- โลกภายนอก -
10 ปีผ่านไป
นับตั้งแต่วันที่ Kaito ปืนข้ามกำแพงสุดท้ายของ Eiganjo
ฝนที่ตกกระทบกับหลังคาส่งเสียงราวกับเพลงบรรเลง, Kaito ชะโงกหน้าออกมาเพื่อกวาดตามองถนนเบื้องล่าง
เมือง Towashi ที่บัดนี้เต็มไปด้วยแสงสีมากกว่าที่เคย
ขบวนของร่มกันฝนหลากสีที่ลอยเหนือถนน ส่องแสงฉูดฉาดยามเมื่อเม็ดฝนกระทบเข้ากับม่านพลังที่ช่วยเหลือไม่ให้ผู้คนที่สัญจรไปมาด้านล่างต้องเปียกปอน
ป้ายจอกระจกถ่ายทอดภาพของรายการสินค้าที่มันอยากจะขาย
เหนือหัวของเขาขึ้นไป ก็เป็นภาพของปลาทองสีส้มสดใส่ขนาดยักษ์ ที่ว่ายวนเวียนล้อกับท้องฟ้ายามค่ำคืน
ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติแล้ว Kaito คงจะรื่นเริงกับภาพตรงหน้า… แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาดื่มด่ำกับความหลัง เพราะเขาต้องตามหาบุคคลเป้าหมายของเขาเสียก่อน
เขาเอานิ้สเตะไปที่ขมับของเขา ภาพจากหุ่นโดรนถ่ายทอดเข้ามา
ตอนนี้มันบินอยู่เหนือตรอกมืดๆ ข้างๆ เขา
เจ้าหุ่นโดรนที่รูปร่างเหมือนตัวทานูกิ (Tanuki) เตรียมพร้อมจะออกสำรวจถนนที่เต็มไปด้วยสีสันแล้ว
ช่วงเวลา 10 ปีสำหรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนั้น นำพาให้ทุกๆ อย่างก้าวข้าม, หุ่นโดรนกระเรียนของ Kaito ตัวเก่านั้นถูกนำกลับไปรีไซเคิลได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
แต่กับเจ้าทานูกิตัวนี้ เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนรุ่นเลย, แม้ว่ามันจะกลายเป็นอุปกรณ์ตกรุ่นเหมือนกับเจ้ากระเรียนไปในที่สุดก็ตาม
พวกเขามีความหลังที่แสนจะประทับใจร่วมกัน
Tameshi เพื่อนของ Kaito มักจะเตือนเขา อยู่เสมอๆ ว่าอย่าไปผูกมัดกับอุปกรณ์ชิ้นใดชิ้นหนึ่งมากเกินไปนัก เพราะ “ของใหม่ในวันนี้ ซักวันมันก็จะเป็นของเก่า”
แม้ว่า Tameshi จะเป็นทั้งเพื่อน และที่ปรึกษาให้กับ Kaito, หลายๆ ครั้งที่ความรอบรู้ของ Tameshi นั้นน่าเชื่อถือและนำไปใช้ในชีวิตจริงได้
แต่ตัวของ Tameshi เอง มักจะไม่เอาตัวเองเข้าไปข้องแวะกับใคร หรืออะไรก็ตามนานเกินไปนัก
ตรงนี้เป็นจุดที่เขาแตกต่างกับ Kaito อย่างเหลือเชื่อ, Kaito มักจะรู้สึกผูกพันธ์กับผู้คน, โดยเฉพาะคนที่เขาใส่ใจ และเขาพร้อมจะทุ่มเทตนเพื่อรักษาสายสัมพันธ์เหล่านั้น
เจ้าหุ่นทานูกิ… เจ้า Himoto เป็นยิ่งกว่าอุปกรณ์ทันสมัยชิ้นหนึ่ง - เธอเป็นดั่งตัวแทนของวิญญาณสถิตย์ผู้ที่เปลี่ยนชีวิตของ Kaito ไปตลอดกาล…
และเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าเขายังต้องตามหาเพื่อนของเขาที่หายตัวไปเมื่อ 10 ปีก่อน
เจ้า Himoto ร่อนลงไปยังถนนเบื้องล่าง ที่เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย มันถ่ายทอดภาพของวิญญาณสถิตย์ตนหนึ่ง
มันเป็นชายหน้าบวมๆ ที่ดูบูดบึ้ง กำลังนั่งอยู่ที่ร้านราเมง พร้อมกับเกี๊ยวซ่า 3 ชิ้นที่วนเวียนอยู่รอบๆ ตัวเขา
เจ้าของร้านราเมงตักเอาเส้นใส่ถ้วย ก่อนจะใส่ลูกชิ้นปลานารูโตะสีชมพูสดใส, ใข่ต้มที่ฝานออกมาอย่างสวยงาม และโรยด้วยต้นหอมสีเขียว - ทั้งหมดนั่นเป็นราเมงที่แสนสมบูรณ์แบบ
เจ้าของร้านส่งถ้วยนั้นให้กับวิญญาณสถิตย์… ทว่าเขายังคงสีหน้าบูดบึ้ง และส่งเสียงครางของความไม่พึงพอใจออกมา
แม้ภาพที่เห็น จะเป็นการส่งต่อมาจากกล้องของหุ่นโดรน, แต่ Kaito ก็จับแววตาแสนกังวลใจของเจ้าของร้านราเมงได้, จริงอยู่ที่ดาว Kamigawa นั้น เหล่าวิญญาณสถิตย์อยู่ร่วมกับพวกมนษย์ แต่พวกเขาไม่ต้องการอาหาหร… ยกเว้นก็แต่วิญญาณที่กำลังหงุดหงิด และการขัดใจพวกเขาก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าทำอย่างยิ่ง
แต่เหมือนเจ้าของร้านราเมงจะนึกอะไรออก, เขาก้มลงไปหลังเคาน์เตอร์ หยิบเอาถ้วยราเมงที่เส้นของมันอืดจากการแช่อยู่มน้ำซุปนานเกินไปขึ้นมา
หน้าบวมๆ ของวิญญาณตนนั้นก็เต็มไปด้วยความอิ่มเอมทันที, และวินาทีที่ถ้วยราเมงอืดๆ นั้นวางลงบนโต๊ะ วิญญาณตนนั้นก็แทบจะเอาหน้ามุดลงไปในถ้วย, ส่งเสียงซูดซาดด้วยความเอร็ดอร่อย
เจ้าของร้านราเมงถอนใจออกมา และเขาหันหลังกลับไปรับลูกค้าคนอื่นๆ ต่อ
Kaito ส่งสัญญาณให้เจ้าทานูกิร่อนไปที่ตึกสูงข้างๆ เพื่อเพิ่มวิสัยทัศน์ในการตรวจตราเมือง
และเขาก็พบกับภาพของกลุ่มซามูไรที่ยืนอยู่ด้านหน้าอาคาร, ชั้นบนสุดของมันมีห้องที่ปิดม่านเอาไว้ แต่กลับแอบแง้มช่องเล็กๆ ไว้จนคนทั่วๆ ไปไม่น่าจะทันสังเกต
Kaito ส่งยิ้มออกมา เขารู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้… เขาเห็นมันเป็นดั่งคำเชิญด้วยซ้ำ
เขาเตะไปที่ขมับของเขาอีกครั้ง เพื่อปิดการถ่ายทอดภาพจากหุ่นโดรน ก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนที่ไปยังเป้าหมาย
เขาไถลตัวลงมาจากหลัง ไปยังระเบียง ไต่กำแพงลงมา และเดินปะปนไปกับผู้คนมากมายที่ท้องถนน
โดรนทานูกิที่บินมาจากมุมมืด เข้าหา Kaito เขาทำยกมือขึ้นคว้ามัน, มันเปลี่ยนร่างไปมาราวกับงานศิลป์ Origami จนกลับเป็นหน้ากาก
และวิญญาณสถิตย์รูปร่างทานูกินั่นเอง ที่ช่วยให้ Kaito ได้รับ Spark จนเขาได้เป็น Planeswalker
เขารู้แล้วว่า สำหรับบางคน โชคชะตาก็กำหนดให้ได้ออกผจญภัยไปในโลกกว้าง… กว้างกว่าสิ่งที่ Kamigawa จะมีให้ได้
วันที่เขาเลือกจะเดินทางตามวิญญาณสถิตย์ไปยังต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ Bosejiu เพื่อหวังเพียงตามหาจักรพรรดินี แต่เขาก็ได้รับพลังจากวิญญาณสถิตย์ตนนั้นมาแทน
เขาสวมหน้ากากนั้น ดึงหมวกจากเสื้อขึ้นมาคลุมหัว และเดินฝ่าสายฝนผ่านหัวมุมตึกไปในเงามืดราวกับวิญญาณ
ผ่านตรอกซอกซอย เพื่อเข้าสู่อาคารใจกลางเมือง Towashi, สู่อพาร์ทเม้นหลังนั้น และเขาก็ค่อยๆ ปืนขึ้นไป
Kaito รับรู้ถึงเสียงจากเหล่าทหารซามูไรที่ยืนระวังภัยตรงทางเข้า-ออก, เพราะทุกๆ ครั้งที่พวกเขาขยับ ชุดเกราะเหล็กที่ถูกออกแบบมาเพื่อรบไม่ใช่เพื่อภารกิจลับ ก็จะส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดออกมา
เขายังคงปืนกำแพงขึ้นไป จนถึงระเบียงของห้องนั้น
กาลเวลาเปลี่ยนทุกอย่าง, Kaito ไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว… และเขาก็ไม่ใช่คนของจักรวรรดิเช่นกัน
แต่เขาก็ยังคงเป็น Kaito ที่รักจะปืนป่ายทุกกำแพง และวิ่งไปตามหลังคาเช่นเดิม
เขาค่อยๆ ผลักบานหน้าต่างนั่น และย่องเข้าไปในห้องอย่างเงียบเชียบ
แสงจากห้องนอนที่สั่นไหว บอกเป็นนัยๆ ว่ามีใคร หรืออะไรอยู่ตรงนั้น, Kaito หันที่เตาไฟ หวังว่าเขาจะพบเข้ากับวิญญาณสถิตย์ของเตาผิง แต่ก็ไม่พบกับอะไร มีเพียงไฟที่วูบวาบเองเท่านั้น
“ไม่ต้องเป็นกังวลไป” เสียงคุ้นหูดังขึ้น “พวกเราอยู่กันแค่สองคน”
Kaito เลิกคิ้วขึ้น แต่เขาไม่ได้หันกลับไป “เป็นแผนของเธอสินะที่เปิดหน้าต่างเอาไว้”
เจ้าของห้องส่งเสียงเซ็งๆ ออกมา “ก็รู้ดีอยู่แล้ว ว่านายจะไม่เข้าทางประตูหน้า, ทั้งๆ ที่เคยไปดาวดวงอื่นมาแล้ว ทำไมไม่ศึกษามารยาทตามบ้านตามเมืองบ้างละน้อ?”
“ถ้าอยากจะเรียนเรื่องมารยาทแล้วล่ะก็” Kaito ตอบ และหันหน้ากลับไป “สวัสดีอะ-เนะ”
“ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งนะ” Eiko ส่งยิ้มออกมา
Kaito ดันหน้ากากทานูกิของเขาไปด้านหลัง “ดีใจที่ได้เจอเหมือนกัน” เขาตอบ ก่อนที่จะชะงักไปชั่วครู่นึง
ความทรงจำดีๆ ระหว่างเขากับพี่สาวคนนี้กลับเข้ามา…
เขาไม่ได้เกลียดที่เธอเลือกฝ่ายจักรวรรดิ แต่ปัญหาคือมันทำให้ทั้งคู่ต้องแยกจากกันเสียมากกว่า “ไม่ยักกะรู้ว่าพี่ต้องออกมานอกเขตราชวังบ่อยๆ นะ”
“เรื่องมันยุ่งๆ น่ะนะ” Eiko ยอมรับ “Risona กับพวก Uprisers เริ่มได้การสนับสนุนจากประชาชนของ Kamigawa เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ… พวกเขาไม่ได้มีแค่กำลังจากพวก Upriser ตอนนี้เขามีทั้งสายลับใน Towashi แล้วก็พวกสายลับใต้ดินอีก… ที่จริงแล้วมันก็ไม่ค่อยปลอดภัยที่คนทำงานแบบพี่ต้องออกมานอกเขตวังหรอก”
“แหม่, พี่เองก็ดูแลตัวเองได้อยู่แล้วล่ะ ผมจำได้เลย” Kaito แย้งขึ้น
“คือพี่เป็นที่ปรึกษาของฝ่ายจักรวรรดิแล้วน่ะนะ, มันมีเรื่องให้ต้องเป็นกังวลมากกว่าแค่การดูแลตัวเอง” Eiko ตอบเบาๆ
Kaito กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ นึกถึงบางคนที่ไม่ได้พบกันตั้งแต่วันที่เขาออกจาก Eiganjo “เอ่อ… อาจารย์ Light-Paws มาด้วยหรือเปล่า?”
นานนับสิบปี ที่ Kaito ไม่ได้พบกับอาจารย์ Light-Paws อีกเลย, เขาไม่ได้พยายามจะหลบหน้าเธอ เพียงแต่เขาไม่ได้วางแผนจะกลับไปเจอแกเท่านั้นเอง… เพียงแค่คิดถึงอาจารย์ เขาก็รู้สึกถึงแผลในใจที่รักษาไม่หาย
Eiko ส่ายหน้า “อาจารย์ท่านไม่มีเวลาเข้าร่วมประชุมการฑูตหรอกนะ, ท่านช่วยวางแผน และดูแลเรื่องแผนการป้องกันการบุกรุกจากฝ่ายอื่นๆ รวมถึงประสานงานหน่วยงานภายในให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากยิ่งขึ้น”
น้ำเสียงของ Eiko แสดงความเหนื่อยหน่ายออกมา “พวก Uprisers ของ Asari ยิ่งรวบรวมกำลังได้มากขึ้นทุกวันๆ… ยิ่งในสภาวะของเมืองที่ไร้ผู้นำแบบนี้ พวก Uprisers ยิ่งหาแนวร่วมได้ง่ายกว่าเดิม”
แม้ Kaito เองจะรู้สึกว่าพวกจักรวรรดินั้นเข้มงวดเกินไป แต่พวกเขาก็เป็นเพียงฝ่ายเดียวที่รับผิดชอบความสัมพันธ์ของโลกมนุษย์กับเหล่าวิญญาณ… ถ้าพวกจักรวรรดิล่มสลาย ก็อาจจะหมายถึงทั้ง Kamigawa จะต้องวุ่นวาย
“จักรพรรดินีจะกลับมา” Kaito กลืนน้ำลายลงคอ ไปพร้อมๆ กับสิ่งที่ตอกย้ำว่าเขาสูญเสียอะไรไป… ว่า Kamigawa สูญเสียอะไรไป
เขาออกเดินทางไปทั่วทั้ง Multiverse เพื่อตามหาเธอ, แต่ก็ไม่ได้อะไร… นอกจากข้อมูลของชายที่แขนเป็นโลหะในตอนนั้น… ชายคนนั้นเป็น Planeswalker เช่นเดียวกัน
และนั่น ก็ยิ่งตอกย้ำว่าจักรพรรดินีเอง จะถูกพาตัวไปอยู่ดาวไหนก็ได้
Eiko พยักหน้าอย่างช้าๆ “พี่ก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น… เพื่อ Kamigawa… และเพื่อนายด้วย”
Kaito หลบตา, หลายๆ ครั้งเมื่อยามสายัณห์อันเงียบงัน หัวใจของเขาจะร่ำร้องถึงเย็นย่ำที่ห้องแห่งเทพ Kyodai… วันที่เขาได้รู้ว่าเพื่อนของเขาได้หายตัวไป
แต่กับเวลานี้ มันไม่ใช่เวลาที่จะจมดิ่งอยู่กับความโศกเศร้า… มันเป็นเวลานานเกือบๆ เดือนที่ Kaito ไม่ได้เจอกับพี่สาวของเขา… และคงไม่ใช่เรื่องดีที่จะปล่อยให้ช่วงเวลานี้เต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“อย่าเป็นกังวลไปขนาดนั้นเลยพี่” Kaito ตอบ พร้อมกับทำหน้ายียวน “หรือว่าพวกโดรนของจักรวรรดิที่ร่อนเต็มท้องฟ้าเมือง Towashi เป็นเพราะอย่างนี้กันน้า?”
“ไม่ใช่นายคนเดียวที่จะมีสายสืบอยู่ในเมืองซะหน่อย” Eiko ตอบกลับ, มันชวนให้คิดถึงวันวานที่ทั้งคู่นั่งถกเถียงกัน “ถ้านายพลาดเป็นอะไรไปล่ะก็ พี่ก็จะรู้เรื่องเหมือนกัน”
“ไม่ยักกะรู้ว่า ถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวซักนิดนึงนี่ต้องออกนอกดาวเลยนะเนี่ยะ” Kaito พูดตลก
“แต่ครั้งนี้อย่าไปโดยไม่บอกอีกล่ะ” Eiko มองมาที่น้องชายของเธอ… มันไม่ใช่เป็นเพียงการร้องขอ แต่มันคือคำสัญญา
Kaito ไม่เคยเสียใจกับการหนีออกมานอกราชวัง แต่เขารู้สึกผิดเสมอที่เขาไปโดยไม่บอก Eiko ก่อน
นับตั้งแต่วันที่ Eiko และ Kaito ได้ติดตามวิญญาณสถิตย์ไปที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ Bosejiu
นับตั้งแต่วันนั้น ที่ Eiko เป็นเพียงคนๆ เดียวในจักรวรรดิที่เชื่อว่าชายที่มีแขนเป็นโลหะเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างกับการหายตัวไปของจักรพรรดินี
แม้เวลาจะผันผ่าน และอดีตอาจจะลบเลือน แต่ความทรงจำยังพาย้อนกลับไปให้ระลึกได้อยู่เสมอ
Kaito ยักไหล่ “ไม่เอาน่าอะ-เนะ, เลิกงอนเรื่องนี้ได้แล้วแหละ, ตอนเราเดินทางไป Bosejiu ผมช่วยพี่ไว้ตั้งสอง-สามหน”
“มันคนละเรื่องกันเลย, นายน่ะเดินบุกรุกอาณาเขตเทพมั่วซั่วไปหมด, ไม่โดนพวกเทพวิญญาณฆ่าเอาก่อนจะได้ Spark ก็เป็นบุญขนาดไหนแล้ว”
“แต่พี่เป็นนักการฑูตวิญญาณที่ผมนับถือที่สุดเลยนะ”
“พอเถอะ มายกยอพี่ไปก็เท่านั้นแหละ, เพราะเราต่างรู้ดี ว่านี่คือลูกไม้สุดท้ายของนายแล้ว”
Kaito หัวเราะจนเสียงก้อง “จิกซะเจ็บเลยนะ”
“ฉันได้ยินข่าวลือว่าพวก Futurists มีเทคโน-ชีวะที่ช่วยปรับเปลี่ยนลักษณะทางกายภาพได้ พวกเขาแอบทดลองกันอยู่ นายไม่ลองถามเพื่อนๆ นายดูล่ะ เผื่อจะเอามาทำให้ผิวนายทนแรงจิกได้” Eiko ตอบ
“นี่ พวกเราไม่ใช่ตัวร้ายนะ” Kaito ตอบ, รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของเขา “พวกเราแค่ทำการทดลองเพื่ออนาคตที่ดีกว่า, ไม่ได้จะทำร้ายผู้คน, หรือเริ่มสงคราม… แค่อยากจะใช้มันช่วย…ให้มันมาดูแล”
“เรื่องนั้น เรามีเทคโนโลยีรองรับอยู่แล้ว”
“ใช่, แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าถึงนี่” Kaito สวนกลับ “คนที่ไม่มีทุนทรัพย์จะซื้อใบอนุญาตหรือเปลี่ยนรุ่นของที่พวกเขามี ก็เหลือแค่ตัวเลือกไปบนบานเหล่าวิญญาณให้ช่วยพวกเขา… และเราก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย”
“แล้วนายเคยคิดมั้ย ว่ามันไม่ควรให้ทุกคนได้เข้าถึงเทคโนโลยีที่อันตรายขนาดนั้น” Eiko ตอบ “จักรวรรดิไม่ใด้อยากจะพาทุกคนถอยกลับไปยุคหิน, แต่เรายังต้องดูแลประตูระหว่างโลก(Merge Gate), ต้องพัฒนาเทคโนโลยีและปกป้องดูแลผู้คนไปพร้อมๆ กัน… ไม่ให้วิญญาณสถิตย์เข้าใจผิดว่าการพัฒนาของพวกเรา ไปเบียดเบียนอาณาจักรของพวกเขา
“ถ้าวันหนึ่งเขามองว่าเทคโนโลยีของพวกเราเป็นภัยจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ?” Eiko ส่ายหน้าไปมา “มันต้องคำนึงถึงความสมดุลด้วยนะ”
“ด้วยการเอาอำนาจไปไว้ในมือของคนกลุ่มหนึ่ง เพื่อให้เขาเขาเลือกจะสรรสร้าง และจัดสรรเนี่ยะนะ?” Kaito ตอบ “เทคโนโลยีคือสิ่งที่ช่วยให้ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ใช่เป็นของคนรวย และผู้มีอำนาจ… เราเชื่อว่าเทคโนโลยีจะลดการพึ่งพาเหล่าเทพ… และช่วยให้เราปกป้องตัวเองได้”
“อยากจะปกป้องตัวเองจากอะไรกันแน่? เพราะคนที่อยากจะก่อสงครามก็คิดเหมือนกับนายนั่นแหละ” Eiko ตอบด้วยเสียงเย็นๆ
“ผมไม่ได้สนับสนุนพวก Uprisers” Kaito ตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ “นับตั้งแต่จักรพรรดินีหายตัวไป เทพ Kyodai ก็ทำตัวแปลกๆ มาตลอด, แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าการผสานประตูของทั้งสองโลกจะช่วยให้อะไรๆ มันดีขึ้น? วิญญาณร้ายอาจจะหลุดออกมาอีก, การผสานประตูต้องใช้เวลานับพันๆ ปี… พันๆ ปีที่ผู้คนไม่มีความแน่นอนในชีวิต… ก็จริงอยู่ที่ Kami Wars นั้นเป็นเรื่องตำนานเล่าขาน, แต่ถ้าสิ่งที่จักรวรรดิทำอยู่มันก่อให้เกิดสงครามขึ้นมาอีกครั้งล่ะ?”
[[Kami Wars; สงครามระหว่างโลกมนุษย์ และโลกวิญญาณของ Kamigawa ที่เกิดขึ้นจากความกระหายอำนาจของจักรพรรดิ Takeshi Konda เมื่อราวๆ 1,300 ปีก่อน]]
[[เขาขโมยส่วนหนึ่งของวิญญาณจากมหาเทพ O-Kagachi ซึ่งทำให้มหาเทพไม่พอใจ และบุกเข้าสู่โลกมนุษย์]]
[[สงครามนั้นกินเวลากว่า 20 ปี ก่อนที่ Michiko Konda (ลูกสาวของ Takeshi Konda), ร่วมมือกับส่วนหนึ่งของวิญญาณ O-Kagachi (หรือได้รับชื่อภายหลังว่า Kyodai นั่นเอง)]]
[[และทั้งคู่ร่วมมือกันจบสงครามได้สำเร็จ]]
Eiko นิ่งไป ก่อนจะตอบกลับมา “วิญญาณสถิตย์ไม่ใช่ศัตรูของพวกเรา”
“เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือศัตรูของพวกเรา” Kaito ตอบ กลืนน้ำลายลงคอ “คืนที่จักรพรรดินีหายตัวไปในห้องของเทพ Kyodai… ไม่มีใครรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกันแน่”
เขาหยุดภัยนั้นไม่ได้, เขาไปถึงช้าไป… เขาอ่อนเกินไป… และไม่ได้เตรียมตัวไปให้พร้อม
เหมือนๆ กับทุกคนในวันนั้น
ใบหน้าของ Eiko เรียบเฉย “แต่คืนนั้นนายก็ทำอะไรมากกว่านั้นไม่ได้แล้ว”
“ถ้าเราเข้าถึงเทคโ-”
“เทคโนโลยีที่ผิดกฏหมายนั่นแหละ คือส่วนที่ทำให้จักรพรรดินีถูกลักพาตัวไป!” Eiko สวนกลับแก้มของเธอเริ่มแดงระเรื่อจากความโมโห
Kaito ขมวดคิ้ว “จักรวรรดิเอาแต่โทษพวก Futurists… พวก Upriser, พวกเขาเอาแต่หาแพะรับบาปโดยไม่มีหลักฐานเลย, นั่นแหละที่จะทำให้เกิดสงคราม”
Eiko เงียบไปพักใหญ่ๆ
Kaito เห็นว่าพี่สาวของเขาเก็บซ่อนอะไรไว้ในดวงตา “พี่รู้อะไรมา?” ความหวังเอ่อเข้ามาในอกของเขา “พี่รู้ใช่มั้ยว่าจักรพรรดินีอยู่ที่ไหน?”
“ไม่” Eiko ตอบ “แต่พี่ได้ข้อมูลบางอย่างมา… ” แม้ทั้งคู่จะนั่งอยู่ในห้องที่แสงริบหรี่ แต่ความเครียดในแววตาของ Eiko ก็ไม่สามารถหลุดรอดการสังเกตของ Kaito ไปได้
มันบอกเป็นนัยๆ ว่าสิ่งที่เธอรู้มา คือเรื่องที่บอกกับ Kaito ไม่ได้
Kaito ถามต่อไปอย่างร้อนรน “ถ้ามันเกี่ยวอะไรกับจักรพ-”
“มันเป็นเรื่องของ Tameshi” Eiko แทรกขึ้นมา
Kaito นิ่งไปทันที เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยินมา “Tameshi ไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้?”
Eiko เหลือบมองไปที่ประตูด้วยความเลิ่กลั่กแบบที่ Kaito ไม่เคยเห็นมาก่อน, เธอเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อของเธอ และหยิบเอาอุปกรณ์ที่รูปร่างคล้ายๆ กับพัดลมกระดาษ
เธอขยับนิ้วของเธอ มันเริ่มเปลี่ยนรูปร่างไปอีกครั้ง กลายเป็นโดมเล็กๆ ครอบห้องที่พวกเขานั่งอยู่ ส่งพลังงานออกมา พร้อมๆ กับแสงสีขาว
“เครื่องเก็บเสียงงั้นเหรอ?” Kaito กอดอกแล้วถามต่อ “มันเป็นความลับขนาดพี่ไว้ใจทหารยามไม่ได้เลยเหรอ?”
Eiko หายใจเข้าลึกๆ “สายของพี่แอบตาม Tameshi มาพักใหญ่ๆ แล้วน่ะ, เขาเข้าไปยุ่งกับการลักลอบศึกษาพวกวิญญาณสถิตย์อย่างผิดกฏหมาย”
“ถ้าจะสืบเรื่องของ Tameshi จากผมแล้วละก็, พี่คิดผิดแล้ว” Kaito กัดฟัน “พี่ Eiko, เราเป็นพี่น้องกันก็จริงนะ แต่ถ้าพี่จะให้ผมไปเป็นสายลับให้พี่แล้วล่ะก็-”
“ที่พี่เล่าเรื่องนี้ไม่ได้หวังให้เธอช่วย… เพราะมันเป็นเรื่องที่พี่ไม่ควรบอกเธอด้วยซ้ำ…” Eiko เอามือกดดั้งจมูกของเธอ เพื่อคลายความกดดัน “มันไม่ใช่แค่เรื่องลักลอบวิจัยกับวิญญาณสถิตย์หรอก… มันเป็นเรื่องของคนที่เขาอยู่ด้วย”
Eiko ลดมือลง “สายของเราเห็นว่า Tameshi ไปพบกับชายที่เมือง Undercity... ชายคนที่มีแขนเป็นโลหะ”
เหมือนไฟร้อนๆ ปะทุขึ้นกลางอกของ Kaito “สายของพี่อาจจะ… อาจจะพลาดก็ได้นะ” เขาพยายามปฏิเสธความจริง
Tameshi เพื่อนที่เขาได้พบเจอที่เขตป่าของ Kamigawa
Tameshi รู้ว่า Kaito เป็นเพื่อนกับจักรพรรดินี, รู้ว่าเขาพบเจออะไรในคืนนั้น, รู้ว่าเขากำลังตามหาชายที่มีแขนเป็นโลหะ… Kaito ไม่เคยมีความลับกับเพื่อนคนนี้… ไม่เคยมี และไม่คิดจะมี
มันเลยเป็นเรื่องไม่น่าเป็นไปได้ ที่ Tameshi จะปิดบังเรื่องสำคัญขนาดนี้กับเขา…
“เชื่อพี่เถอะ Kaito, ถ้าพี่ไม่แน่ใจข้อมูลนี้จริงๆ พี่คงไม่บอกนาย” Eiko ตอบ “โดยเฉพาะเรื่องนี้”
Kaito พูดด้วยเสียงที่ว่างเปล่า “Tameshi ไม่หักหลังผมหรอก”
“พี่ก็บอกนายเท่าที่พี่รู้” Eiko บอก “10 ปีก่อน นายเคยสาบานว่าจะไม่หยุดตามหาองค์จักรรพรรดินี… ถ้า Tameshi รู้จักกับชายคนนั้น นายไม่คิดจะสืบหาหน่อยเหรอ ว่าทำไมเขาถึงต้องเก็บเป็นความลับ?”
“ผมไม่เชื่อสายของพี่หรอก” Kaito พูดเสียงเข้ม “ผมไม่ยอมให้เพื่อนผมต้องเป็นแพะรับบาปหรอกนะ”
“พี่ก็ไม่ได้ขอให้นายทำ, แต่เราต้องตามหาจักรพรรดินีไม่ใช่เหรอ? และนี่คือข้อมูลที่จะช่วยให้เราเข้าใกล้เป้าหมายนั้น… อย่างน้อยๆ ก็เพื่อตามหาความจริง”
Kaito หลบตาด้วยความผิดหวัง… มันควรจะมีเหตุผลที่เข้าท่ามากกว่านี้สิ, Tameshi จะโกหกเขาทำไม?… จะหักหลังกันทำไม?…
“Kamigawa ต้องการผู้นำ” Eiko ตอบ “ผู้นำที่จะพาให้สมดุลกลับคืนสู่ประชาชนอีกครั้ง”
Kaito หันกลับมาจ้องหน้าพี่สาวของเขา “ถึงผมจะไม่เชื่อว่าการมีผู้นำ หรือบัลลังก์จะช่วยอะไรเรื่องความสมดุลได้… แต่ผมจะทำทุกอย่าง เพื่อตามหาจักรพรรดินี”
Kaito ไว้ใจ Tameshi มายาวนาน
แต่เขาไว้ใจ Eiko มานานกว่า
ไม่ว่าสายข้อมูลของเธอจะได้ข้อมูลมาถูกต้องหรือไม่ก็ตาม, Kaito เชื่อใจพี่สาวของเขามากพอที่จะตามสืบจากข้อมูลนั้น
และถ้าเรื่องทั้งหมดเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงแล้ว เขาก็วางใจว่าอย่างน้อยๆ Tameshi ก็คงไม่ถือโทษโกรธกัน
Kaito กำลังจะออกไปทางหน้าต่าง เพื่อเริ่มต้นภารกิจ
Eiko ปิดเครื่องเก็บเสียง และเอามันเก็บไว้ในเสื้อคลุมของเธอ “ขอโทษนะ Kaito” Eiko พูดด้วยเสียงที่โศกเศร้า “พี่รู้ว่านายสนิทกับ Tameshi มาก”
Kaito หยุดอยู่ตรงหน้าต่าง กับความคิดที่ยังต่อต้านความจริงที่ได้ฟัง… แต่ถ้า Tameshi เข้าไปข้องแวะกับชายแขนโลหะจริงๆ แล้วล่ะก็… ถ้าเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจักรพรรดินีแต่ปิดปากเงียบ…
ความเป็นเพื่อนของพวกเขา ก็คงไม่ใช่อย่างที่ Kaito คิดอีกต่อไป
- แมงกระพรุน -
Kaito ยืนอยู่ในตรอก หลังแนบกำแพงหินเบื้องหลังของเมือง Otawara ที่อยู่เหนือขึ้นไปบนฟ้า, มันอยู่สูงเสียจน Kaito คิดไปว่าเมืองลอยฟ้าคงจะไม่มีเงามืดไว้คอยซ่อนตัว
Himoto หุ่นโดรนทานูกิของเขาไม่สามารถช่วยเหลือในภารกิจนี้ได้มากนัก, เพราะด้วยความสนิทของเขากับ Tameshi, เจ้า Himoto ก็เป็นอุปกรณ์ที่เพื่อนของเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี, การสะกดรอยของเขาจึงต้องกลับไปใช้วิธีแบบดั้งเดิม… ใช้การสะกดรอยด้วยทักษะของตัวเอง
และเวลาเพียงสัปดาห์นิดๆ… เขาก็รู้ตัวแล้วว่า เขาเกลียดหน้ากากใหม่ที่ต้องสวมชะมัด
หน้ากากของคนลวง
การหักหลังเพื่อนของตัวเองนี่มันช่างเจ็บปวด… หลายๆ ครั้ง Kaito เกือบจะพลั้งเผลอคิดไปว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิด… สายของ Eiko ได้ข้อมูลมาผิดพลาด… ชายแขนโลหะ กลับกลายเป็นคนละคนกับ Planeswalker ที่อารามแห่งเทพ Kyodai
แต่ยิ่งเขาได้หลักฐานมามากขึ้นเท่าไหร่… ข้อมูลที่มี ยิ่งบ่งชี้ว่าพี่สาวของเขาเป็นฝ่ายถูก
Tameshi ซ่อนความลับอะไรบางอย่าง… ไม่ใช่แค่กับ Kaito, แต่รวมถึงเหล่า Futurists ด้วยเช่นกัน
Kaito แอบติดตาม Tameshi ทุกๆ วัน, เขาเริ่มต้นวันเพื่อไปทำงานในแผนกการพัฒนาของ Futurist เหมือนๆ กับสมาชิกคนอื่นๆ
เมื่อสิ้นวัน ทุกๆ คนก็ต่างแยกย้ายกลับบ้าน จะเหลือก็เพียง Tameshi ที่ยังอยู่ในห้องทดลองของเขา… ยังคงวิจัยโครงการบางอย่าง โดยที่ไม่มีใครรู้เลย
และเมื่อเขาไม่ได้อยู่ที่ห้องทดลองของเขา, Kaito ก็พบว่าเขาแอบไปซื้อขายเครื่องขยายพลังจากตลาดมืด
พบว่าเขาแอบนำพัสดุบางอย่างไปที่ห้องทดลองลับอีกที่
และพวกหุ่นโดรนใต้ดินที่แอบเดินทางไปยังเมือง Undercity ของเขต Towashi
ทุกๆ การกระทำของ Tameshi เป็นหลักฐานอย่างชัดเจนว่าเขากำลังทำเรื่องผิดกฏหมายอยู่แน่ๆ…
แต่เรื่องการทรยศนั้น… ยังหาหลักฐานไม่ได้
Tameshi ยืนอยู่หน้าโรงงาน, หุ่นโดรนของเขาเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นมังกรตัวยาวๆ ออกจากข้อมือของเขา
Tameshi แตะไปที่โดรนเบาๆ ส่งมันบินขึ้นฟ้า เพื่อตรวจตราพื้นที่
เขาก้มมองแผงควบคุมที่ข้อมือของเขาซักพัก ก่อนที่จะบินขึ้นฟ้าไป
Kaito ไม่รอช้า เขาเคลื่อนตัวเข้าสู่เป้าหมาย, ในตอนนี้เพื่อนร่วมงานของ Tameshi ต่างแยกย้ายกันกลับบ้านไปหมดแล้ว, Kaito คว้าเอาดาวกระจายออกมาจากเข็มขัดของเขา มันส่งแสงเรืองสีฟ้าๆ ตลอดแนวคมของมัน
Kaito สบัดข้อมือของเขา ส่งดาวกระจายแหวกอากาศไปแปะติดอยู่กับกล้องวงจรปิด
แสงสีฟ้ากระพริบวาบๆ ก่อนที่จะเลี่ยนเป็นสีเขียว
Kaito ดึงหน้ากากลงมาพร้อมๆ กับหมวกคลุมหัว, เขาย่องเข้าไปที่ประตูของโรงงาน และไม่มีใครรู้ถึงการมาเยือนของเขาแน่ๆ ถ้ากล้องทุกตัวถูกหยุดภาพเอาไว้
แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เขายังต้องทำเวลา เพราะไม่รู้ว่า Tameshi จะวนกลับมาที่นี่หรือไม่?
พื้นกระเบื้องที่เย็นเฉียบ ส่งเสียงก้องสะท้อนไปมา, Kaito พยายามข่มความระแวงเอาไว้… มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเข้ามาในโรงงานหรอก… แค่ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเหมือนเป็นคนนอก
เหมือนคนทรยศ เสียงจากหัวใจของเขาก้องออกมา… Kaito ตั้งสมาธิเพื่อขจัดความคิดนั้นออกไป
ถ้าหลักฐานทั้งหมดบอกว่า Tameshi ไม่ใช่คนผิด… Kaito ก็ยินดีจะรับผิดจากการดอดเข้าห้องทดลอง… แต่ถ้า Tameshi คือฝ่ายที่ปิดบังเขามาตลอดแล้วละก็…
Kaito ไม่ได้พร้อมจะรับความจริงที่ตามมานักหรอก… แต่เขาเลือกที่จะทำมันเพราะจักรพรรดินี
Kaito เดินผ่านประตูโลหะที่เชื่อมไปยังห้องทดลองของ Tameshi โดยไม่คิดจะงัดเข้าไป… เพราะเขาไม่มีทั้งกุญแจ หรือหุ่นยักษ์ที่จะง้างประตูนี้ได้…
แถมถ้าจะฝังระเบิดแล้ว มันก็ดูขัดๆ กับความต้องการตามหาหลักฐาน, ถ้าหลักฐานทั้งหมดมันระเบิดไปพร้อมกับประตู คงดูไม่จืดแน่
เขาเดินขึ้นไปยังห้องทำงานของ Tameshi ต่อทันที, โต๊ะสีเข้มขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง ด้านบนเต็มไปด้วยกองเอกสารและแผ่นชิปข้อมูล, โคมไฟกลมตั้งอยู่ที่มุมห้อง Kaito เอานิ้วของเขาไปแตะข้างๆ มัน และไฟก็ติดขึ้น
เขาใช้พลังจิตยกให้มันลอยขึ้นมาช่วยส่องแสง
เขาเปิดลิ้นชักทุกๆ ช่อง, ตู้เก็บของทุกๆ ชั้น… แม้แต่กองเอกสารที่กองอยู่เต็มโต๊ะ, แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นแค่ของที่ไม่สลักสำคัญอะไร, นอกจากรหัสลับที่ถูกซ่อนไว้ใต้แฟ้มเอกสาร
ใช้เวลาเพียงเล็กน้อย Kaito ก็สามารถถอดรหัสข้อความนั้นได้ง่ายๆ… เขารู้จักทุกๆ ลูกไม้ของ Tameshi ที่สอนมา
มันอาจจะเป็นข้อความที่ไม่เฉพาะเจาะจง แต่มันคือจดหมายสำหรับนัดพบที่เมือง Undercity, การนัดพบที่ไม่สะดวกเอาเสียเลย
เมื่อเมือง Undercity นั้นอยู่ที่ชายแดนเขต Towashi จนเกือบจะถึงเขตป่า Jukai อยู่แล้ว มันไม่ใช่สถานที่เหมาะสมกับการประชุมงานเสียเลย
การเดินทางจากเมืองลอยฟ้า Otawara ไปยังชั้นพื้นผิวบ่อยๆ ถ้าไม่แอบทำอย่างหลบๆ ซ่อนๆ แล้วย่อมตกเป็นเป้าสายตาของ Futurists คนอื่นๆ
Kaito ดูเวลาของนัดหมายในมือ… มันคือคืนนี้… และนั่นคงจะเป็นที่ที่ Tameshi เดินทางออกไป
แต่เขาจะไปทำอะไร? ใครนัดพบเขา?
Kaito ลุกขึ้นยืน และบังเอิญเหลือบไปเห็นชิปข้อมูลที่อยู่กับกองเอกสาร
เขาเอาหน้ากากทานูกิของเขาไปเชื่อมกับชิปชิ้นนั้น หน้ากากของเขาใช้เวลาซักพักก่อนที่จะถอดรหัสและฉายภาพบางอย่างออกมา
ภาพคล้ายๆ กับพิมพ์เขียวของอุปกรณ์แปลกๆ รูปร่างบางๆ มีสายไฟที่ขยับไปมาเหมือนหนวด และเมื่อรวมๆ กัน มันดูคล้ายกับแมงกระพรุน… แต่มันก็เป็นสิ่งที่ Kaito ไม่เคยเห็นมาก่อนอยู่ดี
แม้อุปกรณ์นั้นจะดูล้ำหน้ามากแค่ไหน… แต่มันก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า Tameshi จะรู้จักกับชายที่มีแขนเป็นโลหะ
ข้อพิสูจน์ของเรื่องนั้น… Kaito คงต้องตามไปที่จุดนัดพบ
Kaito ถอดเอาชิบข้อมูลออกจากหน้ากากของเขา และนำมันไปวางไว้ที่เดิม, ใช้พลังจิตส่งโคมไฟกลับไปวาง และออกมาจากห้องทำงานนั้น
ก่อนจะออกมาจากโรงงาน เขาก็ไม่ลืมที่จะดึงเอาดาวกระจายของเขากลับมา, คว้ามันจากกลางอากาศ, เก็บมันไว้ที่เข็มขัดตามเดิม และมุ่งหน้าไปยังสถานีขนส่ง
- สะกดรอย -
Kaito ลัดเลาะไปตามท้องถนนของ Undercity อย่างง่ายดาย แม้ว่าตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลายามค่ำคืน, แต่แสงอาทิตย์นั้นไม่เคยส่องลงมาถึงพื้น, แสงนีออนจากอาคารก็เช่นกัน, ทางระบายน้ำที่เต็มไปด้วยต้นซากูระที่สวยงาม แต่ไม่อาจปกปิดกลิ่นที่น้ำเน่าจากท่อระบายน้ำไปได้
สำหรับการตามหา Tameshi นั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก, นานๆ ครั้งที่จะมีชาว Moonfolk ซักคนเข้ามาในเขตพื้นที่นี้ และข้อมูลจากชาวบ้านก็หาซื้อได้ไม่ยากนัก
Kaito ตามรอยไปจนถึงท่าเรือแห่งหนึ่ง, ยิ่งไกลตัวเมือง แสงยิ่งริบหรี่มากกว่าเดิม, น้ำจากคูน้ำข้างๆ สีดำเมี่ยมประกอบกับรสเฝื่อนๆ ที่ลอยมาตามลมจน Kaito รู้สึกได้ถึงสารเคมีสะสมที่อยู่ในท่อระบายน้ำ
เสียงของไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาจากท่อ ช่วยกลบเสียงฝีเท้าของ Kaito, เขาย่องเข้าไป ปล่อยมือสบายๆ เพื่อเตรียมพร้อมจะคว้าเอาดาบมาใช้งานถ้าจำเป็น
เขาไม่รู้ว่าอะไรรอเขาอยู่, แต่ถ้าเขาได้เจอกับชายที่มีแขนเป็นโลหะอีกครั้ง เขาจะไม่ยอมให้ชายคนนั้นหนีไปอีก
ตู้ขนส่งขนาดใหญ่ที่ถูกวางซ้อนๆ กันไม่เป็นระเบียบมากนัก ช่วยเปิดพื้นที่ให้หลบซ่อน, แต่สายตาของ Kaito ยังคงจับจ้องไปที่คลังเก็บสินค้าด้านหน้า, มันเป็นเพียงที่เดียวในบรเวณนี้ที่มีแสงสว่างเล็ดลอดออกมาจากประตูที่เปิดทิ้งไว้
Kaito ถอดหน้ากากของเขาออก, และให้หน้ากากของเขากลับไปสู่ร่างของทานูกิอีกครั้ง, Himoto ออกบินอย่างเงียบเชียบไปยังคลังสินค้า, ส่วนเขาก็ชักดาบออกมาจากฝักด้านหลัง, เขาสบัดข้อมือ และคมดาบก็ขยายตัวออก กลายเป็นฟันเลื่อยตลอดทั้งแนว
เขากระชับดาบในมือ และค่อยๆ ย่องตามหุ่นโดรนของเขาไป ก่อนจะแตะขมับหนึ่งที
โดรน Himoto บินเข้าไปหลบที่มุมมืดหลังคานของคลังสินค้า, กล่องลังโลหะมากมายอยู่ภายในนั้น, ที่ท้ายคลังสินค้า มีพื้นที่โล่งๆ ที่มีโต๊ะกับอุปกรณ์สำหรับการวิจัยต่างๆ, ถ้วยบีกเกอร์ส่งแสงเรืองๆ สะท้อนกับเครื่องแก้วอื่นๆ, บ้างก็บรรจุของเหลวสีนีออนเดือดๆ, บ้างก็เป็นของเหลวคล้ายๆ โลหะหลอมเหลว
เครื่องมือสำหรับการผ่าตัดวางระเกะระกะ, ทั้งมีดรูปร่างประหลาดๆ ไม้ว่าจะเป็นชิ้นที่ดูคล้ายๆ กับสิ่งประดิษฐ์สามเหลี่ยน หรือบางมีเล่มก็เล็กเสียจนไม่แน่ใจว่ามันจะใช้งานได้จริงไหม?
ที่โต๊ะทำงานข้างๆ เต็มไปด้วยเศษโลหะ และวัสดุอื่นๆ ที่พยายามวางเพื่อประกอบ แต่ก็ดูเหมือนตัวต่อที่ไม่ควรจะอยู่ด้วยกัน
Kaito รู้สึกไม่สบายใจทันที… ทุกอย่างที่เขาเห็นที่นี่, มันไม่ใช่การวิจัยของ Futurists แน่ๆ… ไม่ใช่การวิจัยจากที่ไหนๆ ใน Kamigawa
Kaito ส่ง Himoto ขยับเข้าไปที่โต๊ะทดลองนั้น แต่ฉับพลัน ก็มีเงามืดขนาดมหึมาทอดตัวเข้ามา
Himoto จับได้เพียงความเคลื่อนไหวของเงานั่น และเสียงของการถกเถียงก็ตามมา
ภาพที่ Himoto ถ่ายทอดมาให้ Kaito มีเพียงเงามืด กับเสียงการพูดคุยที่แปลกหู… เสียงเหมือนโลหะกระทบกัน
“ไอ้ก้อนเนื้อนี่ มันหมดประโยชน์แล้ว, ความเคลงใจ และความอ่อนแอต้องถูกกำจัดออกจากสมการ”
เสียงฝีเท้าขยับมาจากกล่องลังใกล้ๆ พร้อมกับเสียงฮึมฮัมที่จับใจความไม่ได้
เจ้าของเงานั่น ขยับร่างออกมากระทบแสง, Kaito แทบจะหยุดหายใจเมื่อมันปรากฏตัวขึ้น… ร่างที่แวววับสะท้อนแสงรอบข้าง, ทั้งแขนที่มีกรงเล็บ และแนวสันหลังที่โค้งยาวปประกอบกับหนามแหลมๆ ชี้ขึ้นมา, กระดูกซี่โครงโลหะที่ไร้การห่อหุ้มจากผิวหนังใดๆ, ส่วนหัวของมันดูคล้ายกับนกปีศาจ, แหลม เรียว แต่เต็มไปด้วยฟันแหลมๆ มากมาย, มันดูสยดสยองจน Kaito เผลอถอยไปก้าวหนึ่ง… ถึงแม้จริงๆ แล้วตัวเขาจะยังอยู่ด้านนอกคลังสินค้าก็ตาม
เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้มันไม่ใช่ชายที่มีแขนเป็นโลหะจากอารามแห่ง Kyodai แน่ๆ… ภาพที่เห็น มันไม่ใช่คนด้วยซ้ำไป
มันเคลื่อนตัวด้วยท่าทางที่ดูผิดธรรมชาติ, Kaito ค่อยๆ สั่งให้ Himoto ถอยกลับไปในเงามืด
“สรุปผลของสสารทั้งหมด, และเตรียมขนส่งกลุ่มตัวอย่าง” สัตว์ประหลาดตัวนั้นหันกลับไปสั่งงานลิ่วล้อของมัน “อย่ามัวแต่ชักช้า, ถ้าร่างทดลองคืนสติขึ้นมา ผลการทดลองจะเสียหาย”
คนกลุ่มหนึ่งเข้ามาในระยะจับภาพของ Himoto และเริ่มขนย้ายพวกกล่องเก็บสินค้าออกไป, ทิ้งพวกโหลแก้ว และขวดทดลองไว้เบื้องหลัง
กล่องพวกนี้ขนาดมันน่าจะบรรจุอาวุธร้ายแรงได้สบายๆ Kaito คิดกับตัวเอง นายหาเรื่องอะไรใส่ตัวล่ะเนี่ยะ Tameshi?
แต่ทว่า ทันทีที่กล่องกล่องหนึ่ง ถูกกระแทกเข้ากับกล่องอื่นๆ ที่รออยู่บนบรรทุกสินค้า ก็มีเสียงกรีดร้องดังอกมา…
เสียงที่เหมือนกับเสียงของวิญญาณสถิตย์
แม้ว่า Kaito อยากจะรู้ว่าอะไรอยู่ในกล่องนั่นมากแค่ไหน… หรือมันจะเป็นสิ่งที่สามารถขปริศนาทั้งหมดได้ก็ตาม
แต่เขาก็รู้ดี ว่าเขาคนเดียว รับมือกับกลุ่มคนมากมายขนาดนี้ไม่ได้ไหว แถมยังมีไอ้ตัวประหลาดร่างโลหะนั่นอีก
“แล้ว พวกหลอดทดลองพวกนี้ล่ะครับ?” หนึ่งในคนงานถามขึ้น
เจ้าสัตว์ประหลาดหันไปมองที่รถบรรทุก ก่อนจะตอบไป “หลักฐานทุกอย่างต้องถูกกำจัด, การวิจัยขั้นต่อไปสมควรจะทำในที่ที่เหมาะสมกว่านี้, และตอบแทนเจ้าก้อนเนื้อนั่นด้วย”
ชายคนนั้น ส่งยิ้มมุมปากออกมา ก่อนที่จะคว้าขวดทดลองที่ยังมีสารเคมีเดือดปุดๆ อยู่ภายใน, ขว้างมันไปยังขวดอื่นๆ
เสียงระเบิดที่ดังขึ้น ทำเอา Kaito ถึงกับสะดุ้ง, เขากระชับมีดในมือ ส่งสัญญาณให้ Himoto กลับมา พร้อมๆ กับเสียงของรถบรรทุกที่เร่งเครื่องออกไป
เปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง ราวกับมันจะห้ามไม่ให้เข้าไปภายในอีกครั้ง…
แต่ทว่า หลักฐานที่พอจะหลงเหลือทั้งหมดก็ยังติดอยู่ภายในเปลวเพลิงอันบ้าคลั่ง
Kaito วิ่งเข้าไปในคลังสินค้า มองหาอะไรซักอย่าง… อะไรก็ได้ที่จะช่วยให้ภารกิจของเขาได้ไปต่อ
เปลวเพลิงหลากสีสันที่กำลังลุกโชนในตอนนี้กำลังปิดกั้นเขาอยู่ ซึ่งอีกไม่กี่นาทีทั้งอาคารคงเหลือไว้แค่เพียงเถ้าถ่าน
Kaito ที่กำลังหมดหวัง ก็ได้ยินเสียงครวญครางจากด้านหลัง
เขาหันกลับไปยกดาบขึ้นเตรียมพร้อม แต่ภาพที่เขาเห็นคือร่างของ Tameshi ที่นั่งอิงอยู่กับกล่องลังสินค้า
ร่องรอยบนผ้าคลุมที่ฉีกขาดเป็นแนวยาว… มาจากแผลของกรงเล็บแบบเดียวกับเจ้าสัตว์ประหลาดนั่น… กองเลือดที่เอ่อข้างๆ Tameshi บ่งบอกสาเหตุที่ใบหน้าของ เขาเริ่มซีดเซียวแบบที่ Kaito ไม่เคยเห็นมาก่อน
Tameshi กำลังจะตาย
Kaito เก็บดาบเข้าฝัก วิ่งเข้าไปหาเพื่อนของเขา คุกเข่าลงข้างๆ พร้อมกับคำมากมายที่อยากจะพูด… เรื่องมากมายที่อยากจะถาม… แต่หัวใจของเขากำลังแตกสลาย… ทุกอย่างมันจุกอยู่ที่คอจนพูดอะไรไม่ออก
Tameshi เงยหน้าขึ้นมา กับแววตาที่ฝืนสู้กับความตาย เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน “Kaito…”
Kaito ทำได้เพียงส่ายหัวไปมา… มันไม่ใช่เรื่องจริง… เขากำลังจะเสียเพื่อนรักของเขาไปจริงๆ หรือ?
เสียงแหบพร่าของ Tameshi ยังพูดต่อ “ข- ข้าทำเรื่องผิดพลากมามากมาย… แต่การโกหกแกนี่มันแย่ที่สุดเลยล่ะ”
Kaito รู้สึกถึงความร้อนจากเปลวเพลิงด้านหลัง… เขาไม่สามารถเคลื่อนย้ายร่างที่บาดเจ็บสาหัสของ Tameshi ไปไหนได้… เพราะมันมีแต่จะเร่งหาความตายเท่านั้น…
ถ้ามีเวลามากกว่านี้ สิ่งที่ในใจของ Kaito อยากบอกก็คงให้ Tameshi ไม่ต้องเป็นห่วง… ไม่ต้องเป็นกังวล… เพราะเขาให้อภัยทุกอย่าง… ให้ได้ทุกอย่างที่เพื่อนควรจะให้
แต่ Kaito ก็ยังมีเพื่อนอีกคน… เพื่อนที่ยังมีหวังจะช่วยเธอ
“นายรู้อะไรเกี่ยวกับการหายตัวไปของจักรพรรดีนีบ้าง?” Kaito พูดทั้งๆ ที่ดวงตาของเขามันอยากจะส่งน้ำตาออกมาเหลือเกิน “นายไปรู้จักกับชายที่แขนเป็นเหล็กได้ยังไง?”
เปลือกตาของ Tameshi เริ่มหย่อนตัวลง
“ไม่นะ!” Kaito ทึ้งผ้าคลุมของ Tameshi “อย่าพึ่งตายนะเว้ย! บอกความจริงมาก่อน!”
Tameshi พยายามหายใจเข้า เอาอากาศเฮือกสุดท้าย, เขาจ้องตา Kaito ด้วยแววตาของคนรู้สึกผิด… ผิดอย่างไม่อาจให้อภัยตัวเองได้… เวลาของเขามันหมดลงแล้ว
“Tezzeret…” Tameshi กระซิบคำนี้ออกมา ก่อนที่เขาจะสิ้นใจไป…
เสียงร้องไห้ของ Kaito กลายไปเป็นการไอ, น้ำตาที่ไหลอาบแก้ม แห้งเหือดจากผิวหนังของเขา… เปลวเพลิงลุกลามมาใกล้เกินไปแล้ว
Kaito กัดฟัน, เอื้อมมือของเขาไปแตะที่ดวงตา และปากของ Tameshi เป็นการร่ำลาอย่างเงียบเชียบ… และแม้ความรู้สึกผิดจะกัดกินหัวใจของเขา, Kaito เอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมของ Tameshi เพื่อเอากุญแจของห้องทดลองออกมา
แม้ว่า Tameshi จะจากไปแล้ว… แต่ Kaito ยังเหลือเรื่องที่ต้องทำอีกมากมาย
หุ่นโดรนรูปทานูกิของเขาบินมากข้างกาย แปลงกายไปเป็นหน้ากาก, Kaito นำมันมากระชับเข้าที่หน้า
ก่อนจะฝ่าเปลวเพลิง ทิ้งคลังเก็บสินค้าที่ไฟโหมท่วมไว้เบื้องหลัง
Magic Story By Akemi Dawn Bowman