- เปิดเกมบุก -
แสงสาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกสีที่แตกกระจายของปราสาท Voldaren, เวทย์ม่านพลังที่ขัดขวางผู้ไม่ได้รับเชิญถูกทำลายลง
อากาศในเมือง Stensia พลันปลอดโปร่งเป็นครั้งแรกในรอบเดือน
คืนนี้ พวกเขาจะสู้สุดใจ ฝ่าฟันกรงเล็บ และคมเขี้ยว เพื่อเอาดวงตะวันของพวกเขากลับคืนมา
เมื่อแสงสีทองสาดส่อง, Arlinn ไม่มีคำสั่งอื่นใด นอกจาก “บุก!”
แต่คำสั่งนั้น ก็ช้ากว่าเหล่าผู้ร่วมทัพ พวกเขาทะยานออกไปก่อนที่คำสั่งนั้นจะสิ้นเสียง
ดาบศักดิ์สิทธิ์ชูขึ้นฟ้า ม้าศึกของ Adeline ทะยานนำหน้า Chandra นั่งซ้อนท้ายไปด้วยกัน
Teferi ใช้เวทย์มนต์ของเขาเร่งฝีเท้าของทหารรอบๆ ตัว
ทหารยาม Vampire ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่อาจต้านทานกองกำลังที่รอโอกาสทองเช่นนี้ ไม่มีใครเห็นว่าชะตาของพวกเขาจบลงอย่างไร มีเพียงกลิ่นเลือดที่บอก Arlinn ว่าพวกทหารยามได้จบชีวิตลงแล้ว
ประสาทสัมผัสของ Arlinn ตื่นตัวเต็มที่, เธอมองเห็นผ่านซี่เหล็กของรั้ว, ทางเดินเท้าแคบๆ ที่คดเคี้ยวไปสู่ความมืดมิด สู่ปราสาทที่ตั้งตระหง่าน
มันคงไม่มีอะไรเหลือเป็นชิ้นดีหลังจากคืนนี้จบลง
ความคิดนี้ ชวน Arlinn ย้อนไปถึงสิ่งที่แม่ของเธอ เคยพูดถึงบ่อยๆ
ไม่ว่าพายที่เห็น มันจะน่ากินซักเพียงไหน แต่ถ้าใส้ของมันคือปลา, มันก็จะเป็นพายที่เหม็นคาวจนกินไม่ได้...
ไม่ต่างจากพวก Vampire มันสัมผัสกับอะไร มันก็จะทิ้งกลิ่นคาวเลือดเอาไว้
Kaya เดินเข้ามาแตะไหล่ของ Arlinn ดึงให้เธอกลับมาอยู่กับปัจจุบัน “เราก็ลุยกันเถอะ” Kaya พูด “เดี๋ยวคำว่าเรา จะเหลือจำนวนให้นับน้อยไปกว่านี้”
ใช่... การคิดไปว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่หวัง แต่ไม่ลงมือทำมันคงไม่เป็นจริง, และสิ่งที่ Kaya พูดก็มักจะเป็นเรื่องที่ถูกอยู่เสมอๆ
หลังจากเรื่องราวทั้งหมดจบลง Arlinn อยากจะทำความรู้จัก Kaya ให้มากกว่านี้...
เธอดูเป็นคนที่เข้าใจวัฏจักรของการเวียนว่ายตายเกิด ที่เป็นจุดเด่นของ Innistrad, และการเข้าใจ Innistrad มันก็เหมือน Arlinn จะเข้าใกล้ตัวเธอเองมากขึ้นไปอีกขั้น
“ตามมาให้ทันละกัน” Kaya พูด ส่งยิ้ม และตาของเธอก็เหลือกจนเหลือเพียงตาขาวโพลน ก่อนที่ทั้งคู่จะเข้าร่วมกับฝูงชน
เหล่าทหารราบ ทหารม้าศักดิ์สิทธิ์, นักบวชที่ขี่นกกระเรียน, นักพรตที่กุมสัญญะแห่ง Avacyn และแม้แต่เหล่าชาวนาที่ต้องสูญเสียคนที่พวกเขารักไป
ต่างมุ่งหน้าข้ามสะพาน เพื่อเข้าปะทะกับสิ่งเลวร้ายที่รออยู่
มุ่งหน้าไปพร้อมกับหอกในมือ, ค้อนและโล่, คบเพลิงและคราด, คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และมีดอาคม
ค้างคาวโฉบเข้าโจมตี พวกมันดูไม่ต่างจากเถ้าถ่านที่ปลิวลงมาจากท้องฟ้า แต่เสียงร้องที่กรีดแทงโสตประสาท ก็ทำให้ Arlinn ถึงกับต้องชะงัก
ก่อนที่บรรดาลูกศรเวทย์ และลูกธนุทั้งหลายจะซัดข้ามหลังของเธอไป
พวกค้างคาวร่วงลงกับพื้น เสียงกรีดร้องของพวกมันเบาลงแล้ว เหลือเพียงความรู้สึกของกระดูกชิ้นเล็กๆ ที่ถูกย่ำอยู่ใต้เท้าของเหล่าทัพหน้า
Arlinn เข้ามาถึงชั้นในของพื้นที่แล้ว ทหารยาม Vampire ไม่อาจต้านทานกองกำลังของเหล่ามนุษย์ที่เจ็บแค้นได้
กระนั้น กองกำลังจำนวนมากมาย ก็ไม่สามารถผ่านประตูเหล็กที่กั้นพื้นที่ได้
ทั้ง Kaya, Arlinn ที่เดินผ่านเหล่าทหารกล้าไปถึงหน้าประตู ก็พบกับ Adeline, Teferi และ Chandra ที่ยืนอยู่ตรงนั้นเช่นกัน
“รสนิยมแย่จังนะ” Teferi มองไปที่ประตูนั้น ก่อนที่จะส่ายหน้าไปมา
“เหมาะแก่การเผาทิ้งสุดๆ” Chandra เสริม
“หมายถึงประตูอย่างเดียวใช้มั้ย?” Adeline ถามขึ้นมา
Chandra หันกลับมา ส่งยิ้มยียวน “ใช่... แค่ประตูจริงๆ”
เปลวเพลิงก่อตัว ห่อหุ้มแขนของ Chandra เธอเหยียดแขนเพื่อส่งเปลวเพลิงนั้นให้แผดเผาเป้าหมาย
แต่ในใจของ Arlinn กลับมีชั่วครู่ ที่อยากจะหยุด Chandra เอาไว้... ไฟมันไม่อันตรายแค่กับศัตรูเท่านั้น เพราะมันยากเกินจะควบคุม...
แต่ราวกับ Avacyn ดลใจ เธอไม่ได้หยุด Chandra เอาไว้ หรืออาจจะเป็นเพราะภาพ Olivia ถูกย่างสดในจินตนาการของเธอมันเข้ามาเสริมก็เป็นได้
Teferi ใช้คฑาของเขากระทุ้งพื้น มันเสริมให้พลังเพลิงของ Chandra แผดเผารุนแรงขึ้นไปอีก... ก่อนที่ประตูรั้วจะเหลือเพียงเถ้าถ่าน
และนั่น คือจังหวะในการบุกโจมตีที่แท้จริง
ปราสาท Voldaren ที่ไร้ซึ่งการปกป้องใดๆ เปิดประตูต้อนรับพวกเขาแล้ว
Arlinn ไม่เคยเข้ามาที่นี่หรอก... แต่เธอก็ได้ยินเรื่องที่ว่า ถ้าใครเดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปภายใน แล้วเดินหลงทางเพียงแค่ครั้งเดียว คุณก็จะหายไปตลอดกาล...
กระนั้น มันก็คงจะเป็นจริง ถ้าคุณมาแค่คนเดียว
Arlinn เดินทางร่วมกับฝูงของเธอเสมอๆ...
แม้เมื่อนึกถึงมัน จะทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด, เจ้า Streak, Boulder, Patience และ Redtooth... เธอคาดหวังให้พวกมันได้อยู่สุขสบาย กับพื้นดินนุ่มๆ ใต้อุ้งเท้าของพวกมัน
เธอรู้สึกโดดเดี่ยว... แต่เธอก็รู้ว่ามันไม่ใช่ความจริง เพราะแสงวูบวาบตรงหน้า
ทหารม้าพุ่งทะยานฝ่าฝูงชนผ่านลานกว้าง และสวนของปราสาท, อาวุธในมือพร้อมจะมอบคำตัดสินที่ชอบธรรม
Chandra และ Adeline ตามพวกเขาไปบนหลังม้าของ Adeline
ทหารยามของพวก Vampire ในปราสาทชั้นใน พุ่งเข้าป้องกันด้วยอาวุธที่ตีขึ้นมาด้วยทอง
แต่ชุดเกราะที่ดูหรูหราของพวกเขา มันก็มีไว้เพื่ออวดอ้างความวิจิตรของ Voladaren เท่านั้น มันจึงไม่อาจต้านทานการโจมตีได้นานนัก
ห่าลูกธนูพุ่งฉวัดฉเวียนผ่าท้องฟ้ายามค่ำคืน, Arlinn คว้าธนูขึ้นมา และง้างส่งลูกศรออกไป
แม้จะบอกไม่ได้ว่าเป้าหมายของมันคือที่ไหน แต่ Arlinn ก็รับรู้ได้ว่ามันบรรลุจุดประสงค์ของมันไปแล้ว
“ไม่ยักรู้ว่าคุณยิงแม่น” Kaya พูดขึ้น
Arlinn หันไปมอง Kaya ที่ดวงตาของเธอกลายเป็นสีเงินๆ และอากาศรอบๆ ก็ส่งรสชาดแปลกๆ มาประทบสัมผัสของ Arlinn, รวมถึงมีเสียงฮัมในโทนสูงๆ ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน
“บางครั้งฉันก็พึ่งพาแค่เขี้ยวในการล่าไม่ได้น่ะนะ” Arlinn ตอบ “มีอะไรแปลกๆ รึเปล่า?”
แหลนเล่มหนึ่งถูกซัดมาตรงที่ Kaya ยืนอยู่ แต่มันก็ทะลุผ่านร่างของเธอไปปักอยู่กับรูปปั้นด้านหลังแทน “มีพวกวิญญาณอยู่ที่นี่... พวกเขากำลังโกรธแค้นสุดๆ เลยล่ะ”
“เธอคิดว่าจะกล่อมให้พวกเขามาช่วยเราได้มั้ย?” Arlinn ตอบพลางยิ้มออกมา
“ฉันคิดว่าจะปลดปล่อยพวกเขาอยู่พอดี” Kaya หันมาส่งยิ้ม ก่อนที่เธอจะหุบยิ้มแล้วพูดต่อ “เดี๋ยวนะ... ฉันว่ามีวิญญาณร่างหนึ่งกำลังเรียกฉัน”
Arlinn มองผ่านไหล่ของ Kaya ไป... แสงสีเรืองๆ สีทองมาจากห้องบอลรูม และโถงทางเดินที่พวกเธออยู่ใกล้ที่สุด ก็ดูไม่ได้มีการป้องกันแน่นหนาเท่าใดนัก... หรือมันมีอะไรเกิดขึ้นด้านในนั้นกันแน่?
“ใครกันล่ะ?”Arlinn ถาม
“ฉันว่า... ฉันสัมผัสถึงคุณยาย Katilda”
ความอบอุ่นหัวใจพองโตขึ้นมาในร่างของ Arlinn เธอตอบว่า “งั้น... ยิ่งดีเลย”
Kaya พยักหน้าตอบรับ “คุณบุกเข้าไปได้เลย, ส่วนฉันจะพากำลังเสริมมาให้... มันถึงเวลาที่ตระกูล Voldaren ต้องชำระหนี้แล้ว”
Arlinn แยกกับ Kaya ทันที, Arlinn เชื่อใจ Kaya, เธอเชื่อใจ Teferi, เชื่อใจ Chandra กับ Adeline
และ Avacyn ทรงโปรดเถอะ เธอเชื่อใจ Sorin ด้วยซ้ำไป... เพราะถ้าเป็นเรื่องการปกป้อง Innistrad แล้ว... เธอเชื่อว่า ยังไง Sorin ก็จะเลือกเส้นทางที่ถูกต้อง
แต่อีกใจ Arlinn ก็อยากจะอยู่ตรงนั้นเพื่อคอยสนับสนุนในยามที่พวกเขาอาจจะพลาดพลั้ง
พวกทหารยาม Vampire ทั้งหลาย ที่อยู่ในสภาพไม่พร้อมสู้ เพราะพึ่งกลายไปเป็นหมอนปักเข็มเมื่อครู่
มันทำให้ Arlinn ฝ่าการป้องกันของพวกเขาไปได้ไม่ยาก, เลือดที่สาดกระเซ็นลงพื้นหินอ่อนในครานี้ กลายเป็นของพวกปลิงดูดเลือดเสียเองแล้ว
แต่ก็ไม่ใช่เพียง Vampire ที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น, รูปปั้นที่หักลงกองกับพื้น, ผนังหินอ่อนขัดมัน ที่ผิวถูกกะเทาะให้เห็นความขรุขระภายใน, บ่อน้ำพุเลือดที่อ่างแตกกระจาย, โต๊ะวางของว่าง, โคมระย้า, พรมสุดหรู, เครื่องเรือนที่แสนวิจิตร
ทั้งหมดนั้น เสียหายอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงแห่งความเจ็บแค้นของผู้คน และเสียงตะโกนที่สะท้อนก้องไปมาในปราสาท - มันเป็นยิ่งกว่าเสียงโห่ร้องเรียกกำลังใจ... มันคือเสียงกรีดร้องของความเจ็บแค้น... เสียงของการยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่...
การรวมทัพในครั้งนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่เก็บกดจากการถูกข่มเหง และจมอยู่ในความกลัวมานานเกินทน
เหล่า Vampire สร้างปราสาทนี้มาจากการกดขี่เหล่ามนุษย์
มันถึงเวลาที่มนุษย์ทั้งหลาย จะทำลายสัญญะแห่งการกดขี่
และเมื่อพวกเขาเข้ามาถึงยังห้องบอลรูม, Arlinn อยากจะปลดปล่อยความโกรธเกรี้ยวที่เธอมี... ความโกรธเกรี้ยวที่ทำให้ปีศาจภายในตัวเธอมันร่ำร้อง... ถ้า Tovolar อยู่ที่นี่ เขาคงบอกให้เธอกลายร่าง เพื่อไล่ล่าพวกตัวดูดเลือดไปแล้ว
Arlinn ไม่อยากจะยอมรับแนวความคิดของ Tovolar มากนัก...
อย่างน้อยก็ในตอนนี้
ถึงแม้ภาพที่เธอเห็นจะกระตุ้นให้เธอปลดปล่อยสัตว์ร้ายในตัวมากแค่ไหนก็ตาม
ภาพของ Sigarda กับปีของเธอที่ชโลมไปด้วยเลือด... ความโกรธเกรี้ยวที่สะท้อนออกมาจากดวงตาของเธอ และการตวัดคทาของเธอไปตัดหัวพวก Vampire...
ภาพที่ Arlinn ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไร... ความสยองขวัญ? ระคนกับการเติมเต็ม?, กลิ่นรสของเลือดเข้ามากระทบอยู่ภายในปากของเธอ... หรือสุดท้ายแล้ว แม้แต่การอยู่ที่โบสถ์ ก็อาจจะโหดร้ายไม่ต่างจากการอยู่กับฝูงหมาป่า
แต่เหล่าทหารยาม Vampire ก็หาได้ล่าถอยไม่ พวกเขาบางตัวยังอาจหาญเข้าโจมตี Sigarda ทั้งที่รู้ว่าไร้ผล
พวก Vampire ที่มาร่วมงาน ต่างหันเหความสนใจมาล่าเหล่ามนุษย์ผู้บุกรุกแทน
Arlinn เริ่มมองหากุญแจ Moonsilver, แต่ทุกๆ อย่างรอบตัวนั้นต่างประเดประดังความวุ่นวายมากมาย
ค้างคาวที่บินฉวัดเฉวียนล้อกลีบดอกไม้เลือด, เศษกระจกสีที่สะท้อนแสง, น้ำพุที่เสียหาย, โต๊ะอาหารที่หักเป็นสองท่อน
เรื่องวุ่นวายพวกนี้ไม่น่าจบลงเร็วๆ นี้
แต่ Arlinn ก็จำเป็นจะต้องฝ่าการปะทะมากมายด้านหน้าไปให้ได้
นักดวลจากตระกูล Markov เข้าขัดขวาง Arlinn, ดาบของเขาฟันไปยังเป้าหมาย แต่ Arlinn ก็หลบได้ทัน
เธอใช้กรงเล็บของเธอโจมตีเข้าไปที่สีข้างของเขา
Vampire ตัวนั้น กระโดดถอยหลังไปตั้งหลัก... ทักษะในการต่อสู้ของเขาไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย
เลือดที่ไหลออกมาจากแผลของเขา ไม่ได้ทำให้เขาช้าลงเลย, รวมกับกลิ่นของชีวิตอื่นๆ ที่ Arlinn ได้รับรู้... เขาคงดื่มเลือดมาก่อนหน้านี้แล้ว
เขาโจมตีกลับอีกครั้ง ครานี้ มันรวดเร็วกว่าครั้งเก่า มันเร็วเกินกว่าใครจะตามทัน...
แต่ Arlinn ไม่ได้ต่อสู้อย่างเดียวดาย ฉับพลันวิถีดาบของเขาก็ช้าลง จากคลื่นเวทย์มนต์ที่ส่งมาจากด้านหลัง มันสร้างจังหวะให้ Arlinn สามารถโต้กลับได้, เข่าของเธอกระแทกไปที่ท้องของเขา ทำให้ดาบในมือร่วงลงไปกับพื้น พร้อมๆ กับอากาศที่หายไปจากปอดอย่างกระทันหัน
ในช่วงเวลานี้ เธอสามารถสังหารเขาได้ง่ายๆ แค่ตวัดกรงเล็บไปที่คอหอย...
และมันก็ควรค่า ถ้านึกถึงสิ่งที่พวก Vampire ทำมาโดยตลอด... การมีอยู่ของพวกมันเสมือนมีไว้เพื่อทำให้เผ่าพันธุ์อื่นต้องอยู่อย่างทนทุกข์ทรมาน
แต่นั้น มันเป็นวิถีของ Tovolar... Arlinn เหวี่ยงร่างของเขาไปกระแทกเสาหินอ่อน...
และถ้ามันยังมีสติดีอยู่ มันก็คงรู้ดีว่าไม่ควรจะตาม Arlinn อีกต่อไป
กระนั้น Arlinn ก็ไม่มีเวลามารอดูสิ่งที่ Vampire ตัวนั้นเลือกจะทำ... และการปะทะเมื่อครู่ก็ทำให้เธอต้องตั้งสมาธิ เพื่อสลัดภาพการสังหารหมู่ที่ Harvestide ออกไป...
ครั้งนี้มันต้องไม่จบเหมือนเดิม
การจะจบเรื่องทั้งหมดลง เธอต้องหากุญแจ Moonsilver ให้ได้... แต่มันอยู่ตรงไหนท่ามกลางความวุ่นวายนี้...
จมูกของเธอก็ไม่สามารถจับกลิ่นของมันได้... โดยเฉพาะการถูกรบกวนจากกลิ่นของเวทย์มนต์แห่ง Sigarda ที่เจิดจรัสเหลือเกิน
Arlinn คงต้องพึ่งพาสิ่งที่เธอเห็น
วินาทีที่เธอเห็น Olivia เหล่าทหารศักดิ์สิทธิ์ก็ตามเข้ามาสมทบทันที, ม้าศึกของพวกเขาถูกแต้มด้วยสีเลือด ศรเวทย์มนต์พุ่งทะยานเสริมกำลังจากด้านหลัง เมื่อเหล่านักพรตตามมาสนับสนุน
เมื่อพวกเขาเข้ามาถึงห้องบอลรูม และพบว่าเป้าหมายของพวกเขายืนอยู่ตรงนั้น เสียงโห่ร้องก็ดังออกมาทันที
แต่ Olivia ไม่ยินดียินร้ายกับเสียงนั้น เธอตะคอกกลับไป “พวกแก... พวกแกพังงานแต่งของฉัน!”
“ส่งกุญแจมาซะ” Arlinn ตะโกนตอบ และเสียงขานรับจากกองรบของเธอ กุญแจ! กุญแจ!
เสียงดังกระหึ่มจนผนังของห้องสั่นสะเทือนพ้องไปกับจังหวะเหล่านั้น
ไขกุญแจ, ไขกุญแจ, ไข, ไข, ข-, ฆ่า, ฆ่า, ฆ่า
เดี๋ยว... มันไม่ใช่แค่เสียงของกองรบ Arlinn แต่มันมีเสียงอะไรลอยมาตามอากาศ สอดประสานเข้าแทรก... เสียงของบางอย่างที่ให้ความรู้สึกเก่าแก่โบราณ
ใช่แล้ว พวกผีวิญญาณทั้งหลาย พวกเขาก่อร่างขึ้นมาปรากฏกายอีกครั้ง; ทั้งคนรับใช้และอัศวิน, ขุนนางและชาวนา นับๆ รวมแล้วไม่น่าจะต่ำกว่า 100 ร่าง
ทั้งหมดต่างเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดในเปลวเพลิงวิญญาณ
แก ฆ่า พวกเรา
เสียงของผู้วายชนม์ก้องกังวาล พวกเขาเข้าปะทะกับ Vampire ที่กดขี่
ท่ามกลางความวุ่นวายเหล่านั้น Arlinn ก็เห็นเครื่องประดับศรีษะที่โดดเด่นออกมา... เครื่องประดับของเหล่าแม่มด... วิญญาณของ Katilda นั่นเอง
Arlinn หลบหลีกฝูงชน เพื่อเดินตามแสงเรืองๆ สีเขียวเสมือนมอสที่สะท้อนแสงดวงจันทร์ มันทอดยาวบนพื้นไปยัง Katilda
Olivia เริ่มออกบิน แต่ฉับพลันเงาที่คุ้นตาก็ทอดตัวลงมา
Kaya ปรากฏกาย เธอใช้มีดไร้สสารจ้วงเข้าไปที่เป้าหมาย
แต่ก็ตัดได้เพียงผ้าคลุมไหล่วิญญาณของ Olivia เท่านั้น, ถ้ามันเป็นผ้าคลุมธรรมดาๆ มันก็คงแค่ขาดลง แต่เมื่อมันเป็นผ้าคลุมที่สร้างมาจากวิญญาณของเหยื่อทั้งหลายนั้น มันส่งเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ และปลดปล่อยวิญญาณที่ถูกกักขังออกมา
Olivia กรีดร้องออกมา คลื่นเสียงของมันส่งให้ Kaya กระเด็นจากแรงกระแทก
และจากความสูงขนาดนั้น ถ้าเธอร่วงมากระแทกพื้น, Kaya เองมีหวังด้เป็นหนึ่งในวิญญาณที่หลงทางในปราสาทแห่งนี้แน่ๆ
Arlinn กระโดดขึ้นไปรับ Kaya จากกลางอากาศ ทั้งคู่ลงสู่พื้นได้อย่างปลอดภัย แต่ช่วงเวลาสั้นๆ นั้น ก็เปิดโอกาสให้ Olivia หลบหนีไปได้
Arlinn เห็นเพียงชายผ้าคลุมของเธอที่ไสวไปทางห้องโถง
“ปล่อยตรงนี้ให้พวกเราจัดการเถอะ” Kaya ตอบ “ลุยเลย”
ท่ามกลางการปะทะกันอย่างวุ่นวายที่ห้องบอลรูม ภาพของเหล่านางฟ้า, มนุษย์ อมนุษย์ และวิญญาณ แต่ไม่ปรากฏร่างของ Sorin และ Arlinn เองก็ไม่มีเวลาจะมาตามหาเขาในตอนนี้
Arlinn พยักหน้าเป็นคำตอบ ก่อนที่เธอจะบอกกับ Kaya ว่า “ฝากดูแลพวกเขาด้วยล่ะ”
เป็นคำขอที่ยากยิ่ง... Arlinn รู้ดี, วันนี้จะต้องมีผู้สูญเสีย แม้เธอจะไม่ต้องการแบบนั้นเลยก็ตาม
สิ่งที่เธอทำได้ก็คงมีแค่ ทำทุกอย่าง ให้การเสียสละของพวกเขาคุ้มค่า
- เรื่องภายใน -
“มันไม่ต้องจบแบบนี้ก็ได้นะ”
เสียงเนิบๆ ดังก้องสะท้อนในห้องแห่งหนึ่ง มันเต็มไปด้วยเลือดที่ก่อตัวเป็นฟองปุดๆ ในถังขนาดยักษ์, เสียงนั้นดูทรงอำนาจอย่างที่เคย... นั้นน่าจะเป็นเพราะมันเป็นเสียงที่ Sorin ได้ฟังมันมานานเกินกว่าจะทนได้... เสียงที่เคยเล่าเรื่องราวมากมายให้เขาฟัง
“ใช่แล้วล่ะปู่” Sorin ตอบ “มันงี่เง่าขนาดไหนปู่ก็น่าจะรู้ดี... เธอกำลังหลอกใช้ปู่อยู่นะ”
เสียงที่ก้องสะท้อนไปมาของเขามันฟังดูแปลกๆ เหมือนกับป้ายหน้าห้องที่เขียนว่า “ห้องสำรองนองเลือด” ที่อ่านแล้วรู้สึกแปลกๆ แม้ความหมายจะตรงตัวก็ตาม... มันเป็นห้องที่เอาไว้เก็บเลือดสำรองไว้ในยามยากของตระกูล Voldaren...
ทั้งๆ ที่มันก็ไม่เคยจะมีช่วงเวลาที่ตระกูลนี้ขัดสนอะไร
ในยามที่ Sigarda ทะยานขึ้นครองท้องฟ้า, Edgar เป็นคนแรกที่หนีออกมา... เพราะเขารู้จักความโกรธเกรี้ยวของนางฟ้าดี
Sorin ก็ตามเขามา ทันทีที่พวกของ Arlinn บุกเข้าสู่ห้องบอลรูม พวกเธอก็จะจัดการเรื่องกุญแจได้เอง
แต่ไม่มีใครจะประจันหน้ากับ Edgar Markov ได้... นอกจาก Sorin
ทั้งคู่ยืนประจันหน้ากันท่ามกลางถังเก็บเลือดมากมายในห้องสำรองนองเลือดแห่งนี้ ดวงตาของทั้งคู่จดจ้องกันผ่านถังสีแดงฉาน
“แกคิดได้แค่นั้นจริงๆ เหรอ?”
Sorin กระชับมีดในมือ “จะสวดอะไรอีกล่ะปู่? ตั้งสติหน่อยสิครับ”
เสียงแหวกอากาศดังขึ้น, ชุดเกราะของ Edgar ที่ผิดรูปบอกใบ้เป็นนัยๆ, Sorin โยกตัวหลบไปทางขวา, ปู่ Edgar หยิบเอาลังไม้เก็บขวด มาหวดเป็นค้อนสงครามเสียแล้ว
แต่มันก็ใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว เพราะเมื่อมันกระทบพื้น มันก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ทันที สายตาเหยียดหยามของ Edgar สบตากับ Sorin อีกครั้ง
ตระกูล Markov เป็นอะไรไปแล้ว? ตาแก่ผู้มัวเมา ขว้างปาเครื่องเรือนใส่หลานชาย?
“อย่างน้อยก็ใช้อาวุธดีๆ หน่อยเถอะปู่” Sorin เงื้อดาบฟันลงไปที่ Edgar อย่างไร้ศิลปะ
และมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย ที่ Edgar จะปัดป้องการโจมตีครั้งนี้ เขาบีบข้อมือของหลาน ความเจ็บปวดสะท้านไปทั่วแขนของ Sorin ทันทีที่กระดูกแขนของเขาแตก
“แกเข้าใจเรื่องความเหมาะสมซักแค่ไหน Sorin? แกไม่เคยจะสนใจเรื่องของตระกูลเราด้วยซ้ำ” Edgar ถามไป แต่ก็ไม่ได้รอคำตอบ เขาเหวี่ยง Sorin ไปกระแทกเข้ากับถังเลือดจนมันแตกกระจาย, เลือดสำรองสาดท่วมร่างของ Sorin
“แกรู้มั้ย ว่าฉันต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง?” Edgar พูดพลางย่ามสามขุมเดินไปหา ใช้นิ้วหงิกงอผิดรูปของเขาชี้ไปที่ Sorin ราวกับช่วงเวลาที่เขากำลังดุเด็กดื้ออยู่ “แกรู้มั้ย ว่า ตระกูลเรา ต้องสละอะไร เพื่อให้แกมีวันนี้?”
Sorin ตักเอาเลือดขึ้นมือมา... ถ้าร่างของเขาจะชุ่มโชกไปด้วยเลือดแล้ว เขาก็ควรจะให้มันให้เป็นประโยชน์, เขาคงต้องเรียกสติปู่ของเขา ที่ยังคงลุ่มหลงอยู่ในมนต์สะกดของนางแพศยา Olivia... ปู่ของเขาไม่เคยเป็นแบบนี้... พวกเขาอาจจะเคยมีมุมมองที่แตกต่างกันบ้าง... แต่ Edgar ไม่เคยแสดงความคิดเห็นที่ไร้วุฒิภาวะแบบนี้
แต่แล้ว เขาก็คิดได้... สิ่งที่ปู่พ่นออกมา คงไม่ใช่ผลจากมนต์สะกดของ Olivia เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
“ทำอย่างกับผมไม่เคยเสียสละเพื่อตระกูลงั้นแหละ” Sorin ตอบกลับ ดาบที่กระเด็นหายไป ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจ เขาคว้าเอาท่อเหล็กแถวๆ นั้นออกมาอย่างง่ายดาย ด้วยเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาอย่างเต็มเปี่ยม รวมถึงเลือดที่พุ่งออกมาจากท่อที่ขาดไป
สิ่งที่ Sorin ได้เปรียบ คือความเร็ว... และเขาก็เข้าโจมตี Edgar ก่อนที่ตาแก่จะตั้งตัวได้ทัน
ท่อเหล็กปะทะเข้ากับชุดเกราะ มันส่งแรงกระแทกไปสู่ร่างของเจ้าของ จนซี่โครงของ Edgar หักลั่น...
ทว่า... เขายังยืนตระหง่าน ไม่ไหวตึง... เสียงครางจากความเจ็บปวดที่พุ่งพล่านขึ้นมา มันกลับเป็นเสียงที่เหมือนราวกับว่า Edgar นั้นรู้สึก... ประทับใจ
“ไอ้หนู... แกบอกมาสิ ว่าแกสละอะไรไปบ้าง?” Edgar พูดขึ้น “แกทำอะไรให้ตระกูล Markov บ้าง? แกทำอะไรให้ Innistrad บ้าง?”
“ผมสร้าง Avacy-”
Edgar คว้าคอของ Sorin ก่อนที่เขาจะอธิบายอะไรต่อ... ดวงตาของปู่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงจากพลังของการเล่นแร่แปรธาตุ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสะอิดสะเอียน
“ไอ้ตุ๊กตาของเล่นทหารหญิงนั่นน่ะเหรอ? แกโม้ถึงมันมาเป็นพันๆ ปี ทั้งๆ ที่แกไม่ได้ทำอะไรขึ้นมา นอกจากเอาวิชาที่ข้าคิดค้นขึ้นมาไปต่อยอด... นี่น่ะเหรอสิ่งที่แกแสนจะภาคภูมิใจ? ข้าล่ะสงสัย ว่ามีอะไรที่แกคิดขึ้นเองจริงๆ บ้าง?”
Edgar พูดจี้ใจ Sorin... เขารู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ Sorin ยังติดค้างคาอยู่ในใจของเขาตลอดมา
มือที่บีบคอ Sorin หิ้วให้เขาลอยขึ้นเหนือพื้น, แขนเพียงข้างเดียวของชายชราก็มีเรี่ยวแรงมากพอ, แต่นั่นคือทางเลือกที่ผิดพลาดของเขา
Sorin เอาท่อเหล็กในมือฟาดอย่างเต็มแรงไปที่หัวของ Edgar, เลือดไหลอาบใบหน้า กับกะโหลกที่แตกร้าว; ชายชราผงะจากความเจ็บปวด เขาปล่อยเหยื่อของเขาหลุดมือไปอย่างง่ายดาย
ความคิดหนึ่งก่อตัวขึ้นในใจ Sorin
มันยังมีดาวดวงอื่น... มันยังมีแผนอื่น...
เสียงของความคิดนั้นดังสะท้อนไปมาในหัวของเขา ราวกับเสียงบทสวดที่จะเรียกจอมปีศาจจากโลกมืด... มันมาพร้อมกับมืดที่ครอบงำจิตใจของ Sorin
ราวกับเสียงคำรามของสัตว์ร้าย Sorin ร่ำร้อง และหวดท่อเหล็กในมือไปที่ปู่ของเขาไม่ยั้ง, Edgar ถอยรับทุกการโจมตี เลือดที่ไหลออกมาราวกับน้ำตกสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ- เลือดที่เคยอยู่ในร่างของสิ่งมีชีวิต, เลือดที่เคยพร่ำหาความอมตะ, เลือดที่ตอนนี้กลับร่ำร้องหาความตาย
“ผมคิดว่าปู่จะเข้าใจผมซะอีก” Sorin พูดขึ้น “ผมคิดว่าปู่จะมีวิสัยทัศน์... ทำไมถึงมาวุ่นวายกับงานสังสรรค์ที่มีขึ้นเพื่อสนองความตันหาเท่านั้น? ปู่มองไม่เห็นมันจริงๆ รึไง!?!”
Sorin ยังหวดท่อเหล็กลงไปครั้งแล้ว ครั้งเล่า มันบิดงอจากแรงปะทะจนเกินใช้งาน เขาจะคว้าเอาท่อเหล็กท่อนใหม่, แต่เพียงพริบตานั้นมันก็มากพอที่ Edgar จะลุกขึ้นสวนกลับ, มือของชายชราทึ้งผมของหลานชาย และอีกข้างก็รวบข้อมือเอาไว้ เหมือนกับชาวไร่ที่อุ้มแกะ
“แกมันไร้เดียงสาสิ้นดี... แกมันไม่รู้จักโต” Edgar เริ่มสวดอีกครั้ง “หลายสหัสวรรษก่อนข้ามอบของขวัญให้กับแก แต่ตอนนี้ข้าต้องมาทนดูแกใช้ชีวิตไร้สาระไปวันๆ”
“แต่ผมไม่เคยร้องขอชีวิตอม-” Sorin พูด แต่ก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อน
“นั้นเขาถึงเรียกว่าของขวัญไง ไอ้หนู”
Edgar เหวี่ยง Sorin ไปกรแทกกับผนังอีกครั้ง ถังเก็บเลือดถูกทำลายจากแรงกระแทก, กลิ่นของเลือดกระตุ้น Sorin อีกครั้ง
ความทรงจำเริ่มทับซ้อนกับความจริง, ภาพของ Sorin ในวัยเยาว์ นั่งอยู่ที่ห้องประชุมของตระกูล...
ปู่ของเขานั่งที่หัวโต๊ะ, นางฟ้าถูกจับห้อยหัว เลือดของเธอไหลลงไปในแก้วไวน์ที่กลางโต๊ะ
ทุกคนในตระกูลอยู่ที่นี่... ลุงของเขา, ป้าของเขา, พ่อ, แม่ ทุกๆ คน ต่างเข้ามาปลอบประโลม และพร่ำบอกถึงประโยชน์ที่เขาจะได้รับ... ถึงเป้าประสงค์ที่เขาต้องคว้ามัน... เพื่อตัวเขาเอง... เพื่อตระกูล...
ถ้าตระกูล Markov จะรอดจากความมืดมิด พวกเขาจะต้องกลายไปเป็นความมืดนั้น... ความอดอยากที่เข้ายึดทุกหัวระแหงของ Innistrad ในเวลานี้ ทำให้มนุษย์ในดวงดาวไม่สามารถมีชีวิตรอดไปได้... ทางรอดของพวกเขาก็คือ เลิกเป็นมนุษย์เสีย...
มันเป็นเหตุ และผลที่แสนสมบูรณ์แบบ
Sorin มึนงงไปหมด, หัวของเขากระแทกเข้ากับถังไม้อีกครั้ง, ของเหลวภายในทะลักออกมาพยายามดึงให้เขากลับสู่โลกแห่งความจริง
“Innistrad คือของของเรา, Sorin” ปู่ของเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่โรยรากว่าที่เคย แต่ปากของเขากลับไม่ขยับไปพร้อมกับเสียงที่ออกมา “มันเป็นสิทธิ์ของเราที่จะปกครองมัน”
โลกรอบตัวของ Sorin หมุนคว้าง, ความรู้สึกกลับมาเมื่อเขารับรู้ว่าคอของเขากำลังถูกเฉือนอยู่... เขารู้สึกได้ว่าเลือดไหลผ่านกระดูกไหปลาร้า, หัวใจของเขาเต้นรัวเบียดกับกระดูกทรวงอกของเขา
“แกปล่อยให้ความหวาดระแวงนำทางแกนานเกินไปแล้ว... มันทำให้แกเสียศักยภาพที่แกควรจะมี... แกเหลือแค่เปลือกที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า... กลายเป็นเด็กไร้เดียงสาที่งอแงใส่ปู่ของเขา”
ภาพความทรงจำเริ่มซ้อนทับกลับมาอีกครั้ง Sorin สัมผัสได้ถึงมือที่หนุนหัวของเขาอยู่
ขอบแก้วไวน์ที่ถูกกดเข้ากับเหงือก สู้กับแรงฝืนของเขาจนเจ็บปวด
รสแย่ๆ ของเลือดในแก้วไวน์นั้น ส่งผ่านอุณหภูมิอุ่นๆ ของมันไหลเวียนในตัวของเด็กน้อย, ความรู้สึกขยะแขยงที่จะผูกมัดเขาไปตลอดกาล, มันจะอยู่กับเขาไปนิรันดร์
เด็กน้อยที่ต้องแสร้งฝืนทนว่าเขาอยากได้มันมาครอบครอง, เขาต้องทำเหมือนว่าเขาเข้าใจเหตุผลทั้งหมด แต่สุดท้ายมันจะกลายไปเป็นการตอกย้ำถึงความสับสนในการคงความเป็นคน
คงการเป็นมนุษย์
“ดื่ม เพื่อเป็นนิรันดร์”
เขาหลงเชื่อคำลวงไปในวันนั้น... เหมือนๆ กับญาติๆ คนอื่นๆ ทั้งตระกูล
บ้างก็ว่าการได้รับ Spark ในตอนนั้น ทำให้ Sorin รอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์ แต่เขาไม่ได้คิดแบบนั้น...
เขาไม่เคยเชื่อในปาฏิหาริย์... ความเชื่อคือสิ่งที่เขาสร้างขึ้นเอง มันทำให้เขาหลุดพ้นจากความเย้ายวนใจของเรื่องเพ้อฝัน, แต่มันก็ไม่อาจหนีความจริงได้ว่า ในวันนั้น ทั้งตระกูลของเขาได้ตกหลุมเชื่อเรื่องเพ้อฝันไปเสียแล้ว
แล้วมันก็เป็นความรู้สึกแปลกๆ ความรู้สึกเหมือนกำลังตกหลุมอีกครั้ง
และเพียงเขาลืมตาขึ้นมา มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอีกต่อไป
เมื่อภาพที่เห็น คือปู่ของเขายืนอยู่ที่ปากเหว มองลงมาด้วยสายตาเหยียดหยาม
ร่างของเขาก็ยังร่วงลงไปสู่ความมืดมิดเบื้องล่าง
- อดีตที่จ้องมอง -
ประวัติศาสตร์จ้องมอง Arlinn วิ่งไล่ล่าไปตามโถงทางเดินของปราสาท Voldaren
แต่มันไม่ใช่ประวัติศาสตร์ของ Arlinn... มันไม่มีเรื่องราวของเมือง Avabruck ที่เธอเติบโต... มันไม่มีสัญญะศักดิ์สิทธิ์แห่ง Avacyn... มันไม่เหลือแม้แต่เพื่อนบ้านที่คุ้นเคย...
ทุกๆ อย่างที่นี่เก่าแก่กว่าต้นไม้ที่เธอรู้จัก... จะโคมระย้าสีทอง หรือสัญญะแห่งตระกูล Voldaren มันก็ต่างอยู่มานานเกินกว่าต้นไม้ต้นไหนๆ... แม้แต่เหล่า Vampire ที่อยู่ที่นี่
พวก Vampire ที่ยังหลงเหลืออยู่ตรงโถงทางเดินทำได้แค่มอง Arlinn ไล่ตาม Olivia ไป
พวกเขาไม่ได้สนใจว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น, ไม่ก็ดื่มเลือดมากเกินไปจนมึนเมาในรสตัณหา
Arlinn เพียงแค่ผลักพวกเขาให้พ้นทางเหมือนกับแหวกหญ้าสูงๆ ก็เพียงพอที่จะวิ่งผ่านพวกนั้นไป
แม้จะมีพวกทหารยามอยู่บ้าง แต่เป้าหมายของ Arlinn ไม่ใช่การสังหารพวกเขา เธอต้องการตัว Olivia
การโจมตีแต่ละครั้งของพวกทหารยาม ทั้งอาวุธระยะประชิด หรือจะเป็นลูกธนูที่ฉวัดเฉวียนไปมา Arlinn ก็เพียงแค่หลบพวกมัน
ถ้า Vampire ตัวไหนเข้ามาใกล้เกินไป เธอก็แค่กระแทกให้พวกเขาเสียหลัก, แม้ว่าพวกนั้นจะเป็น Vampire แต่ถ้าไร้หลักยึดแล้ว เพียงแค่แรงกระแทกก็มากพอที่จะทำให้พวกมันล้มลงไปกับพื้น
และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ Arlinn ต้องสนใจ... เธอต้องการแค่ช่วงโอกาสที่มากพอให้วิ่งผ่านไป... ส่วนที่เหลือ จะเป็นงานของเหล่าวิญญาณที่โกรธแค้นเอง
แต่ดวงตามากมายก็ยังจ้องมองมาที่ Arlinn อย่างไม่ลดละ
ที่โถงชั้นล่าง Olivia มองมาด้วยสายตาท้าทายให้ Arlinn ตามเธอมา
รวมถึงบรรดาภาพถ่ายที่แขวนประดับผนังอยู่มากมาย
มองผ่านๆ ทั้งปราสาทแห่งนี้คงจะมีอยู่ร่วมๆ ร้อยภาพ, ภาพบุคคลที่แต่งกายด้วยชุดสุดวิจิตรเกินจินตนาการ, ร่างของทาสมนุษย์ที่อยู่บนตัก และคราบเลือดที่อยู่บนปากของพวกเขา
พวก Vampire รับรู้ และอาศัยอยู่ในโลกที่เรียกได้ว่า เป็นคนละขั้วกับ Arlinn...
สำหรับพวก Vampire แล้ว การคงอยู่คือการการตักตวงจากผู้อื่น, พลังและอำนาจ มันมาจากการคว้าเอาสิ่งที่เป็นที่สุด... มาเป็นของตัวเองให้มากที่สุด...
มันเป็นโลกที่ Arlinn ไม่อยากจะมีส่วนร่วมกับมัน
แต่มันก็คือโลกที่โอบล้อมเธออยู่มันตอนนี้... ปราสาทที่สร้างจากความตาย
และสุดท้าย Arlinn ก็ไล่ตาม Olivia ทัน เพราะมันถึงทางตันของโถงทางเดินแล้ว... มันไม่เหลือสิ่งมีชีวิตใดๆ ในโถงนี้ นอกจากตัวเธอเอง
ไม่มีทหารคนไหน, ไม่มีชาวบ้าน, ไม่มีแม้แต่หมาป่าในฝูงของเธอ
เสียงหัวใจที่เต้นอยู่ในอกของเธอรัวราวกับกลองศึก, เสียงกรีดร้องราวกับจะถกเถียงกับความตายที่คืบคลานเข้ามา
Olivia พยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ปากนั้นมันได้ดูดกินชีวิตอื่นๆ เกินความพอดีไปแล้ว, Arlinn ไม่อาจจะทนฟังคำใดๆ จากมันอีก, เธอหอนออกมา พุ่งทะยานเข้าโจมตีด้วยกรงเล็บ, มันเฉือนผ่านเสื้อ ตัดผ่านผิวหนังของ Olivia, เลือดของ Olivia ที่ไหลออกมา ทำให้ Arlinn ยิ่งเข้าใกล้สัญชาตญาณสัตว์ป่า, ฟันของเธอร่ำร้องจะเปลี่ยนไปเป็นเขี้ยว... แต่เธอยังกดความปรารถนานั้นไว้กับตัว
แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้... มันยังเสี่ยงเกินไป...
“แก” Olivia แยกเขี้ยว “แกจะเข้ามาทำไม!?!”
คำตอบมันก็แน่นอนอยู่แล้ว... Olivia มี Moonsilver อยู่กับตัว... แต่มัน Arlinn ไม่ต้องการจะต่อปากต่อคำอีกต่อไป, Arlinn กลับเข้าโจมตีอีกครั้ง กรงเล็บของเธอเชือดเฉือนเพื่อหวังกุญแจ Moonsilver ที่น่าจะซ่อนอยู่ที่ไหนซักที่ใต้ผ้าคลุมวิญญาณนั่น...
มันถึงเวลาที่โจรขโมยวิญญาณต้องชดใช้หนี้บาปของเธอแล้ว
หนี้ที่ลูกหนี้ไม่เต็มใจจะจ่าย... มันก็คงเป็นเรื่องปกติของเหล่า Vampire ที่มีวิธีมองโลกแบบนี้
แต่ฉับพลัน โถงทางเดินที่เคยเป็นทางตัน ก็เปลี่ยนไปเป็นห้องอีกห้องหนึ่ง โดยที่ Arlinn ไม่ทันตั้งตัว เพราะเธอยังจดจ่อในการโจมตี Vampire ตรงหน้า... มันกลายไปเป็นห้องที่เต็มไปด้วยชุดเกราะ... และอาวุธมากมาย
Olivia ที่ได้โอกาส คว้าเอาดาบที่ฝังประดับด้วยเพชรขึ้นมา
แต่ Arlinn ไม่สามารถหยุดการโจมตีของเธอได้ทัน คมโลหะตัดเข้าที่นิ้วของ Arlinn
ความเจ็บปวดที่ส่งผ่านมามันน้อยกว่าที่เธอคิดเอาไว้มาก... มันอาจจะเป็นเพราะความระทึกของการต่อสู่ ที่ช่วยลดการรับรู้สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป... แต่นิ้วที่เหลือเพียงกระดูกทิ่มทะลุออกมา ก็ทำให้ Arlinn ชะลอการโจมตีครั้งต่อไปลง
“เอากุญแจมา” Arlinn พูด
“ให้พวกแกงั้นเหรอ?” Olivia ตอบ “โถ... ยายหมาน้อย” Olivia กระโจนขึ้นไปราวกับเต้นบัลเล่ต์ ก่อนที่จะโจมตีสวนกลับมา, Arlinn พยายามปัดป้องด้วยแขนของเธอ แต่ทว่ามันก็ช้าเกินไป
ปลายดาบเล่มนั้นปักเข้าอกของเธอ คมดาบครูดกระดูกไหปลาร้าของเธอเมื่อมันทะลวงลึกเข้าไป, Olivia เข้าโอบคอและกระซิบที่ข้างหูของ Arlinn
“แกเหลือตัวคนเดียวแล้ว”
Arlinn ไม่รู้ว่าอะไรมันเจ็บเกินจะทนมากกว่ากัน, ระหว่างความเจ็บปวดที่ทำให้อะดรีนาลีนของเธอหมดลงจนความเจ็บปวดเข้าเสียดแทง หรือจะเป็นน้ำเสียงที่น่ารังเกียจของ Olivia กันแน่
เธอรับรู้ได้ว่า ที่หางตาของเธอเริ่มมีสีแดงๆ เข้าบดบังวิสัยทัศน์... หมาป่าในตัวของเธอร่ำร้องหาอิสระ... แต่ Arlinn ยังกัดฟันทนเก็บมันเอาไว้... เธอยังต้องใช้สติในตอนนี้
แต่ก่อนที่สติของเธอจะได้ช่วยวางแผนอะไร... Olivia ก็ผลักร่างของ Arlinn ออก, Arlinn ทรุดตัวลง เลือดทะลักลงที่พรม ภาพของตระกูล Vampire ที่ประดับอยู่ตามผนังปราสาท ยังคงจ้องมองมาด้วยใบหน้าที่เหย่อยิ่งเช่นเคย... ไม่ต่างจากใบหน้าของ Olivia ในตอนนี้... ก่อนที่เธอจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย... แต่ก็นะ พวกหมามันเป็นพวกคิดไม่เป็นอยู่แล้ว, หมา... สัตว์ที่ล่าเป็นฝูง ไม่ใช่เหรือไง?” Olivia พูด ก่อนที่จะจุ๊ปาก “ลืมไป หมาส่วนใหญ่ต่างหาก”
Arlinn ประคองร่างของเธอขึ้นมา ก่อนที่ Olivia จะทะยานเข้าโจมตีอีกครั้ง
Arlinn ย่อตัวลงได้ทันเวลา ไหล่ของเธอกระแทกเข้ากับ Vampire ที่กำลังทะยานเข้าหา มันเป็นจังหวะที่เธอสวนกลับจน Olivia เสียหลัก
Arlinn คว้าเอาข้อเท้าของ Olivia ไว้ได้ทัน... แต่ทว่า จังหวะที่สร้างไว้ มันก็น้อยเกินไป, กรงเล็บของ Olivia ทะลวงเข้าที่ช่องท้องของ Arlinn
การหายใจกลายเป็นเรื่องยากทันที...
“ฉันเลือกทางที่ดีที่สุดให้แกแล้วนะยะ” Olivia พูด “หมาชอบเล่นกับของเล่นสินะ... แต่กับของเล่นที่เรียกว่ามนุษย์ มันมีใครเข้าใจตัวตนของแกบ้าง?”
Arlinn จับข้อมือ Olivia ที่ยังคาอยู่ที่ท้องของเธอ, เลือดที่ออกภายในขึ้นมาจ่อที่คอ, Arlinn บ้วนมันออกมาเปราะเปื้อนผ้าคุลมของ Olivia... ก่อนที่ Arlinn จะพูดออกมา “ก็... หัดทำความเข้าใจพวกเขาซะบ้างนะ”
Olivia ขมวดคิ้ว จนหน้าของเธอยับย่น มันแทบจะคุ้มค่ากับความเจ็บปวดที่ Arlinn ได้รับ, Olivia ผลัก Arlinn ออกไป “เรื่องอะไรฉันต้องไปเป็นเพื่อนกับอาหารของตัวเอง?” Olivia ตอบ “พอทีเถอะ... ถ้าแกอยากจะทำตัวเป็นวีรสตรี ก็หัดตั้งใจทำให้เต็มที่หน่อย... แกรู้ดีว่าแกคืออะไร... ไม่ใช่หรือไงยะ?”
Arlinn Kord, บุตรีของช่างตีเหล็ก และนักอบขนม...
สมองมันตื้อไปหมดแล้ว... คิดอะไรไม่ออกเลย
“แกรู้ดี ว่าแกมาที่นี่ทำไม”
มาเอากุญแจ... มาเพื่อนำแสงตะวันกลับสู่ Innistrad
มาเพื่อแก้แค้นการสังหารหมู่ที่ Harvesttide
Olivia เอานิ้วของเธอลูบไล้ไปตามคมดาบของเธอ, เลียเลือดที่ติดอยู่ ก่อนที่จะขมวดคิ้วอีกครั้ง “แกนี่ ไม่อร่อยเลยนะ... ยายหมาน้อย ถ้าคิดจะแก้ไขอะไรซักอย่าง... ทำไม่ไม่ตัดโซ่ที่ล่ามแกอยู่ละยะ? ไอ้สิ่งที่แกเป็นอยู่เนี่ยะ มันไม่ทำให้อะไรๆ ดีขึ้นหรอกนะ”
ใช่แล้ว... มันเป็นคงวามจริงที่ Arlinn ไม่อยากจะยอมรับมัน
และคำพูดนั่น ก็อาจจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดลง... ฟางที่กั้นขวางระหว่างมนุษย์ และสัตว์ร้าย
ประสาทสัมผัสเริ่มตื่นตัวขึ้นมา, เรี่ยวแรงและพละกำลังเอ่อล้นขึ้นมา เธอพร้อมจะสู้อีกครั้ง
สติของด้านมนุษย์จมลงในห้วงความคิด, อยู่ท่ามกลางป่า กลิ่นของลูกสนโชยเข้ามาพร้อมรสของเลือด
เสียงร้องโหยหวนของพรานป่าที่หลงทางมา มันเป็นความทรงจำสุดท้ายที่เธอจำได้... การฆ่าใครซักคน มันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีหรอก แต่ที่ป่าแห่งนี้ก็ไม่มีใครจะมารับรู้เรื่องราวสยองขวัญ... มันมีเพียงกุญแจ Moonsilver, มีเพียง Olivia, มีเพียงภาพบุคคลบนผนังที่จ้องมองมา
สัญชาตญาณนักล่าเข้าครอบงำ Arlinn, เธอกระโจนเข้าหา Olivia
เพียงการเอี้ยวตัวเดียว ประกายแสงสีทองสะท้อนจากคมดาบของ Olivia ก็ฟันกลับมา แต่ Arlinn ก็ปัดป้องมันออกไป และร่างของ Olivia ก็กระเด็นไปกระแทกรูปปั้นของตัวเธอเองจากแรงปะทะนั้น
กุญแจ... มันต้องอยู่ที่ไหนซักที่... ต้องตามล่ามัน... และจบเรื่องนี้ลงซะ
แต่เดี๋ยวก่อน... สายตาที่จับจ้องมานี่มันอะไรกัน?
Arlinn ไม่รู้ว่าอะไรกระตุ้นให้เธอทำแบบนั้น... ความคุ้มคลั่งของสัตว์ป่า หรืออาจจะเป็นความโกรธเกรี้ยวของมนุษย์ที่อยู่ภายใน... ความโกรธเกรี้ยวที่รอจะระเบิดออกมาผ่านร่างของสัตว์ป่า
และในชั่วพริบตานั้น เธอละจาก Olivia แล้วเข้าโจมตีสายตาที่จับจ้องมา
กรงเล็บของเธอทำให้รูปภาพที่เคยประดับประดาอยู่รอบๆ กลายเป็นเพียงร่องลึก, เสียงหอนด้วยความเกรี้ยวกราดดังก้อง
รูปภาพมากมาย กับตัวเธอเพียงคนเดียว...
Arlinn ไม่รับรู้ถึง Olivia ที่เข้ามาด้านหลังของเธอ... กรงเล็บของ Vampire จ้วงโจมตี
เสียงครางด้วยความเจ็บปวดเล็ดลอดออกมาจากคอของ Arlinn...
และร่างของเธอ ก็ล้มลง...
Magic Story By K. Arsenault Rivera