิธีบูชายัญเลือดในงานแต่งของตัวเองเนี่ยะ!... พูดถึงงานแต่ง เราก็ต้องมีเจ้าบ่าวสินะ”

Olivia ชูแก้วในมือ เป็นการส่งสัญญาณ

เหล่าทาสมากมายที่แต่วตัวหรูหรา ประดับประดาไปด้วยสัญญะแห่ง Avacyn ราวกับจะล้อเลียนกาลเวลาที่ผ่านมา

พวกมันแบกเอาโลงศพศิลาที่ตัดด้วยลวดลายวิจิตรสุดประณีตสีทองออกมา รัศมีของตระกูล Markov แผ่ออกมาอย่างรู้สึกได้

และเหล่าทาสก็ยกโลงนั่นขึ้นตั้งฉากกับพื้น

ทั้งห้องบอลรูมเงียบงันอย่างที่มันเคยเป็น

 

- แขกไม่ได้รับเชิญ -

 

Chandra Nalaar สาวผู้กล้า ท้าชนคนแรก

นั่นเป็นเรื่องปกติของ Chandra, เป็นสิ่งที่ไม่ต้องมีใครบอก เธอก็พร้อมบวก

แต่กับคืนนี้ มันไม่สำเร็จอย่างที่เธอหวัง

 

เมื่อเธอจะเดินผ่านยามเฝ้าประตูของตระกูล Voldaren แต่กลับถูก Teferi ห้ามเอาไว้เสียก่อน

นกน้อยที่บินผ่านทั้งคู่พุ่งไปยังประตูนั้น ก่อนที่มันจะโดนย่างสดด้วยพลังแห่งเวทย์มนต์ เหลือแค่เพียงเถ้าถ่าน...

“สงสัยรอบนี้บวกไม่ได้แฮะ” Chandra พูดขึ้น

Adeline หัวเราะร่วนออกมา ซึ่งนั่นก็คุ้มค่ากับมุขของ Chandra แล้ว เพราะ Chandra แทบจะไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของ Adeline มาพักใหญ่ๆ แล้ว

หลังจากเสียงหัวเราะจบลง พวกเธอก็มองไปยังยามทั้งสองตนที่เฝ้าประตูอยู่...

แน่นอนว่าการที่นกน้อยโดนย่างไป มันไม่ใช่ความผิดของพวกเขา... แต่พวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา

 

การเดินดุ่มๆ เข้าประตูหน้า เป็นความคิดของ Arlinn, เธอบอกว่า ถ้ามีเป็นแต่งงานจริง ทำไมผู้จัดถึงจะไม่อยากให้แขกเรื่อมากันเยอะๆ ล่ะ?

การที่พวกเธอจะจับกลุ่มเข้าร่วมงานไปพร้อมๆ กับ Sorin ที่มีจดหมายเชิญ พวกเธอก็อาจจะได้เข้างานในฐานะผู้ติดตามก็เป็นได้

แม้ว่า Chandra เองจะรู้สึกว่ามันเป็นความคิดที่ดูงี่เง่า เพราะใครมันจะไปบ้าเปิดบ้านให้ศัตรูคู่แค้น เดินเข้าบ้านตัวเองไปเต้นรำอยู่ข้างใน...

แต่ก็นั่นแหละนะ Sorin หนึ่งในคนที่รู้จัก Olivia ดีที่สุด ดันเห็นด้วยกับแผนนี้... พวกเขาเลยต้องมายืนเด๋อๆ อยู่ที่หน้าประตูรั้วนี่ไง

งั้นแผนใหม่ของ Chandra เลยละกัน... เผาประตูกับกำแพงเวทย์มนต์นี่ซะ ถ้ายามไม่หนีจากไฟของเธอ แต่เลือกจะเข้ามาจับกุม พวกเราก็พร้อมบวก

 


Chandra, Dressed to Kill
 

ช่วงเวลาไม่ลุยก็เละ มีอยู่เรื่อยๆ ที่ Innistrad การรวบรวมผู้คนไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ ถ้าพวกเขามีแผนรองรับมัน

และเมื่อมันเกี่ยวกับการถล่มงานแต่งของ Vampire ก็กลายเป็นเรื่องง่ายที่จะหาแนวร่วม จากผู้อึดอัดใจทั้งหลายแหล่

Chandra เข้าใจเรื่องนั้นดี

เหล่าทหารศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนหลังม้า ที่รอจังหวะเข้าโจมตี, นักพรตแห่ง Sigarda ที่สวดขอพรปกป้องเหล่าชาวเมือง ที่พร้อมจะเข้าร่วมแผนในครั้งนี้ แผนล้มงานแต่งง่ายๆ บุกเข้างาน เอากุญแจ Moonsilver ออกมา แล้วชิ่ง...

แต่แผนง่ายๆ ที่วางกันไว้ กลับกลายเป็นเรื่องยุ่งยากทันที ที่ Chandra มองดูเพื่อนๆ ร่วมก๊วนของเธอ

โดยเฉพาะใบหน้าของ Sorin เขาทำหน้าหงุดหงิดรางกับต้องกินเลือดต้ม แทนที่จะเป็นเลือดสดๆ แม้ว่าในเวลาปกติ Chandra จะรู้สึกว่าเขาหน้าบูดมากๆ อยู่แล้ว แต่เธอก็ไม่เคยคิดว่า Sorin จะทำหน้าบูดได้มากกว่าเดิมไปอีกขั้น

 

”ห้ามเข้าโดยไม่มีจดหมายเชิญ” ยามทั้งสองตนพูดขึ้นพร้อมๆ กัน, Olivia คงจะคัด Vampire สองตัวที่มีความสามารถในการพูดพร้อมๆ กันแน่ๆ เพราะไม่เพียงแค่ทั้งคู่จะพูดได้พร้อมกัน แต่เสียงยังดังกังวานดีอีกด้วย

“ก็พวกเรามากับเขาไง” Arlinn เอ่ยขึ้น ในชุดที่แสนจะดูดี อันที่จริง Arlinn แต่งตัวได้ดีเสมอๆ เธอมีทักษะในการเลือกชุด ในตอนนี้ เธอมากับเสื้อนอกแขนกุดแบบ Jerkin สีเลือดวัว, คอเสื้อตกแต่งด้วยลวดลายก้านไม้สีขาว, แขนเสื้อสีแดง ตัดกับสีขาว, ผ้าคลุมไหล่ขนสัตว์ก็ช่วยขับให้เธอดูแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก มันราวกับว่า คุณได้เจอกับคุณป้าคนโปรดของคุณในงานสังสรรค์

“และเขาก็มีจดหมายเชิญ”

 

“หนึ่งคน ต่อหนึ่งบัตรเชิญ” ยามทั้งสองคนพูดพ้องเสียงกันเช่นเดิม

“มันไม่ประหลาดไปหน่อยเหรอ?” Chandra พูดขึ้น “แบบ ผู้ติดตามอีกซักคนก็ไม่ได้เหรอ?”

“พวกคุณปล่อยให้คนเข้าไปได้อีกเยอะแยะน่า” Kaya เสริม พลางชี้ไปที่ประตูที่เต็มไปด้วยลวดลายทอง “ยังไงของชำร่วยก็เหลือแจก เชื่อฉันสิ”

“ถ้าอยากจะให้ทั้ง Innistrad ต้องเคารพท่านหญิง (Olivia) แล้วล่ะก็ พวกนายไม่ควรจะปล่อยแค่ Vampire เข้าร่วมงานสิ” Arlinn เสริม

“มันเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี” Teferi พูดต่อ

“หนึ่งคน ต่อหนึ่งบัตรเชิญ”

 

Chandra อยากจะกรี๊ดออกมา ถ้าไม่ให้เข้าก็ตะลุยเข้าไปสิ!

แต่... เวทย์มนต์ที่ล้มรอบทั้งพื้นที่ของตระกูล Voldaren คือเหตุผลที่ Chandra ทำแบบนั้นไม่ได้

เหล่าแม่มดจาก Coven ก็ไม่สามารถทำลายมนต์ป้องกันนั้นลงได้

เหล่านักพรตแห่ง Sigarda ก็ไม่สามารถปัดเป่ามนต์นั้นได้เช่นกัน

ยังไม่รวมเหล่า Vampire ตัวอื่นๆ ที่เฝ้าระวังอยู่บนหอคอยระวังภัย หรือพวกทาสผีดิบอื่นๆ ที่ไม่รู้ว่ามันหิวโหยแค่ไหน? แม้ว่าทั้ง Arlinn และ Adeline จะรวบรวมสมัครพรรคพวกมาได้พอควร... แต่ไม่น่ามีใครจะพร้อมมาเป็นเหยื่อให้ Vampire เล่นๆ แน่นอน

แม้ Chandra จะอยากบวกแค่ไหน แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ถ้าเธอยังจะดึงดันเข้าโจมตี เหตุการณ์ครั้งนี้ มีหวังจบลงเหมือนงาน Harvesttide แน่ๆ...

 

จบลงด้วยการสังหารหมู่

 

การสังหารหมู่ที่ทำให้ Chandra เกิดเป็นแผลเป็นในใจ มันไม่มีทางจะลบเลือนไปไหนได้ในเร็ววัน

ภาพของร่างไร้วิญญาณที่นอนเกลื่อนกลาด ท่ามกลางแสงสีส้มของอาทิตย์อัสดง, เลือดแดงฉาน ราวกับไวน์องุ่นซึมผ่านไปยังเสื้อผ้าสำหรับเทศกาล ที่พวกเขาทั้งหลายทุ่มเวลาตัดเย็บมันขึ้นมา

การแต่งกายล้อเลียนพวก Vampire และ มนุษย์หมาป่า ที่เปรียบเหมือนการท้าทายอำนาจ แต่กลับจบลงด้วยร่างที่แหลกเหลวของพวกเขาแทน...

แม้สงคราม จะตามมาด้วยความสูญเสีย แต่ผู้คนเหล่านั้น ล้วนแต่เป็นผู้บริสุทธิ์... บ้างยังไม่ทันจะพ้นช่วงวัยรุ่นเลยด้วยซ้ำ

 


Storm the Festival

 

และสิ่งเหล่านั้น ทำให้ Chandra ไม่อาจทำตัวมุทะลุได้เช่นเดิม

ราวกับ Adeline จะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของ Chandra

เธอเอื้อมมือมาจับไหล่ของ Chandra เพื่อหวังจะปลอบประโลม กลิ่นบางๆ ของเกราะหนังช่วยบอกให้รู้ว่า Adeline อยู่ตรงนี้ รวมถึงกลิ่นหอมๆ ของตัวเธอเอง

“ความอดทนจะตอบแทนผู้ตั้งมั่น” Adeline พูดขึ้น “แม้ฉันจะเข้าใจดี... ว่าบางครั้งมันก็ยากที่จะเป็นผู้ตั้งมั่น”

“น่าสนใจจัง” Chandra หวังจะปรับอารมณ์ของวงให้ดีขึ้น “แต่ก็แย่จังเลยนะ เราสองคนแต่งสวยมาเต็มสูบ แต่ดันได้มายืนเฉยๆ หน้าประตูงานซะงั้น, ไหนบอกว่าจะมีงานปาร์ตี้ไงเล่า?”

“งานปาร์ตี้? เธอสนแค่นั้นรึไง?” เสียงทุ้มต่ำของ Sorin ดังขึ้นมา

Chandra รู้สึกดีที่อย่างน้อยๆ เขาก็สนใจโลกภายนอก แต่ก็ยังหงุดหงิดที่ตาปู่ลุงคนนี้ไม่ทันมุขของเธอ

“ฉันไม่ได้หมายถึงว่ามันเป็นแค่ปาร์ตี้เฉยๆ หรอกนะ” Chandra ตอบ “ฉันกำลังยิงมุขอยู่หรอก”

“ข้ามั่นใจว่าเจ้าแค่มองหาเรื่องสนุกทำเท่านั้นแหละ Nalaar, แต่จะบอกให้รู้ไว้เลย นี่มันเรื่องของผู้ใหญ่” Sorin สวนกลับ

“ผู้ใหญ่บางคนก็หาเรื่องสนุกทำได้เหมือนกันนะ” Teferi ตอบChandra เธอพิสูจน์ตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าเธอมีวุฒิภาวะมากพอ มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เธอจะหาจังหวะสอดแทรกอารมณ์ขัน”

“ที่สำคัญ นี่ไม่ใช่บ้านของเธอด้วยซ้ำ เธอแค่ไม่ตามมาที่นี่ หรือกลับไปตั้งแต่จบเรื่องที่ Harvesttide เลยก็ได้... แต่เธอก็ยังอยู่กับเรา”

Sorin ที่หน้านิ่วคิ้วขมวด ก้มลงมองจดหมายเชิญในมือของเขา ภาพนั้นมันทำให้ Chandra นึกถึงรูปถ่ายของคนโบราณที่ชอบขมวดคิ้วใส่กล้อง มันอดทำให้เธอหัวเราะไม่ได้

แต่เธอก็ยังมีสติพอที่จะหยุดมันได้ทัน ไม่งั้นปู่ลุง Sorin ได้หันมาตวาดเธอแล้วเรื่องจะยิ่งไปกันใหญ่... และเธอก็ไม่อาจทำความเข้าใจสิ่งที่ Sorin ต้องแบกรับไว้

“คุณคนเดียวไหวมั้ย?” Arlinn ถาม Sorin

“ฉันแอบตามไปได้นะ” Kaya เสริม

ทันทีที่ Chandra ได้ยินประโยคนั้น เธอก็จะหลุดขำอีกครั้ง

เมื่อเธอนึกภาพผีน้อย Kaya บินตามผีดูดเลือดหน้าบูด Sorin

แต่ Chandra ก็รู้ว่าแผนนี้ไม่มีทางได้ผล เพราะ Kaya ไม่ได้เป็นผีจริงๆ จะทำได้มากที่สุดก็แค่แปลงตัวเองให้กลายเป็นร่างไร้สสาร แล้วก็สิงร่าง Sorin ไป ก่อนที่เจ้าของร่างจะส่ายหน้าไปมา

“ข้าอยู่คนเดียวมาหลายศตวรรษ” Sorin ตอบ “ครั้งนี้มันก็ไม่ต่างจากเดิมหรอก”

Chandra อยากจะถาม Sorin เหลือเกินว่าสิ่งที่เขาพูดมา เขาเชื่อมันจริงๆ เหรอ?

เพราะที่เธอเห็น เขาน่าจะรู้จักกับคนมากมายที่คฤหาสน์นั่น... มันน่าจะมีซักคนสองคนที่ Sorin รู้สึกชื่อชอบอยู่บ้างสิน่า

แต่ Sorin ก็เดินผ่านยามสองตนนั้น เข้าไปยังปราสาทอย่างโดดเดี่ยว

 

- ก้าวแล้ว ก้าวเล่า -

 

Sorin เลือกที่จะเดินเพียงลำพัง

แต่ยามทั้งสองตนเมื่อครู่กลับเดินตามเขามาด้วย มันคงเป็นหน้าที่รับส่งแขก และรักษาความปลอดภัยที่ Olivia จัดการ

ทันทีที่ทั้งยามสองตนออกเดิน ค้างคาวส่งสาสน์ก็บินออกไป เพื่อเรียกหายามคนอื่นเข้ามาแทนที่

 

ทุกย่างก้าวของ Sorin จะมีเสียงฝีเท้าของยามทั้งสองตามมาเสมอ ทั้งๆ ที่เหล่า Vampire มีความสามารถที่จะเคลื่อนที่อย่างเงียบเชียบ ไร้เสียงฝีเท้า แต่พวกเขาก็เลือกที่จะเดินตามปกติกัน

ก่อนที่จะมีเสียงตะโกนออกมา

“คุณไม่ได้แต่งตัวตามธีมงาน” Sorin ไม่รู้ว่าชายคนนั้นเป็นใคร และก็ไม่ใส่ใจจะอยากรู้ด้วย “เขาก็บอกสีในจดหมายเชิญแล้วนี่”

หอคอยที่ลอยท้าแรงโน้มถ่วง ล้อมรอบปราสาทของ Voldaren ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหาชายหาดที่คลื่นทะเลคอยกระทบฝั่งราวกับมันไม่สนใจเรื่องราวชั่วร้ายทั้งหลายที่กำลังเกิดขึ้นที่นี่

Sorin ไม่ได้ตอบไป

เขายังคงก้าวตรงเข้าไปสู่ปราสาท ที่ประดับประดาไปด้วยสัญลักษณ์ของของตระกูล Voldaren จนเกินพอดี

มันทำให้ Sorin รู้สึกได้ว่า ถ้าอัตตาเพียงอย่างเดียวจะทำให้คนครองโลกได้ Olivia คงจะครอง Innistrad ไปเรียบร้อยแล้ว...

แต่มันกลายมาเป็นคืนนี้ ที่เธอจะครอง Innistrad

 

Vampire สาวที่ประตูหน้ามองยัง Sorin ด้วยใบหน้าเหยียดๆ ราวกับเครื่องแต่งกายของเขาในตอนนี้มันไม่เหมาะสมกับงาน เพียงเพราะมันมีเพียงแค่สีเทากับดำ

ถ้าปกติแล้ว Sorin คงไม่ปล่อยให้ Vampire ตัวอื่นๆ มาจู้จี้เรื่องการแต่งกายของเขา เพราะเขารู้ดีว่าควรจะแต่งกายแบบไหน

“บัตรเชิญ?”

Sorin ส่งจดหมายเชิญให้ Vampire สาวตนนั้น, เขามั่นใจว่าเธอรู้ว่าเขาเป็นใคร... อันที่จริง ใครๆ ใน Innistrad ก็รู้ว่าเขาเป็นใคร เขาเดาว่าคงเป็นคำสั่งของ Olivia ที่บอกให้เธอแสดงสีหน้าท่าทางแบบนี้กับเขา

“เข้าไปได้” เธอตอบเขาด้วยเสียงห้วนๆ

ถ้าเป็น Sorin ครั้งยังเป็นวัยรุ่น เขาคงจัดการ Vampire ตัวนี้ไปแล้ว...

ตอนนี้ไม่เพียงเขามีวุฒิภาวะเพิ่มขึ้น แต่เขาเหนื่อยหน่ายกับเรื่องราววุ่นวายเหล่านี้แล้ว... ยิ่งมันจบลงเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี

 

บานประตูถูกเปิดออก เหล่านักดนตรีทาสที่เล่นอยู่ข้างๆ บ่อน้ำพุเลือด ส่งเสียงดนตรีเข้าโอบล้อมต้อนรับ Sorin ทันที แสงจันทร์ที่ส่องผ่านกระจกสีเขียว เปลี่ยนให้บรรยากาศภายในน่าขนลุกยิ่งขึ้นไม่อีก

แต่เสียงดนตรีที่บรรเลงก็ถูกขัดโดยความหิวกระหายของ Vampire ตัวหนึ่ง ที่ดอดเข้ามาปาดคอเพื่อหวังเลือดสดๆ

แขกบางคนก็ไม่น่านับว่าเป็นอารยชน การปล่อยให้ความใคร่ส่วนตัวเข้าครอบงำจนไร้สติแบบนี้ มันเลวร้ายยิ่งกว่าพวกมนุษย์ที่พวก Vampire ชอบเหยียดหยามเสียอีก

ซึ่ง... มันก็เป็นแบบนี้มาตลอดหลายพันปีแล้ว

 

Sorin? นั้นใช่ Sorin Markov รึเปล่าน่ะ?”

เสียงที่เรียกชื่อของเขาดังขึ้นมา แต่ Sorin ก็ยังคงก้าวเท้าต่อไป

ก้าวเข้าสู่โถงทางเดินของปราสาท Voldaren ที่เสมือนจะออกแบบมาให้สับสน

มันออกแบบตามความปรารถนาของ Olivia, ปล่อยให้แขกเมามาย และบอกแบบอ้อมๆ ว่าอย่าเดินออกนอกเส้นทาง ซึ่งไอ้พวกขี้เมาทั้งหลาย ยังไงมันก็จะเดินสำรวจปราสาทอยู่แล้ว

ก่อนที่การหลงทาง จะกลายเป็นหายตัวไปตลอดกาล

ว่ากันว่า ในโถงทางเดินของปราสาทนี้ มีผีสิงอยู่มากกว่าหน้าหนังสือในห้องสมุดของ Olivia เองเสียอีก

แน่นอนว่า Sorin รู้ดี... เขาเข้าใจวิธีคิดของ Olivia มาตั้งแต่ตอนที่โดนผนึกอยู่ในศิลาแล้ว

มันคือช่วงเวลาที่ Olivia ได้เผยธาตุแท้, เธอเองต้องการอำนาจใน Innistrad และสำหรับคนที่ทะเยอทะยานเช่นเธอแล้ว การแต่งงานเพียงเพื่อหวังผลทางการเมือง และรวบอำนาจไม่ใช่เรื่องที่จะคาดคิดไม่ถึง

การแต่งงานทางการเมืองนั้น ถ้าจะทำเพื่ออำนาจ ตัวเลือกของ Olivia ก็เหลือไม่มาก

  • Henrika ผู้นำตระกูล Domnathi นั้นก็คลั่งใคล้เรื่องการแก้แค้น มากกว่าการจะไขว่ขว้าอำนาจ
  • ตระกูล Falkenrath ก็ไม่มีผู้เหมาะสม
  • Runo จากตระกูล Stromkirk ก็เข้าลัทธิบูชาเทพแห่งท้องทะเลเสียดีกว่า จะออกมาคว้าอำนาจทางการเมือง
  • และมันก็เหลือแค่เขา... Sorin จากตระกูล Markov... ผู้ที่เกลียดเธอเข้าไส้... กับอีกหนึ่งตัวเลือก... ปู่ของเขาเอง Edgar Markov

ทำไม... ทำไมเขาถึงตีเบาะแสข้อนี้ไม่แตก?

 


Runo Stromkirk
 

ยิ่ง Sorin เดินลึกเข้าไปยังห้องบอลรูม ผู้คนก็มากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ทว่า เหล่าทาสก็ไม่กล้าสบตาเขา, ส่วนพวกที่เลือกจะมอง ส่วนใหญ่ก็เป็นพวก Vampire ที่ถูกเนรเทศไปแล้ว, ราวกับว่าการมองไปที่ Sorin Markov คือเรื่องผิดผี ผิดประเพณี หรือไม่ก็จ้องไปแล้วจะทำให้อายุสั้นลง

“นั่นมันคนที่ติดอยู่ในหินนี่” เสียงนินทาดังแว่วมา “กระจอกชะมัด” “ไม่ใช่ว่าปากเขาเหมือนปลิงหรอกเหรอ?”

คำติฉินนินทาที่ Sorin ด้านชากับมันไปแล้ว เขายังมุ่งหน้าไปยังห้องบอลรูมเช่นเดิม

“เขาหล่อดีนะ... แต่ไม่น่าโง่เลย” เสียงหัวเราคิกคักตามมาจากคำนินทาเหล่านั้น

เสียงแก้วกระทบกัน และฝีเท้าของยามสองคนที่ยังคนเดินตาม Sorin มา คลอไปเสียงดนตรีจากห้องบอลรูม และกลีบดอกไม้เลือดที่ล่องลอยไปมา

Sorin คิดถึงสิ่งที่เขาต้องเสียสละ เพื่อให้ Vampire หน้าโง่พวกนี้ได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย... และมันทำให้เขาหงุดหงิดแทบบ้า

เขาเดินต่อไปจนถึงห้องบอลรูม, มันกว้างเสียจนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่ามันอยู่ภายในโครงสร้างของปราสาทที่ดูเพรียวๆ แบบนี้ได้อย่างไร

แสงจันทร์เพียงอย่างเดียว ไม่อาจส่องแสงให้ทั้งห้องสว่างได้เพียงพอ แต่ก็มีแสงสีเหลืองแซมเขียว จากไฟเวทย์มนต์เข้ามาช่วยเสริม

นักเต้น, นักดวล, ตัวป่วน หรือพวกขี้เกียจตัวเป็นขน ต่างเข้ามาร่วมงานนี้จนแน่นขนัด มีพื้นที่เว้นว่างไว้ให้น้ำพุเลือด และเหล่าทาสที่ถูกล่ามโซ่ไว้ คอยเดินเสนอเครื่องดื่ม ที่อาจจะช่วยให้สดชื่นได้ มากกว่าเลือดในแก้ว ให้กับแขกเหรื่อ

 

ผู้ประกาศที่ประตูเป่าแตรออกมา ก่อนที่จะตะโกนเสียงดังลั่นห้อง

“ขอเชิญทุกท่านพบกับ แขกผู้มีเกียรติ และเรา เต็มใจต้อนรับ Sorin Markov”

ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ Sorin อยากจะฆ่าใครซักคน

แต่เขารู้ดีว่า ถ้าเกิดพลั้งมือไปตอนนี้, แค่ Olivia เอ่ยคำสั่งออกมา ฝูง Vampire กระหายทั้งหลายก็พร้อมจเข้ารุมทึ้งเขาทันที

และในช่วงเวลานั้น เวทย์มนต์เลือด (Sangromancy) ที่เขามีมันคงช่วยยื้อเวลาได้ไม่กี่วินาที ส่วนชุดรอโจมตีของ Arlinn ก็คงได้รอซุ่มโจมตีไปตลอดกาล

Sorin จึงทำได้เพียงเดินต่อไป สายตามากมายจับจ้องมาที่เขา ราวกับถูกมีดกรีดไปตามผิวหนัง

แต่นั้นยังไม่เลวร้ายเท่าภาพที่เขาเห็นตรงแท่นพิธี

หัวใจเขาแทบเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อสิ่งที่อยู่บนนั้น คือโลงศพของปู่ของเขา... เคียงข้างอยู่กับหญิงในผ้าคลุมวิญญาณสีเลือด, Olivia Voldaren

 


Edgar Markov's Coffin
 

ความเงียบงันเข้าครอบคลุมทั้งห้องบอลรูมอีกครั้ง... และรอยยิ้มของ Olivia ที่ส่งผ่านห้องขนาดใหญ่มาถึง Sorin

“Sorin สุดที่รักOlivia พูด โล่งใจจังเลย นายมาทันเวลาพอดีเลยนะ”

เขาขมวดคิ้ว ปัดผ้าคลุมไปด้านหลัง และก้าวไปยังโลงศพของปู่ของเขา

“เป็นเกียรติอย่างมากเลยล่ะ OliviaSorin ตอบ “จัดเต็มเลยสินะงานนี้”

“แล้วทำไมต้องกั๊กล่ะ? นี่คืองานที่ควรค่ากับการใส่ใจทุกรายละเอียดไม่ใช่หรือไง? ฉันอยากให้ปู่ของนายตื่นมาเจอสิ่งที่ดีที่สุดไงล่ะ”

Sorin กำหมัดของเขาแน่น กัดกรามแล้วก้าวเข้าไปหา

Olivia ดีดนิ้วของเธอ หนึ่งในทาสรับใช้ส่งมีดที่สลักลายอย่าสวยงามมาให้

“ไม่เชื่อก็คงต้องถามเขาเองแล้วล่ะ” Olivia พูดต่อ “รอไม่นานหรอกนะ”

“นี่มันเรื่องบ้าบอชัดๆ” Sorin ตะโกนขึ้น

“เรื่องบ้าๆ งั้นเหรอ? โถ... พ่อหนุ่มน้อย นี่คือเรื่องฉลาดที่สุดที่ฉันเคยทำต่างหากล่ะ” เธอตอบ

Olivia จับมีดในมือของเธอ ทุกสายตาของผู้ร่วมงานจับจ้องไปที่เธอ

เธอลากมีดเล่มนั้นไปตามแขน ก่อนที่เลือดสดๆ สีแดงเข้มราวกับราตรี จะหยดลงไปบนฝาโลงของ Edgar

โคมระย้าสีแดงเบื้อบน, พรมสีแดงด้นทองเบื้องล่าง, หญิงในชุดแต่งงานผ้าคลุมสีแดง และเลือดสีชาด ที่หยดไปบนโลงหินสีขาว

เลือดทุกหยด ทำให้ Sorin โกรธเกรี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ

ยายผู้หญิงที่น่ารังเกียจคนนี้ ใช้เลือดของเธอมาหยามเกียรติตระกูลของเขา...

นั่นคือปู่ของเขา ผู้สร้างทุกอย่างให้พวก Vampire มีชีวิตอยู่ในทุกวันนี้ กำลังจะกลายไปเป็นเพียงเครื่องมือทางการเมืองให้หญิงร้าย

 

Sorin รู้ดีว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น เมื่อเลือดอันแปดเปื้อนนั้น เริ่มไหลไปตามร่องสลักบนโลงหิน

ร่องสลักที่จะปล่อยเลือดนั้นไปที่ริมฝีปากของผู้ที่หลับไหลอยู่ภายใน... การกระตุ้นให้ Edgar ตื่นขึ้นมาด้วยเลือด จะปลุกทุกประสาทการรับรู้ของเขา และความทรงจำจากเลือดของ Olivia จะหลอมรวมเข้ากับเขา

 

ทุกครั้งที่ Sorin จะปลุกปู่ของเขาขึ้นมา เขาจะรอเวลา... รอจนกว่าความวุ่นวาย และความหวั่นไหวในอารมณ์ของเขาสงบลง, ผ่านการฝึกจิตใจเพื่อให้คงไว้เพียงสิ่งสวยงามที่จะส่งผ่านความทรงจำดีๆ ไปถึงปู่ เพื่อให้ท่านตื่นขึ้นมาด้วยความสบายมากที่สุด

แต่ตอนนี้ ปู่ของเขากำลังจะถูกปลุกขึ้นมาโดยเลือดของหญิงชั่ว ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยาน และอารมณ์ที่พุ่งพล่าน

 


Sorin the Mirthless
 

มันอาจจะเป็นความคิดของเด็กน้อย... ความคิดที่ไร้วุฒิภาวะกว่าที่ Sorin เคยมีมา และจะจดจำได้

แต่เสียงที่ก้องออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจของเขาก็ยังกังวาน

เขาไม่อยากสูญเสียปู่ของเขา... ไม่อยากให้ท่านต้องเจ็บปวด...

ตลอดอายุของเขา ทั่วทุกดวงดาวที่เคยไป... ไม่มีใครรู้จักตัวเขาดีไปกว่าปู่ของเขาอีกแล้ว... ตั้งแต่วัยเด็กไปจนการได้รับ Spark, ช่วงเวลาที่ตกต่ำ, หรือขึ้นสู่จุดสูงสุดในชีวิต

ไม่มีใครจำสิ่งเหล่านั้นได้อีกแล้ว... ไม่มีใครอายุยืนยาวมากพอ

 

ความจริงเหล่านี้เปรียบเป็นดั่งประกายไฟ มันจุดเผาความเกรี้ยวกราดที่เป็นเชื้อเพลิง, มันระเบิดทำลายเหตุและผลทั้งหมดที่เขามี

Sorin พุ่งเข้าโจมตีทันที

แต่ยาม 4 คนก็เข้ามาขวางด้วยหอก 4 เล่มที่ไขว้กันไปมา

แต่มันก็เหมือนหนูที่คิดจะขวางทางแมว Sorin กระโจนเข้าโจมตี หนึ่งในนั้นถูกกระชากคอก่อนที่อีกสองคนที่ล้มไปจะถึงพื้นเสียอีก

ร่างของยามสองคนแน่นิ่งไปจากเวทย์แห่งเลือดของ Sorin และนั่นก็เป็นจังหวะที่ Sorin จะกระโจนเข้าถึงตัว Olivia

แต่เขาลืมยามไปอีกหนึ่งคน

โซ่เส้นใหญ่รัดคอ Sorin จนเขาเสียหลัก เหมือนกับหมาที่โดนล่ามโซ่ติดกับหมุด... เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น เขาก็จะหยุด Olivia ได้แล้ว...

แต่แล้ว เขาก็โดนยามกระซากโซ่กลับ ลากจนเขาล้มลงกับพื้น

เขาทำได้เพียงคำรามในลำคอ... สายตาจ้องเขม็งไปที่โลงศพ... เลือด และรอยยิ้มของ Olivia

อีก... แค่... ก้าวเดียว...

ยามอีกคนเอาโซ่เงินเข้ามารัดตัวของ Sorin ไว้ เขาพยายามจะดันตัวไปข้างหน้า

แต่ยามคนที่ 3 - 4 และเกินจะนับได้ เวทย์ของ Sorin ไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ทัน

สิ่งที่ Sorin ทำได้ในตอนนี้คือ... มองดูอย่างไร้ทางต่อต้าน

 

ฝาโลงเลื่อนเปิดออก ร่างของ Edgar ลุกออกมา เขาไม่สนใจแขกเหรื่อมากมาย หรือแม้แต่หลานชายของเขาที่ถูกตรึงอยู่กับพื้น... ในสายตาของเขามีแค่ Olivia Voldaren

Edgar ส่งยิ้มให้กับเธอ

มันเป็นรอยยิ้มที่ Sorin ไม่เคยเห็นจากปู่ของเขามาก่อน... การแสยะยิ้มที่เต็มไปด้วยความกระหายของสัตว์ป่า แต่มันเป็นรอยยิ้มที่จริงใจ... บริสุทธิ์... เหมือนกับเด็กน้อย

“ท่านสภาพบุรุษ และสุภาพสตรี... Sorin ด้วย” Olivia ประกาศก้อง “เชิญทุกท่านพบกับชายผู้แสนสมบูรณ์แบบ รูปงาม และคู่หมั้นของฉัน... ท่านลอร์ด Edgar Markov

ปู่ Edgar คว้ามือของ Olivia มา เพื่อดื่มเลือดจากข้อมือของเธอเป็นอาหารมื้อแรก

หลังจากอิ่มอร่อยด้วยเลือดของเธอ Edgar ก็เช็ดหน้าด้วยผ้าเช็ดปากจากเลือดที่กระเซ็นเมื่อครู่ และเขาก็หันไปมองบรรดาแขกที่ร่วมงานได้อีกครั้ง

“คุณปู่!” Sorin ตะโกนออกมา “ปู่ครับ, ยายนั่นกำลังควบคุมปู่อยู่น-”

แต่แล้ว ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยร้อยยิ้มของ Edgar ก็เปลี่ยนไปเป็นความสงสาร ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาว่า Sorin พอเถอะนะ หลานกำลังทำให้งานแต่งกร่อย”

“งาน...แต่ง” Sorin ทำได้แค่พูดซ้ำ เขาไม่เหลือคำใดจะพูดออกมา... ไม่เหลือแม้แต่ความหวัง... ความหวังที่เคยคิดว่าปู่ของเขาจะต้านทานมนต์สเสน่ห์ของ Olivia ได้

แต่มันก็ไม่มีทีท่าว่าปู่ของเขาจะได้สติกลับคืนมาแม้แต่น้อย

และ Olivia ก็ดีดนิ้วของเธอ เหล่าทาสที่ไม่รู้ว่าซ่อนตัวอยู่ตรงไหน ต่างก็กรูออกมาพร้อมด้วยเสื้อฟ้า จัดแจงแต่งตัว Edgar ให้อยู่ในชุดเจ้าบ่าว

Sorin เริ่มรู้สึกได้ว่า โซ่ที่รัดคอเขาเริ่มคลายตัวลง... มันเป็นจังหวะที่จะพุ่งโจมตีอีกได้ครั้ง

แต่เขาก็ไม่สามารถรวบรวมพลังได้เลย... แม้ในขณะที่ Olivia จะคล้องแขนกับปู่ของเขา... แม้สายตาของผู้คนมากมายจะมองเขาด้วยความสมเพชก็ตาม

“ทำไมทำหน้าเศร้าแบบนั้นล่ะ? ไม่ใช่นายคนเดียวที่เป็นญาติเจ้าบ่าวซักหน่อย” Olivia พูดกับ Sorin ที่ถูกหยามเกียรติอยู่ จนเขาไม่คิดจะตอบโต้เธออีก

 


Edgar, Charmed Groom

 

แต่สิ่งที่ Olivia พูดก็เป็นความจริง... ตระกูล Markov สืบเชื้อสายกันมาหลายรุ่น และมันก็เป็นไปไม่ได้เลย ที่โลงศพของทุกๆ คน จะได้เก็บรักษาไว้ที่คฤหาสน์ Markov...

Vampire ตระกูล Markov หลายๆ คน ได้แยกออกไปอยู่ด้วยตัวเอง... และนั่นก็คือเป้าหมายของ Olivia

 

เธอแอบแวะไปปลุก Vampire ตระกูล Markov ราวกับผึ้งงานที่เก็บเกี่ยวน้ำหวาน, แม้ว่า Edgar จะเป็นสามีในอนาคต แต่เหมือน Olivia ก็ไม่ปล่อยให้ Sorin คลาดสายตา

จนมันทำให้ Sorin อดสงสัยไม่ได้ ว่าแท้จริงแล้ว Olivia รู้อะไรมากแค่ไหน?

เพราะบรรดาแขกจากตระกูล Markov ที่เธอคัดสรรมา มันต่างเป็นญาติผู้ใหญ่ที่ Sorin เหม็นหน้าทั้งนั้น... แม้มันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ยากจะคาดเดา เพราะ Sorin ก็แทบจะไม่นับญาติกับคนในวงศาคณาญาติของตัวเองอยู่แล้ว

 

และแล้ว บรรดาแขกผู้มีเกียรติจากตระกูล Markov ก็พลันปรากฏตัว

Sorin ทำได้แค่เบือนหน้าหนี

บรรดาญาติๆ เดินผ่าน Sorin หลานชายของพวกเขาที่ถูกตรึงไว้กับพื้น ก้มลงหอมแก้มของเขา และจากไปโดยไร้คำพูดใดๆ

เพราะนี่มันคืองานแต่ง... และบรรดาญาติๆ ก็รู้ดีว่า การเอ่ยปากพูดคุยกับ Sorin หลานชายหัวดื้อคนนี้... มันจะทำลายบรรยากาศ แม้ครั้งยังอยู่ที่ คฤหาสน์ Markov

 

 

 

Magic Story By K. Arsenault Rivera