- อดีตที่เลวร้าย -

 

แสงอาทิตย์ที่สาดส่องทะลุต้นไม้ สะท้อนระลอกคลื่นของบึงในเขตเมือง Takenuma, แม้โดยปกติ Kaito จะหาทางลัดในการเดินทางเสมอๆ แต่กับที่แห่งนี้ เขาพยายามจะเดินตามเส้นทางที่มีอยู่แล้ว เพราะเขารู้ดี ว่าแม้แต่ดอกไม้ที่ดูธรรมดาๆ ของ Takenuma ก็อาจจะมีพิษร้ายแรงถึงตายได้ แค่เพียงเผลอสัมผัส

Takenuma เมืองของมนุษย์หนู (Nezumi), พวกเขาค่อนข้างจะเปิดเผยเรื่องไม่ต้อนรับคนแปลกหน้าเท่าใดนัก ซึ่ง Kaito ก็รู้ดี, และถ้าไม่มีเหตุจำเป็นอะไร เขาก็ไม่อยากจะเข้ามาย่านนี้เท่าใดนัก

 

[[Nezumi หรือมนุษย์หนู; เป็นชนเผ่าพื้นเมืองของ Kamigawa, พวกเขาจะอาศัยอยู่เป็นชุมชน ที่เขตเมือง Takunuma, มนุษย์หนูมักจะเป็นนินจา หรือหมอผี]]

 

แต่กุญแจสำคัญของคดีนี้ ที่ Kaito สืบทราบมาคือ Tezzeret เคยข้องแวะกับพวก Nezumi

 

หลังจากที่ Tameshi เสียชีวิต, Kaito ก็ค่อยแกะรอยทุกๆ เบาะแสของชายที่ชื่อ Tezzeret เพิ่มเติม, ทุกๆ ข้อมูลที่ฐานข้อมูลของ Otawara มี เขาสืบเสาะมันทั้งหมด…

แต่ก็พบว่า  เขาแทบจะเสียเวลาทั้งสัปดาห์ไปกับความว่างเปล่า

เบาะแสเดียวที่เขาได้มา มันมาจากความทรงจำของเด็กชายมนุษย์หนู ที่มาจากเรื่องเล่าของนักประวัติศาสตร์อีกที

เด็กคนนั้น มีชื่อว่า Nashi, เขาเล่าถึงเรื่องราวเมื่อราวๆ 5 ปีก่อน,

ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ หมู่บ้านของกลุ่มมหนุษย์หนูชื่อ Katsuro… หมู่บ้านที่ถูกเผา และรุกรานโดยกลุ่มกองกำลังที่มากมายเกินคณานับ

เด็กชาย Nashi ผู้รอดชีวิต แต่ต้องสูญเสียแม่ไปต่อหน้าต่อตา ท่ามกลางเปลวไฟที่เผาทั้งหมู่บ้านให้มอดไหม้

เขาและกลุ่มผู้ริดชีวิตคนอื่นๆ กลับมาที่หมู่บ้านที่เหลือเพียงเถ้าถ่าน, ผู้ใหญ่ที่รอดชีวิตมาได้ พร่ำกระซิบส่งต่อชื่อของชายที่อยู่เบื้องหลัง… พวกเขาเรียกชายคนนั้นว่า Tezzeret

ในวันนั้น Tezzeret กลับถูกหักหลังโดยลูกน้องคนหนึ่งของเขา ทำให้เขาถูกทำลายความทรงจำจนเหลือเพียงร่างกายอันว่างเปล่า, เขาถูกทิ้งไว้ท่ามกลางซากเถ้าถ่านของหมู่บ้าน Nezumi พวกมนุษย์หนูเลือกที่จะเก็บร่างของเขาเอาไว้ จนกระทั่งมังกรตัวหนึ่งได้เข้ามาต่อรองขอร่างนั้นกลับไป

แม้ Tezzeret จะไม่อยู่แล้ว แต่องค์กรของเขายังคงอยู่, และถ้ามีใครรู้ว่าภารกิจที่ Tezzeret เองมอบหมายนั้น ยังหลงเหลือผู้รอดชีวิตแล้วละก็

มันจะกลายเป็นอันตรายกับเหล่า Nezumi ที่รอดมาจากเหตุการณ์นั้นได้

พวกเขาจึงฝึกฝนให้เด็กๆ ทุกคนในวันนั้น หายตัวไปราวกับเป็นเพียงผี รวมถึงตัวพวกเขาเอง

 

[[เรื่องราวข้างต้น เกิดในช่วงปี 4556-4557 A.R. ซึ่งเป็นช่วงเนื้อเรื่องของ Agents of Artifice; โดยลูกน้องของ Tezzeret ที่หักหลังเขาก็คือ Jace  Beleren]] 
[[มังกรที่เข้ามาต่อรองคือ Nicol Bolas, ส่วนองค์ที่เหล่า Nezumi เป็นกังวลก็คือองค์กร Infinite Consortium นั่นเอง]]

 

แม้ว่าพวกเขาจะอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนได้ตลอดกาล, แต่ Nashi หนูน้อยที่ไม่เหลือครอบครัวอีกแล้ว, การปล่อยให้เขาออกไปจากหมู่บ้านนั้น ถือเป็นเรื่องที่ปลอดภัยไม่ต่างกัน, เขาจะรอดพ้นจากการตามล่า และได้เริ่มต้นชีวิตใหม่

 


Jace Beleren

 

แม้เรื่องราวทั้งหมดจะจบลงแล้ว แต่การมาเยือนของ Kaito ก็ไม่ได้รับการต้อนรับเช่นเดิม, ไม่ว่าเป็นหมู่บ้านใกล้เคียง ก็ไม่ตอบกลับ Kaito… ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของ Nashi เท่านั้น แต่หมายถึงทุกๆ เรื่อง

เพียงแค่พวกเขาเห็น Kaito, พวกเขาก็ปิดประตูใส่, ตะโกนไล่ให้พ้น หรือขู่ว่าจะฆ่าเขาด้วยยาพิษ… ซึ่งก็ไม่น่าเสี่ยงกับคำขู่นั้น เพราะรอบๆ ตัวมีแต่ดอกไม้อันตรายเต็มไปหมด

แล้ว Kaito เองก็ไม่ได้มีเส้นสาย หรือคนรู้จักในเขตนี้เลย… แต่เขาจะหันหลังกลับตอนนี้ก็ไม่ได้ เพราะหลักฐานสุดท้ายพาเขามาที่นี้… มันไม่มีทางที่เขาจะยอมกลับไปมือเปล่า

Kaito ขยับหน้ากากทานูกิของตัวเองให้กระชับ, เดินเท้าต่อไป พื้นถนนส่งแสงเรืองๆ เพื่อนำทางที่ต้องเดินไป… แต่มันกลับพาเขาเดินข้ามบึงน้ำที่มองไม่เห็นก้นบ่อ…

มันไม่ได้ลึกขนาดที่จะทำให้เขาต้องตัวเปียก ก่อนที่แสงสีเหลืองๆ จะปรากฏขึ้นที่ใต้น้ำ, Kaito รีบกระโดด ข้ามไปยังพื้นถนนที่แห้งกว่า, การโดนปลาไหลพิษกินเอาไม่ใช่การตายแบบที่เขาจินตนาการเอาไว้…

เขาไม่ได้กลัวพวกมันด้วยซ้ำ ที่จริงแล้ว เขาชอบเวลาที่ทาน้ำมันงา แล้วเอามันไปย่าง ก่อนจะรวมกับข้าวปั้น และพันด้วยสาหร่ายอีกทบ

 

เส้นทางที่ควรจะเดินไป กลับมีรากไม้ขนาดใหญ่งอกมาขวางทาง แต่ข้างๆ กันก็ยังมีทางเดินเล็กๆ ให้พอมุ่งหน้าต่อไปได้

Kaito ตามทางนั้นไป จนถึงหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง เขาพบบ้านหลังเล็กๆ ที่ทำมาจากฟาง และกระดาษ… มันไม่น่าจะทนพายุลมพัดได้…

หรือประกายไฟเพียงเล็กน้อย…

Kaito ไม่อยากจะนึกถึงมันเท่าไหร่นัก, สิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของ Nashi มันออกจะโหดร้ายอยู่ไม่น้อย ที่ต้องเห็นคนให้ครอบครัวถูกเผาทั้งเป็น

 

แต่เขาก็ยังต้องหาความเชื่อมโยงเรื่องราวทั้งหมดนี่ กับ Tomeshi… กับสัตว์ประกลาดที่ท่าเรือ… กับองค์จักรพรรดินี

ทางคดเขี้ยว ที่เป็นเพียงดินลูกรังตัดผ่านไปยังใจกลางของหมู่บ้าน, ที่ปลายทางมีลานขยะที่เต็มไปด้วยเศษเหล็ก และข้าวของที่ดูตกยุค

 

พวก Nezumi นั้น มักจะถูกเอาไปเล่ากันปากต่อปากว่าพวกเขามักจะแอบสร้างเทคโนโลยีผิดกฏหมาย

และทุกๆ สิ่งประดิษฐ์ของพวกเขามีที่ปล่อยขายอยู่แล้ว นั่นก็คือกลุ่มนักบิด Okiba (Okiba Reackoners)

เนื่องด้วยส่วนใหญ่กลุ่มนักบิด Okiba จะเป็น Nezumi ด้วยกันอยู่แล้ว, พวกเขาก็จะหาของจากภายนอก มาแลกเปลี่ยนกันอยู่ตลอดๆ

แต่สำหรับ Kaito ที่เชื่อเรื่องแนวคิดของ Futurists อยู่แล้ว, การจะพัฒนาเทคโนโลยีอะไรขึ้นมาซักอย่างเพื่อความอยู่รอด, มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไรอยู่แล้ว

 

“ที่นี่ไม่ต้อนรับแก” Nezumi หญิงสูงอายุคนหนึ่งตะโกนออกมา, เธอยืนอยู่หลังรั้วไม้ กับหนวดรอบๆ ปากเป็นสีเงิน, ในมือของเธอจับด้ามไม้ของอุปกรณ์การทำสวนที่หน้าตาดูคล้ายๆ จะเอาไว้ตัดหญ้า แต่ปลายของมันกลับเป็นกรรไกรใบเลื่อย และมีกล่องโลหะเล็กๆ ที่ปล่อยพลังงานออกมา

มันทำให้ Kaito ชะงักไปครู่หนึ่งเลย… นี่มันอาวุธอันตรายชัดๆ

“ไอ้นี่เอาไว้เก็บเห็ดหรอกย่ะ, ไม่งั้นมันจะปล่อยละอองสปอร์ก่อน” ยาย Nezumi ตอบกลับ เมื่อเธอสังเกตเห็นสายตาที่จับจ้องมา “ถ้าแกจะมาตรวจใบอนุ-”

“เปล่าเลยครับ” Kaito ตอบสวน ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาบอกเป็นนัยๆ ว่าเขาไม่ได้เข้ามาทำอันตรายอะไร… ในตอนนี้

“ไม่มีมนุษย์คนไหนเข้าไม่ที่นี่เปล่าๆ หรอก” ยาย Nezumi ทำจมูกฟุดฟิด ก่อนจะแยกเขี้ยวพูดต่อด้วยฟันเหลืองๆ ของเธอ “จับพวกเราไปก็ไม่คุ้ม "ความไม่สะดวกสบาย" หรอกนะ”

“เรื่องที่พวกยายจะขโมยของใครมา หรือสิ่งประดิษฐ์สุดพิศดารพวกนี้มันไม่เกี่ยวกับผมหรอกครับ, ผมมาขอข้อมูลเท่านั้นเอง” Kaito ปล่อยให้ความเงียบทำงานของมัน

การพูดอะไรตรงๆ ออกไปกับพวก Nezumi นับว่าเป็นความเสี่ยง… แต่เหตุทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่ Towashi ก็สอนเขาว่า จงยอมรับความจริงที่เจ็บปวด ดีกว่าทนอยู่กับความลวงที่หอมหวาน

ส่วนใหญ่แล้วล่ะก็นะ

Nezumi อีกตัวเดินออกมาจากซุ้มประตูใกล้ๆ ด้วยร่างสีน้ำตาลเข้ม กับหางยาวๆ ที่ลากตามมา

เขาหันไปมองเพื่อนบ้านของเขา ก่อนที่จะส่งเสียงแบบหงุดหงิดออกมา “พูดกับไอ้คนแปลกหน้านี่นานเกินไปแล้วนะยาย Mud-Tail

“กลับเข้าบ้านแกไปซะ ไม่งั้นเห็ดพิษในถุงนี้ได้บินไปเที่ยวในบ้านแกแน่” ยาย Nezumi สวนกลับ

แม้ว่าท่าทางของมนุษย์หนูวัยหนุ่มจะไม่ได้พอใจเท่าใดนัก แต่เขาก็เดินกลับเข้าบ้านตัวเองไปอย่าว่าง่าย

“ผมมาตามหาคนที่ชื่อว่า Nashi น่ะครับ”  Kaito พูดขึ้น “เขาเคยอาศัยอยู่ระแวกนี้เมื่อตอนเขายังเด็ก”

สิ้นชื่อของ Nashi  วิญญาณสถิตย์มากมายชะโงกหน้าปรากฏตัวออกมาจากซุ้มประตูของ Nezumi หนุ่ม, วิญญาณสถิตย์แห่งบึงที่มีรูปร่างเป็นเขียด มันมีดอกไม้พิษลอยสลับกับเห็ดพิษอยู่รอบๆ หัว ก็จ้องมายัง Kaito ด้วยดวงตาทั้ง 6 ของมัน ก่อนจะปรากฏฟองอากาศอีก 4 อัน ที่มีลูกอ็อดมากมายว่ายน้ำอยู่ภายใน

 


Nezumi Bladeblesser 

 

พวก Nezumi มีความชำนาญในการปิดบังเรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้… แต่ไม่ใช่กับวิญญาณสถิตย์

พวกวิญญาณสถิตย์เริ่มกระซิบกระซาบคุยกัน ก่อนที่จะเห็นสายตาดุๆ จากยาย Mud-Tail ทำให้พวกมันต้องแยกย้ายกันไป

คุณยายยักไหล่ขึ้น “ไม่เคยได้ยินชื่อนั้นมาก่อน”

Kaito แหงนมองขึ้นไปที่หลังคาฟาง… มันมีรอยไหม้บางๆ อยู่ที่มุมหลังคานั้น เขาพูดขึ้นมา “ดูเหมือนคุณยายจะอยู่ที่นี่มานาน… น่าจะนานพอที่จะจำเหตุการณ์ไฟไหม้ได้นะ”

หางของคุณยาย Nezumi แกว่งไปมาอย่างเป็นจังหวะ “พวกมนุษย์ไม่เห็นจะเคยช่วยอะไรพวกเรา, แล้วทำไมตอนนี้ฉันต้องช่วยแก?”

“เพราะผมหล่อและดูดีล่ะมั้ง?” แม้จะยิงมุขไป แต่คุณยายก็ไม่ได้แสดงทีท่าอะไรออกมา Kaito ยักไหล่ “ก็- เอาตรงๆ ผมไม่อยากคุยกับนายคนเมื่อกี้”

“งั้นก็ไม่เหลืออะไรให้เลือกแล้วล่ะ” ยาย Mud-Tail เอาอุปกรณ์เก็บเห็ดของเธอพิงไว้ตรงประตูรั้ว และเดินเข้าบ้านไป “กลับไปซะ ไปที่ๆ แกเคยมา แล้วไปถามคำถามของแกให้พอใจ”

นี่คงจะเป็นคำบอกลาที่สุภาพที่สุดของวันแล้วล่ะมั้ง?

และเมื่อยาย Mud-Tail เข้าบ้านไป, Kaito ก็หันไปเห็น Nezumi หนุ่มคนเมื่อครู่ ยังคงยืนอยู่ที่ซุ้มประตูของเขา ยังจ้องมาด้วยดวงตาที่เข้มกว่าปกติ

“ผมรู้ว่าพวกคุณพยายามปกป้องเขา” Kaito พูด นิ้วของเขากระดิกไปมาอย่างอยู่ไม่สุข “แต่สิ่งที่เขารู้… แาจจะช่วยพวกเรา… ผู้คนของ Kamigawa ได้เลยนะ”

“ข้าไม่เคยกัดคนเป็นๆ เลยนะ… พวกเราหยุดใช้ฟันเป็นอาวุธมานานแล้ว เพราะพวกมนุษย์บอกว่ามันป่าเถื่อน… นั่นหมายความว่าเรามีตัวเลือกในการใช้ชีวิต… ตัวเลือกที่จะบอกว่าพวกเราเท่าเทียมกัน” เขาสแยะยิ้มออกมา “แต่บางครั้ง พวกเราก็เบื่อที่จะสร้างภาพเป็นสิ่งที่เราไม่ได้เป็น”

 

มันคงใช้เวลาเพียงวินาทีเดียวสำหรับ Kaito ที่จะชักดาบออกมาจากฝัก, และการแล่หนัง Nezumi ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย

มันอาาจะเป็นการระบายอารมณ์ที่ดี หลังจากผ่านเรื่องร้ายๆ มาตลอดสัปดาห์นี้ก็ได้…

แต่เรื่องสนุกมันไม่ได้มาซึ่งข้อมูล… และนั่น ก็ทำให้เขาต้องหยุดความคิดตัวเองเอาไว้

หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องสร้างภาพเสียหน่อย

“ขอบคุณสำหรับการสละเวลา” Kaito ถอยออกมา และเดินกลับออกไป พร้อมๆ กับความรู้สึกถูกจ้องมองด้วยสายจาของเหล่า Nezumi มากมาย

 

แสงของถนนเรืองนำทางอีกครั้ง, Kaito ถอดหน้ากากของเขาออก, เจ้า Himoto แปลงกลับไปเป็นหุ่นโดรนอีกครั้ง แต่ Kaito ก็ไม่ได้หยุดฝีเท้า เขาส่งให้ Himoto บินกลับไปยังหมู่บ้าน ส่วนตัวเขาก็ทิ้งระยะจนมั่นใจแล้วว่าไม่มีใคมองมาอีก

เขาเอี้ยวตัวลงไปหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ เอานิ้วแตะไปที่ขมับเพื่อรับภาพจากโดรนอีกครั้ง

ภาพที่ถูกใบไม้มากมายบดบังถูกฉายเข้ามา, แต่ก็ยังพอเห็นเค้าลางของเหล่าวิญญาณสถิตย์เมื่อครู่ พวกลอยไปมารวบรวมวิญญาณสถิตย์อื่นๆ ที่หลังคาบ้านอีกหลัง

Himoto ออกบินติดตามพวกมันไปอย่างระมักระวัง จนกระทั่งไปถึงบ้านหลังหนึ่งที่มีปล่องไฟบนหลังคาที่ไร้ควัน

Kaito ได้ยินเสียงร้องคล้ายกบของวิญญาณสถิตย์ในขณะที่มันเคลื่อนตัวเข้าห้อง, เหมือนมันกำลังสื่อสารกับใครบางคนที่อยู่ในห้อง

“ข้ารู้” เสียงแหบๆ เสียงหนึ่งดังขึ้น “เขาไม่ได้มาหมู่บ้านเราเป็นที่แรกหรอก - แล้วยิ่งเขาพูดถึง Nashi บ่อยเท่าไหร่ เขายิ่งเข้าใกล้อันตรายมากขึ้นเท่านั้น”

และเสียงมากมายของเหล่าวิญญาณสถิตย์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง… แต่ครั้งนี้ Kaito จับใจความได้หนึ่งคำ

Otawara

“ข้ารู้, ข้าเตือนเธอแล้ว, แต่จะส่งพวกโดรนออกไปก่อนฟ้ามืดก็ไร้ประโยชน์, เขาจะเห็นพวกมันได้ง่ายๆ เลย” เจ้าของเสียงแหบๆ พูดต่อ “ตอนนี้เราคงทำได้แค่ให้ความเงียบแทนคำตอบ ถ้าเขามาถามหา Nashi น่ะนะ”

Himoto บินกลับออกมาจากปล่องควัน, เธอซุ่มรออยู่หลังโขดหิน

Kaito ที่ออกเดินต่อ เมื่อเขากำลังจะพ้นเขต Takunuma ก็เป็นเวลาเดียวกันกับดวงอาทิตย์จะพ้นขอบฟ้า, ภาพจากหุ่นโดรนของเขายังคงส่งสัญาณกลับมา เขารอจนเห็นว่าหุ่นของ Nezumi นั้นเปลี่ยนร่างไปเป็นกระต่าย วิ่งเข้าสู่ความมืดไป

หุ่นทานูกิขยับตัวตามเจ้ากระต่ายนั่น ส่วน Kaito ก็ออกเดินทางกลับไปยังเมืองลอยฟ้า Otawara อีกครั้ง

 

- รุ่งอรุณ -

 

มันเกือบจะเป็นเวลารุ่งสางแล้ว ในตอนที่ Kaito เดินทางมาถึง Otawara, แม้ว่าหุ่นโดรนของพวก Nezumi จะหลุดรอดการติดตามเนื่องด้วยความวุ่นวายของผู้คนมากมายก็ตาม

หลังจากที่ Himoto กลับมาเป็นหน้ากากของเขา, Kaito ก็ออกเดินสำรวจพื้นที่ต่างๆ เพื่อหาเบาะแสเพิ่มเติม, ทั้งสวนสาธารณะ และบ้านเรือนของผู้คน จนกระทั่งเขาเลี่ยวเข้าไปตรอกข้างๆ สวนหญ้ามอส เขาถึงเริ่มรู้ตัว ว่าเขาไม่ได้อยู่ลำพังอีกต่อไป

เงาที่ทอดตัวมายังพื้นหญ้า บอกระยะทางของแขกไม่ได้รับเชิญ

Kaito คว้าดาบของเขา ฟาดมันลงมาที่ใบหน้าของผู้มาเยือนในจังหวะที่ใครคนนั้นจะโผล่พ้นหัวโค้ง

ชาว Moonfolk ที่ลอยตัวอยู่ หันหน้ามามอง Kaito ด้วยดวงตาสีม่วงและใบหน้าที่เรียบเฉย, ในมือของเธอมีคัมภีร์เล่มหนึ่ง และอีกหลายๆ เล่มยังถูกม้วนเก็บไว้ในกระเป๋าคาดเอวข้างกาย

 

Kaito บิดข้อมือของเขา ใบมีดมากมายแยกตัวออกมาจากดาบอีกครั้ง  มันกลายไปเป็นดาวกระจายมากมายที่ Kaito บังคับไว้ด้วยพลังจิตของเขา

หญิงชาว Moonfolk เพียงเหลือบมองอาวุธที่เปลี่ยนร่างไป ก่อนที่จะเอ่ยออกมา “เราไม่ได้ต้องการจะทำร้ายเจ้า”

“แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ” Kaito ตอบด้วยเสียงเรียบๆ “คุณยังไม่รู้เลยว่าผมเป็นใคร”

หญิงคนนั้น ลอยตัวไปทางซ้ายอย่างสงบ “การตามสืบของเจ้าคงต้องยุติเพียงเท่านี้, กลับบ้านไปพักผ่อนเสียเถอะ, และอย่าพูดถึงชื่อของเด็กคนนั้นอีกเลย”

“ว่าไงนะ?” Kaito ตอบ “ผมไม่ไปไหนแน่ๆ จนกว่าจะได้คุยกับเด็กนั่น”

ชาว Moonfolk ก้มหน้าลงมอง “ถ้าจะคุยกันก็ไม่น่าต้องใช้อาวุธมากมายขนาดนี้”

“มันก็ขึ้นอยู่กับ… เราอยากจะคุยกันขนาดไหนไม่ใช่หรือไง?”

Kaito ตอบ และสังเกตได้ว่า เธอแอบขบฟันของเธอ, นั่นหมายความว่าเขากำลังพาบทสนทนานี้ไปในทางที่เขาต้องการ

เขาไม่ได้อยากจะทำร้ายเด็ก Nashi นั่นหรอก แต่ที่ขู่ๆ ไปก็แค่ไม่อยากแนะนำตัวเองกับคนแปลกหน้า, หรือถ้าพูดให้ถูกก็คือ ไม่อยากรับคำสั่งจากคนแปลกหน้า

“ถ้าอยากได้ข้อมูลอะไร, เรามั่นใจว่าเจ้าจะมันได้จากที่อื่น” หญิงชาว Moonfolk ตอบด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบ “แต่อย่ามายุ่งกับครอบครัวของเราเลย”

“นั่นแอบขู่หรือเปล่าน้า?” Kaito พูดกวนๆ ไป แต่มือของเขายิ่งกระชับดาบมั่น, เขาไม่เคยเห็นผู้ใช้คัมภีร์แบบนี้มาก่อน และมันก็ไม่น่าเสี่ยงจะสู้กับเธอ

“เราไม่ต้องการใช้ความรุนแรงหรอก” เธอตอบ

Kaito ยิ้มมุมปากออกมา “เหอะ, แอบย่องตามผมมา แถมมีคัมภีร์ลอยได้อีกหนึ่งเล่ม - โทษทีเถอะ ผมไม่เชื่อคุณ” และ Kaito ก็เปิดฉากส่งดาวกระจายออกไปหมายโจมตีคัมภีร์เล่มนั้น

เธอหมุนตัวด้วยความรวดเร็ว และสง่างาม, สะบัดมือส่งให้คัมภีร์นั้นเปิดออก

ดาวกระจายที่พุ่งออกไป ไม่สามารถเข้าถึงเป้าหมายได้, Kaito เห็นท่าไม่ดี เขาจึงพุ่งเข้าโจมตีในระยะประชิด และหวังให้เธอเสียสมาธิจากการต่อสู้ เพื่อเปิดช่องว่างให้กับเหล่าดาวกระจายอีกครั้ง

แต่เธอก็ถอยทิ้งระยะได้ราวกับเธอบินอยู่กลางอากาศ, แม้ว่า Kaito จะเข้าโจมตีด้วยความรวดเร็ว และหนักหน่วง, แต่เธอมีความเร็วที่เหนือกว่า ทั้งหลบการโจมตีราวกับนี่เป็นเพียงการแสดงที่นัดแนะกันมา

 


Veil of Summer

 

ในจังหวะที่ Kaito หมายจะโจมตีคัมภีร์อีกครั้ง, ดาวกระจายของเขาพุ่งไปยังเป้าหมาย แต่เขาก็พบว่า เธอคนนี้ก็สามารถใช้พลังจิตของเธอหยุดดาวกระจายพวกนั้นได้

Kaito เตะต่ำโจมตี แต่เธอก็ลอยขึ้นไปบนฟ้า Kaito กระโจนขึ้นไป ไล่โจมตี พร้อมๆ กับเก็บเอาดาวกระจายกลับมาที่ดาบของเขาอีกครั้ง

จนจังหวะที่หญิงชาว Moonfolk กวาดสายตากลับไปที่คัมภีร์ของเธอ

นี่เป็นโอกาสที่ Kaito คว้าไว้

เขาสั่งให้ดาวกระจายของเขาโจมตีอีกครั้ง แต่ในคราวนี้ เป้าหมายของมันไม่ใช่ชาว Moonfolk, ไม่ใช่ตัวคัมภีร์ แต่คือเชือกรัดเอวที่เก็บคัมภีร์ของเธอ

ดาวกระจายทั้งหมดเข้าเป้าเพียงแค่เล่มเดียว, แต่แค่นั้นมันก็เพียงพอ, เชือกที่ขาดลง ทำให้กระเป๋าเก็บคัมภีร์ของเธอร่วงลงไปที่พื้น

แต่เธอก็คว้าเชือกนั้นไว้ได้ทัน, และนั่นก็เป็นอีกหนึ่งช่องว่างที่ Kaito ไม่รอช้า, เขาพุ่งเข้าคว้าเอาคัมภีร์เล่มแรกที่ลอยอยู่กลางอากาศได้สำเร็จ

แต่เพียงหญิงสาวกระพริบตา คัมภีรอีกเล่มก็ลอยออกมาจากกระเป๋า เปิดคาถาของมันต่อสายตาเธอ

และเพียงเธอเอ่ยคำในคัมภีร์นั้น, ร่างของ Kaito ก็ราวกับถูกตรึง, ดาบร่วงหล่นจากมือ ตามมาด้วยพวกดาวกระจายทั้งหมด… มันร่วงลงกระแทกพื้นหญ้าในสวน เหมือนของเล่นที่พังแล้ว

คัมภีร์เล่มแรกก็ลอยกลับไปหาเจ้าของ ทันทีที่เธอลงมาถึงพื้น

“ผม… ไม่ได้… จะ… ทำร้าย… เด็ก” Kaito ที่ร่างกายขยับเขยื้อนไม่ได้ กัดฟันพูดออกมา

หญิงคนนั้นเอียงคอของเธอด้วยความสงสัย และเสียงของเธอก็เข้ามาในโสตประสาทของ Kaito โดยตรง

เจ้าพูดความจริง ดังนั้น เราจะตอบแทนเจ้า… แต่ลูกชายของเราต้องอยู่อย่างเป็นความลับ

“ล- ลูกชาย…งั้นเหรอ?” Kaito พยามยามจะหันหน้าตามหญิงคนนั้น แต่ก็มีเพียงแค่ดวงตาของเขาที่พอจะพยับตามไปได้

เธอพยักหน้า และหยิบเอาคัมภีร์อีกเล่ม ก่อนที่จะกางมันออกมา

“จะ… จะทำอ-อะไร?” Kaito ถาม ส่วนแก้มของเขาเริ่มร้อนขึ้นมา, ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นในตอนนี้ เขาต้องรีบหาวิธีหลุดจากพันธนาการนี้

“อย่ากังวลไปเลย, นี่เป็นเวทย์มนต์ลบความจำง่ายๆ” ก่อนที่เสียงจากโทรจิตของเธอจะแทรกเข้ามา

เจ้าจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้, เจ้าจะคิดว่าเจ้ากำลังเดินทางไปที่อื่น… เพื่อความปลอดภัยของครอบครัวเรา

ความรู้สึกโหวงๆ เข้ามากระทบใจของ Kaito ทันที… ทั้งหมดที่เขาทำมา… เพื่อจะตามหาจักรพรรดินี… เพื่อจะพาเธอกลับบ้าน…

เขาจะปล่อยให้ Moonfolk คนนี้มาลบความทรงจำไม่ได้

 

เขารีบตะโกนออกมาด้วยความโมโหอย่างสุดขีด “ผมจะช่วยจักรพรรดินี, ลูกชายคุณน่าจะเป็นคนเดียวใน Kamigawa ที่ช่วยได้จริงๆ”

หญิงชาว Moonfolk ลอยมาด้านหน้า Kaito อีกครั้ง ใบหน้าของเธอเรียบเฉยเช่นเคย  “คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ, Nashi ไม่รู้เรื่องอะไรขององค์จักรพรรดินีเลย”

“แต่เขารู้เรื่อง Tezzeret ไง” Kaito ตอบ ทั้งพยายามฝืนร่างกายสู้กับคาถาพันธนาการ

แม้ว่าใบหน้าของเธอจะไม่ได้มีสีสันอะไรมากมายนัก แต่ทันทีที่สิ้นคำ หน้าของเธอก็กลับซีดเผือก… สายตาของเธอมอง Kaito หัวจรดเท้า เพื่อหวังจะหาคำลวงที่ซ่อนอยู่… แต่ก็หามีไม่

แม้เธอจะจ้องมอง Kaito อีกพักใหญ่ๆ แต่สุดท้าย เธอก็เก็บเอาคัมภีร์ทั้งหมดเข้ากระเป๋าไป และร่างกายของ Kaito ก็กลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง แม้เขาจะทรุดลงนั่งทันทีก็ตาม

เขาคำรามในลำคอ ก่อนที่จะคว้าดาบ และตามเอาดาวกระจายทั้งหมดกลับมารวมร่าง เพื่อเก็บดาบเข้าฝักที่หลัง ก่อนจะหันไปคุยกับชาว Moonfolk คนนั้น

“เอาล่ะ” Kaito พูดด้วยเสียงที่ยังหอบเหนื่อย “พอจะบอกเรื่องของ Tezzeret ได้มั้ย หรือเราจะต้องสู้กันอีกซักตั้ง?”

“ความโอหังของเจ้านี่แหละ ทำให้เจ้าพ่ายแพ้” เธอตอบ และโบกมือไปมา “มันทำให้เจ้าไร้สมาธิ”

เขาเอามือจับหลังคอแบบเขินๆ “เอ่อ, คนส่วนใหญ่เรียกผมว่า Kaito แต่จะเรียกว่าพวกพวกไม่มีสมาธิก็ได้” ตรงนี้ ทำให้นึกถึง Eiko กับอาจารย์ Light-Paws ทุกทีสิน่า

ซึ่งมุขที่ Kaito ยิงมาก็พอได้ผล เธอแอบอมยิ้มก่อนที่จะแนะนำตัวเอง “เราชื่อ Tamiyo, และเราเชื่อว่า พวกเราคงเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน”

 

- พยานปากเอก -

 

Kaito จ้องมองภาพสีน้ำอย่างเสพศิลป์ ภาแรกที่เป็นจุดต่างๆ ท่ามกลางพื้นอันว่างเปล่า, ภาพทิวทัศน์ที่สวยงามเกินจินตนาการของชาว Kamigawa

แต่สำหรับ Kaito แล้ว… เขารู้ว่ามันคืออะไร? มันคือสถานที่จริงๆ… มันคือดาวดวงอื่น

เขาหันกลับไปมอง Tamiyo ที่กำลังเติมชาเขียวลงในแก้ว, เธอวางกาดินเผาลงบนโต๊ะญี่ปุ่น

Kaito กระพริบตา “คุณเป็น Planeswalker” และนั่น ไม่ใช่ประโยคคำถาม

Tamiyo ยกแก้วชาขึ้นมา เธอเป่าเอาไอร้อนออกไป “เราเชื่อว่า มีเพียง Planeswalker ด้วยกันเท่านั้น ที่จะมองภาพวาดธรรมดาๆ แบบนี้ แล้วสามารถบอกได้ว่าเราเป็น Planeswalker”

Kaito ที่ออกเดินทางไปทั่วทั้งพหุจักรวาล ได้พบเจอกับ Planeswalker มากมาย แต่เขากลับไม่เคยรู้มาก่อนว่าที่ Kamigawa เองก็มี Planeswalker คนอื่นเหมือนกัน

 

เขามองไปที่หนังสือหุ้มปกด้วยหนังเล่มใหญ่, และบรรดาคัมภีร์มากมายที่อยู่ใกล้กัน

เพียงเท่านั้นเหมือนต่อมฉลาดของเขาจะทำงานได้ทันที “คุณคอยเก็บข้อมูลจากที่อื่นๆ” แล้วเขาก็ขมวดคิ้ว “ว่าแต่...จะทำไปทำไม?”

Tamiyo จิบชา ก่อนจะตอบ “เราเชื่อว่า งานของเราคือการรักษาความจริงของพหุจักรวาลนี้” เธอแหงนหน้าขึ้นมาและพูดต่อ “ความรู้จะช่วยให้พวกเราได้เติมโตขึ้น - ทั้งปัจเจก และเชิงสังคม, เรามีพรสวรรค์ในงานนี้ และเราไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ควรปล่อยผ่าน”

Kaito หยิบเอาแก้วชาของเขามาไว้ในมือ, ปล่อยให้ความร้อนของมันช่วยให้ร่างกายของเจาอุ่นขึ้นมา “เล่าถึง Tezzeret ให้ฟังหน่อยสิ, เขาเป็นใคร? เขาอยากได้อะไรกันแน่?”

ท่าทางของ Tamiyo ฉับพลันเปลี่ยนไป

เธอมองไปด้านหลัง Kaito ก่อนที่จะส่งยิ้มออกมา “เราคิดว่าเจ้ารู้จักลูกของเราอยู่แล้ว, นี่คือ Nashi

Kaito หันหลังไป เจอกับ Nezumi วัยเยาว์ที่ยืนอยู่ตรงประตู, ขนสีขาวของเขามีจุดสีเทาอ่อนๆ แต่งแต้มประปราย, เขาสวมเสื้อหนังสีดำ ทรงผมที่ตัดมาได้อย่างทันสมัย และประดับด้วยตุ้มหูสีเงิน

Nashi หันมามองที่ Kaito ก่อนที่จะส่งสายตาเป็นประกาย “หน้ากากเจ๋งมากเลย! มันเป็นหุ่นโดรนได้ด้วยป่ะ?” เขาชูเครื่องมือที่กระพริบส่งภาพแตกๆ ออกมา “ผมพยายามจะทำเองจากงานรีไซเคิลด้วยนะ - แบบ เอาของเก่า มาทำใหม่ อะไรงั้นอ่ะ? แล้วหน้ากากนั้น พี่ชายทำเองเลยป่ะ? ใช้ชิปเซ็ตอะไรเชื่อมกับกล้องอ่ะ? แล้วใช้ชิปที่ฝังไว้กับตัวป่ะ? หร-”

Nashi หยุดพูดไปอย่างกระทันหัน ก่อนที่จะยิ้มเขินๆ ออกมา “อ่า โทษทีฮะ ผมน่าจะถามเยอะไปหน่อย”

Kaito ถอดหน้ากากออก, มันค่อยๆ พบัตัวเองกลับไปเป็นร่างหุ่นโดรนทานูกิ

“โหย” Nashi อุทานออกมา แววตายังเป็นประกายเช่นเดิม “เจ๋งสุดๆ”

“อยากได้อะไรมั้ยลูก?” Tamiyo  ถามด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสุข

Nashi ยกเศษเหล็กในมือขึ้นมา “ผมอยากได้ชิปข้อมูลเก่าๆ อันใหม่ฮะ, อันเก่ามันไหม้ เพราะดันไปต่อกับอุปกรณ์ชิ้นอื่นที่พังเหมือนกัน… ผมขอไปเดินตลาดมือสองได้มั้ยฮะ?”

“ชวน Rumiyo กับ Hiroku ไปด้วยกันสิ, แล้วอย่าแอบไปกินติ่มซำกับซาลาเปาจนอิ่มก่อนมื้อค่ำล่ะ” Tamiyo ส่งยิ้มให้ลูกชายของเธอ

แต่โทรจิตของเธอส่งข้อความไปให้ Kaito ด้วยความกังวล อย่าเอ่ยชื่อ Tezzeret ให้เข้าได้ยิน, เราพยายามจะเก็บความลับพวกนี้ไว้ ไม้ให้เขากลับไปจมดิ่งอยู่กับอดีตที่โหดร้าย

Kaito พยักหน้าเบาๆ และส่งยิ้มให้ Nashi “ขอให้โชคดีกับการประดิษฐ์หุ่นโดรนของนายนะ”

Nashi ส่งยิ้มกลับมา ก่อนที่เขาจะวิ่งออกไปจากห้อง

และเมื่อเสียงฟีเท้าเงียบไป, Kaito ก็วางแก้วชาลง และมองตา Tamiyo ห่อนที่จะกลับเข้าเรื่อง

Tamiyo ยินดีที่จะเล่าทุกอย่างที่เธอรู้

 

Tezzeret ไม่ใช่แค่ Planeswalker เขาคือ Planeswalker ที่มีแขนเป็นโลหะ… คนๆ เดียวกับชายที่อารามแห่ง Kyodai เมื่อ 10 ปีก่อน

ชายที่ต้องรู้เห็นอะไรบางอย่าง เกี่ยวกับการหายตัวไปของจักรพรรดินี

ความปิติ ในความชัดเจนที่ตามหา ระคนกับความเจ็บปวดอยู่ในอกของ Kaito สมาธิเริ่มไม่จดจ่อกับเรื่องที่ Tamiyo เล่า แต่เขาก็ยังคงนั่งฟังมันต่อไป

Tamiyo เล่าว่า สาเหตุที่ Tezzeret มาที่หมู่บ้านของ Nashi ในตอนนั้น ก็เพื่อตามหาสิ่งประดิษฐ์อะไรบางอย่าง, และเขาก็อยากจะซื้อหมู่บ้านนั้นทั้งหมดเพื่อการรื้อค้นทุกซอก ทุกมุม

แน่นอนว่าไม่มี Nezumi หรือใครคนไหนก็ตาม อยากจะทิ้งที่อยู่ของตนเอง, สิ่งที่ Tezzeret ทำคือการเผาทำลายทั้งหมู่บ้านนั่น

 


Nashi, Moon Sage's Scion

 

ซึ่งทั้งหมดนั้น ก็ยังไม่ตอบคำถามที่ว่า… แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเทพ Kyodai?

Tamiyo ให้คำตอบมาว่า “เราเชื่อว่า Tezzeret กำลังวิจัยเหล่าวิญญาณสถิตย์, แน่นอน เราก็ไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง แต่เรามีความพยายามจะตามสืบเรื่องนั้นอยู่” เสียงของ Tamiyo เข้มขึ้น “โดยทั่วๆ ไป, เราไม่อยากเข้าไปยุ่มย่ามกับเรื่องของดาวอื่นๆ, แต่ Tezzeret กำลังทำอะไรบางอย่างที่ดาวของเรา… และครอบครัว คือสิ่งสำคัญสำหรับเรา… สำคัญเกินกว่าจะทำตัวเป็นกลาง”

Kaito นิ่งไป ก่อนจะถามกลับมา “หมายความว่า จะคุณจะขวางเขาสินะ”

“ยังไม่ใช่ตอนนี้… ตอนที่เรายังไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่”

“ทดลองกับวิญญาณสถิตย์, ท้าทายเหล่าเทพ และลักพาตัวจักรพรรดินีนี่ยังไม่มีเหตุเพียงพออีกเหรอ?” Kaito ส่ายหัวไปมา, แก้มเริ่มแดงขึ้นมาจากอารมณ์โมโห “ไม่เห็นจะต้องทำความเข้าใจมันเลยซักนิด, ผมแค่อยากรู้ว่าไอ้แขนเหล็กนั่นเอาเพื่อนของผมไปไว้ที่ไหน”

Tamiyo มองกลับมา, Kaito รับรู้ได้ถึงความไม่สบายใจในแววตานั้น

“มีเรื่องอะไรที่ไม่ได้พูดงั้นเหรอ?” Kaito ซักไซ้

ดวงตาของเธอล่อกแล่กอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพูดต่อไป “มี Planeswalker อีกคนหนึ่ง ที่เราได้เจอตอนไปที่ดาว Ravnica… เธอเรียกตัวเองว่า Wanderer (ผู้พเนจร)... เธอเล่าถึง Tezzeret และอาวุธรุ่นทดลองที่เขากำลังพยายามสร้างอยู่”

Kaito ขมวดคิ้ว “อาวุธอะไรงั้นเหรอ?”

“มันมีชื่อว่า Reality Chip (ชิปแห่งสภาวะจริง), มันไม่ได้อันตรายแค่กับ Kamigawa… แต่กับทุกๆ ดวงดาวที่เรารู้จัก, ในคืนที่จักรพรรดินีหายตัวไป, Tezzeret ที่บุกเข้าไปในวัง ก็เพื่อจะควบคุมเทพ Kyodai ด้วยชิปอันนี้”

Tamiyo มองตา Kaito ก่อนจะพูดต่อไป “แต่ว่า ชิปตัวทดลองนั้น มันไม่ทำงานอย่างที่เขาวางแผนไว้… มันดันไปทำให้ Spark ของ Wanderer ถูกปลุกขึ้น”

“หา? ว่าไงนะ?” หัวใจของ Kaito เต้นระรัว ราวกับมันจะเบียดเสียดกับซี่โครง, หูของเขาอื้อไปหมด

Tamiyo ถอนใจออกมา Wanderer และองค์จักรพรรดินีคือคนๆ เดียวกัน”

จักรพรรดินี… เธอยังไม่ตาย… ความเชื่อและความหวังของ Kaito ยังคงเป็นจริง

และความจริงข้อนั้น ทำให้เขาโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

 

“เธอคือ Planeswalker มาตลอดเลยสินะ” Kaito กลืนน้ำลายอึกใหญ่ “แต่ทำไมเธอถึงไม่กลับมาที่ Kamigawa?”

“เพราะเธอทำไม่ได้น่ะสิ” Tamiyo อธิบาย “เพราะ Reality Chip ทำให้ Spark ของเธอไม่เสถียร… เธอไม่สามารถควบคุมพลังได้เหมือนกับที่พวกเราทำได้”

Kaito กำหมัดแน่น “ถ้าไอ้เจ้าชิปตัวทดลองมันทำให้เธอข้ามดวงดาวได้… บางทีมันอาจจะช่วยพาเธอกลับมาที่นี่… พวกเราต้องตามหา Tezzeret, เอาชิปนั่นกลับมา แล้วใช้มันช่วยพาจักรพรรดินีกลับบ้าน”

“ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่เราจะลองเสี่ยง, แต่พวกเราต้องร่วมมือกัน เพราะเจ้า Tezzeret คงไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือพวกเราแน่นอน… แต่นั่นก็หมายถึงเรามีโอกาสเพียงครั้งเดียว”

Tamiyo นิ่งไปสักพัก “ในห้องทดลองอาจจะมีอะไรที่มากกว่าแค่เรื่องชิป… อาจจะมีใครที่ Tezzeret ทำงานด้วย… และมันจะไม่ใช่แค่เรื่องของพวกเรากับ Wanderer… มันไม่ใช่เรื่องหาผู้ปกครอง Kamigawa, มันจะต้องมีเหตุผลที่ดีพอ ที่ทำให้ Tezzeret พยายามทดลองกับเหล่าวิญญาณสถิตย์… เราคิดว่า เราควรจะหาเหตุข้อนั้นเสียก่อน ที่จะบุกเข้าไปเอา Reality Chip ออกมา”

“แต่จักรพรรดินีต้องการพวกเรานะ” Kaito เถียงขึ้นมา และเขาจะไม่ยอมให้เพื่อนของเขาต้องผิดหัวงอีก

“พวกเราต้องใจเย็นกว่านี้” Tamiyo ยังยืนยันความคิดของเธอ

“ผมรอมา 10 ปีแล้ว” Kaito ลุกขึ้นยืน

“ประชาชนของ Kamigawa ก็เช่นกัน”

“มันไม่เหมือนกัน, สำหรับผมแล้ว เธ-” Kaito ไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดอย่างไร 

แต่ Tamiyo ก็เข้าใจดี, Wanderer และ Kaito เป็นเพื่อนกันมา เธอส่งโทรจิตเข้าติดต่อกับ

Kaito เราเข้าใจถึงการจากลาของเจ้า, และแสงสว่างในวันนี้มันกำลังจะแทนที่ความโศกเศร้า… แต่พวกเรายังไม่พร้อมที่จะเปิดศึกหรอกนะ

Kaito เงียบไป, เขาหยิบหน้ากากมาสวม “ขอบคุณสำหรับชา” เขาเดินออกไป ก่อนจะหันกลับมา “แต่ผมมีที่ที่ต้องไปต่อ”

 

ถ้า Reality Chip จะพาเพื่อนของเขากลับบ้านได้, เขาก็จะตามล่ามัน

และเขาจะไม่รอคำอนุญาติจากใครก็ตาม

 

- ศพ -

 

Kaito ยืนอยู่หน้าห้องทดลองของ Tameshi, มองไปที่ประตูเหล็กและแผงควบคุมที่ส่องแสงออกมาข้างๆ, ในมือของเขาถือคีย์การ์ดของ Tameshi ที่เขาหยิบออกมาจากเสื้อคลุมในคืนนั้น

 

เขาไม่เคยคาดคิดว่า Tameshi จะต้องตายแบบนั้น… แต่ถ้าความตายของเขาจะช่วยให้จักรพรรดินีได้กลับบ้านแล้วล่ะก็…

Kaito พยายามสลัดความคิดโง่ๆ นั่นออกจากหัว, มันไม่ใช่เรื่องของการแลกเปลี่ยนที่วัดอะไรได้เลย…

ถ้า Tameshi ยังอยู่… ถ้าเขาไม่ปิดบัง เรื่องราวมันคงจะเป็นการผจญภัยของเขาทั้งสองคน…

Kaito เชื่อใจ Tameshi มาตลอดชีวิต… แต่ความเชื่อใจของ Tameshi นั้นมาพร้อมกับความลับ… ความลับที่เขาต้องสังเวยมันด้วยชีวิต

กลายเป็นแผลติดอยู่ในใจของ Kaito ที่คงจะไม่มีวันลืมเลือนไปตลอดกาล

 

Kaito เอาคีย์การ์ดรูดผ่านแผงควบคุมประตู, แสงสีเขียววาบขึ้น ประตูเหล็กด้านหน้าถูเปิดออก Kaito เดินเข้าห้องพร้อมกับพึมพัมขอบคุณเพื่อนที่จะไม่มีทางได้เจอกันอีก

นี่คงจะเป็นการไถ่บาปครั้งสุดท้ายที่ Tameshi จะมีให้

แม้ว่า Kaito จะไปปิดสัญญาณ และกล้องวงจรปิดไปแล้ว, แต่ทุกๆ ก้าวของเขาก็เป็นไปอย่างเงียบเชียบ, ยังคงอาศัยเงามืดเพื่ออำพรางกาย

เขาเคลื่อนตัวผ่านหลอดทดลองที่มีสารสีชมพูการฟองปุดๆ อยู่ภายใน, เขาไม่รู้หรอกว่าอะไรอยู่ในนั้น… แต่ที่รู้ๆ ก็คือกรงขังสัตว์ที่อยู่ตรงหน้า

Kaito ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าหามันอย่างระมัดระวัง, พยายามจ้องมองผ่านหน้าต่างกระจกที่กั้นมันอยู่, บนโต๊ะใกล้ๆ เต็มไปด้วยหลอดทดลองที่มีสารสีสันคล้ายๆ กับโต๊ะที่คลังสินค้าในคืนนั้น… หมายความว่านี่มันไม่ใช่การทดลองเพียงประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น

แต่สิ่งที่ทำให้สายตาของ Kaito ต้องชะงักนั้น ไม่ใช่บรรดาหลอดทดลองหลากสีสัน หรืออุปกรณ์โลหะสะท้อนแวววับบนโต๊ะ

แต่มันคือศพร่าง หนึ่งบนพื้น… ศพของวิญญาณสถิตย์

ในห้องนั้น มีเหล่าวิญญาณสถิตย์อีกมากมาย… ที่ยังไม่ตาย, แต่พวกเขาก็ดูหม่นหมอง และไร้ชีวิตชีวา ราวกับทุกๆ พลังงานที่พวกเขามีได้ห่างไปจากร่างจนหมดสิ้น

Kaito เจ็บปวดหัวใจอย่างบอกไม่ถูก, เสียงกรีดร้องที่ได้ยินที่ท่าเรือนั้น… มันคือเสียงของวิญญาณสถิตย์จริงๆ… และที่ห้องทดลองของ Tameshi แห่งนี้… ก็คือที่ๆ พวกวิญญาณสถิตย์จะถูกทำการทดลอง

แม้ว่าวิญญาณสถิตย์จะไม่ใช่ภารกิจของ Kaito, แต่ภาพที่เขาเห็นในตอนนี้ มันก็สร้างความลำบากใจ และรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย

 

ถ้า Eiko เห็นที่นี่… ถ้าเธอรู้ว่าน้องชายของเธอเห็นเหล่าวิญญาณสถิตย์ถูกทำร้าย แต่กลับเมินเฉย… เธอจะกล่าวโทษน้องชายของเธอหรือไม่?

 


Tameshi, Reality Architect

 

Kaito เลื่อนเปิดหน้าต่างกระจก เพื่อเคลื่อนตัวไปยังห้องต่อไป, เขาพบกับวิญญาณสถิตย์ที่แน่นิ่งไปแล้ว, มันมีรูปร่างคล้ายกับโคมกระดาษ, เทียนไขเล่มเล็กๆ 4 เล่ม บินวนเวียนอยู่รอบๆ, ร่างของวิญญาณสถิตย์ถูกตรึงไว้กับเตียงผ่าตัดโลหะ กับใบหน้าที่ซีดเผือก และคราบน้ำตาเทียนที่แห้งกรัง…

กระนั้น Kaito ก็เหลือบไปเห็นของบางอย่าง

แผ่นโลหะบางๆ ที่ไม่ใหญ่เกินฝ่ามือของเขา และสายไฟระโยงระยางเหมือนแมงกระพรุน

มันคืออุปกรณ์แบบเดียวกันกับที่ Kaito เห็นในพิมพ์เขียว เมื่อตอนลอบเข้ามาที่ห้องทำงานของ Tameshi, ในตอนนั้นแบบพิมพ์เขียวของมันถูกเข้ารหัสไว้ และตัว Kaito เองก็ไม่รู้ว่ามันมีไว้ทำอะไร

แต่แสงวาบๆ ตอนนี้ กับสายไฟที่ลากยาวจากตัวมันมาจนถึงเครื่องมืออีกชิ้น ที่เชื่อมเข้ากับร่างของวิญญาณสถิตย์, ทำให้เขาเข้าใจแล้ว ว่ามันคืออะไร

มันคือ Reality Chip

Kaito ค่อยๆ เดินเข้าห้องนั้น ผ่านร่างของวิญญาณสถิตย์ที่แน่นิ่ง, มันไม่มีใครเฝ้าระวังเครื่องมือมากมายในห้องนี้… และไม่มีอะไรเก็บเจ้าชิปแมงกระพรุนอีกตัวให้พ้นจากมือคนนอกเลย

Kaito เอื้อมมือไปคว้าชิปตัวใหม่มาจากแท่นยึด และเอามันใส่ในกระเป๋า

เห็นรึยัง Tamiyo Kaito คิดในใจ อย่ามัวแต่คิดว่าช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม

 


Tamiyo, the Moon Sage

 

Kaito เดินกลับออกมาจากห้องนั้น ค่อยๆ ปิดประตูเบื้องหลัง, และรีบออกไปที่ทางออก

แต่ที่หัวโค้งสุดท้าย เงาขนาดมหึมาที่ทอดตัวเข้ามาก็ทำให้เขาต้องหยุดเคลื่อนไหว, ดาบของเขาออกจากฝักก่อนที่ดวงตาของเขาจะเห็นสัตว์ประหลาดเจ้าของเงานั่นเสียอีก

 

เจ้าสัตว์ประหลาดที่สังหาร Tameshi

 

Kaito กัดฟันแน่น, ดวงตาเต็มไปด้วยเพลิงแห่งความแค้น

“ดวงตาของแกอ่านค่าได้ว่าเจ้ารู้จักกับข้า, แต่ระบบเก็บข้อมูลไม่มีเจ้าอยู่ในระบบ, และการจะมี Jin-Gitaxias อีกตนในดาวดวงนี้ถือเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก, ดังนั้น ค่าที่อ่านได้จากดวงตาของแกจึงเป็นข้อมูลจริง”

สัตว์ประหลาดตัวนั้นเอียงหัวของมัน แสงจากไฟสะท้อนโลหะที่ประกอบเป็นกระดูกสันหลัง “คงต้องลดความสำคัญของแผนที่วางไว้, การโจรกรรมถือเป็นสิ่งที่ต้องได้รับโทษ”

Kaito ทุ่มสมาธิไปกับเจ้าสัตว์ประหลาดตรงหน้า “เออ, ฉันก็จะให้แกได้รับโทษที่แกฆ่า Tameshi

Jin-Gitaxias ส่งเสียงคร้องแคร้งออกมา “เป้าหมายของเจ้าคือการแก้แค้นสินะ? แต่การนั่นคงเป็นเพียงการสรุปที่ไม่ถูกต้องเท่าใดนัก-เจ้าก้อนเนื้อที่เจ้าเอ่ยชื่อ มันสมัครใจที่จะเข้าร่วมการวิจัยนี้, แต่ความช่างสงสัยของมัน ยิ่งทำให้มันไร้คุณภาพ… งานนี้จะต้องปกปิดเป็นความลับ”

และแล้วนินจาราวๆ ครึ่งโหลก็ปรากฏตัวข้างกายเจ้าสัตว์ประหลาด, พวกเขาเป็นลิ่วล้อทหารรับจ้างจากเมือง Undercity

หรือเรียกอีกอย่างว่า "พวกที่พร้อมจะทำทุกอย่าง ถ้าค่าจ้างนั้นมากพอ"

“ดีเลย เบื่อจะคุยแล้ว”

Kaito ฟาดดาบของเขาเข้าไปที่ดาบของนินจาคนแรกที่พุ่งเข้าโจมตี, ด้วยแรงมหาศาล มันส่งให้นินจาคนนั้นกระเด็นไปชนกับนินจาอีกคนจนล้มลงทั้งคู่

และช่องว่างที่มากมายขนาดนี้ - Kaito กลับเป็นฝ่ายเข้าโจมตี, แม้ว่านินจาอีกคนจะรับการโจมตีไว้ได้ แต่นั่นก็มากพอให้ Kaito ที่ถอยรับแรงปะทะ ได้เปิดดาบ นำดาวกระจายออกมา

ดาวกระจายพุ่งตรงไปยังเป้าหมาย ร่างของเขาร่วงลงไปนอนกองกับพื้นทันที

เหล่านินจาที่เหลือหมายจะเข้าโจมตี แต่ Kaito ดึงเอาดาวกระจายทั้งหมดกลับ มันเรียงต่อกันกับดาบของเขาราวกับมันเป็นแส้โลหะ, เพียงการสะบัดครั้งเดียว มันก็เฉือนเอาหน้าของนินจาหนึ่งคนออกไป

นินจาอีกคนเข้าโจมตีด้วยมีดสั้น แม้ว่า Kaito จะหลบการโจมตีได้ แต่นินจาอีกสองคนก็ตามเข้ามาทำให้สถาณการณ์ยุ่งยากทันที

เสียงของเหล็กมากมายกระทบกันไม่หยุดหย่อน

สิ่งที่ Kaito พอจะสัมผัสได้ นอกเหนือจากการต่อสู่ตรงหน้า คือ Jin-Gitaxias กำลังย่างสามขุมเข้ามา ด้วยเสียงฝีเท้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ

การปะทะครั้งนี้ มันจะได้ชัยชนะไป

แต่สิ่งที่ Jin-Gitaxias ไม่รู้ก็คือ… สำหรับ Kaito นี่ไม่ใช่การแก้แค้นให้ Tameshi เพียงอย่างเดียว - แต่มันคือการเติมเต็มสัญญาที่เคยให้ไว้

Kaito จะไม่ยอมแพ้

เขาหาช่องโจมตีสวนกลับ, ทำเอาเหล่านินจารับจ้างเสียหลักไปคนละทิศละทาง, การฌจมตีที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นในครั้งนี้ ถ้าอาจารย์Light-Paws มาเห็น เธอจะภูมิใจ

แต่แค่การโจมตีครั้งเดียวก็ไม่สามารถแก้ปัญหาทั้งหมดได้, พวกนินจามีมากเกินกว่าที่ Kaito คนเดียวจะรับมือไหว เขาล้วงเอาอุปกรณ์รูปร่างคล้ายๆ ลูกโอ๊ค ออกมา, ขว้างมันลงไปบนพื้น, เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับควันหนาๆ สีดำ

Kaito พุ่งออกมาจากกลุ่มควัน ก่อนที่ประกายสายฟ้าจะแล่นไปทั่ว, จากเสียงร้องของความสับสน ก็กลายเป็นเสียงโหยหวนของความเจ็บปวด

Kaito รีบวิ่งไปที่ทางออก วิ่งอย่างไร้ทิศทาง อากาศเย็นๆ ของภายนอกเข้าปอดของเขาอีกครั้ง, แต่เขายังคงวิ่งต่อไป

Jin-Gitaxias คงจะรู้แล้วว่า Kaito ได้ Reality Chip ไปตัวหนึ่ง ถ้าเขาหยุดวิ่ง คงได้โดนตามล่าแน่นอน

 


Jin-Gitaxias, Core Augur

 

เหล่าลิ่วล้อจาก Undercity วิ่งไปมาตามหลังคาอาคาร, พวกเขามากับหุ่นยนต์ตรวจการณ์ขนาดใหญ่ เปลี่ยนร่างเป็นมังกรอยู่ไม่ไกลจาก Kaito ที่ซ่อนตัวนัก

หุ่นยนต์ยักษ์คำราม มวลพลังงานเปล่งแสงสีฟ้าออกมาจากแกนกลางของมัน

 

Kaito อยากจะใช้พลัง Planeswalk เพื่อข้ามดวงดาวและหลบหนีให้พ้นจากพวกลิ่วล้อ และ Jin-Gitaxias

แต่ Reality Chip ที่อยู่ในกระเป๋า ทำให้เขาต้องทบทวนเรื่องนี้ใหม่

 

ถ้าหากเขาเดินทางออกไปแล้ว มันทำให้เขากลายเป็นเหมือนจักรพรรดินีล่ะ? ถ้าเข้าไม่สามารถกลับมาสะสางเรื่องทั้งหมดที่ Kamigawa ได้ล่ะ?

 

คิดยังไงมันก็ดูเสี่ยงเกินไป

ทางออกเดียวคงมีแค่หาทางฝ่ากองกำลังย่อมนี้ออกไปให้ได้

หุ่นมังกรพบเขาเข้าแล้ว มันอ้าปากเป็นบอลพลัง

Reality Chip ในกระเป๋าของ Kaito ขยับไปมาจนเขารู้สึกได้, เขาเอามันออกมา มันเปล่งแสงสว่างยิ่งกว่าเดิม หนวดสายไฟของมันดิ้นพล่านไปมา

 

และแล้ว หุ่นมังกรยักษ์ก็ส่งเสียงโหยหวนออกมา

Kaito แหงนหน้ามองขึ้นฟ้า, บอลพลังที่เปล่งแสงได้หายไป และปรากฏแสงสีส้มเป็นรอยตัดที่ส่วนคอของมัน

ช่วงเวลานั้นหุ่นยักษ์กลับแน่นิ่งไม่ไหวติง ก่อนที่ชิ้นส่วนทั้งสองจะเคลื่อนออกจากกัน ร่วงลงกระแทกพื้นเบื้องล่าง

ท่ามกลางฝุ่นควัน มีร่างของผู้หญิงผมขาวราวหิมะกับดาบในมือของเธอ, เธอเงยหน้าขึ้น ให้เห็นโฉมหน้าภายใต้หมวกปีกกว้าง… และ Kaito ก็จำดวงตาสีน้ำตาลของเธอได้ทันที

ครั้งสุดท้ายที่ได้พบกัน เธอยังเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก… แต่กาลเวลาทำให้เธอเปลี่ยนไป, ดวงตาของเธอที่เต็มไปด้วยภูมิปัญญา และองค์ความรู้หลายชั่วอายุคน, เธอไม่ได้แค่อายุมากขึ้นเพียงอย่างเดียว… เธอยังเป็นนักรบ และเป็น Planeswalker

 

เธอคือ Wanderer

 

Kaito โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก… ในที่สุด เพื่อนของเขาก็กลับมาถึงบ้านเสียที…

จักรพรรดินีเดินตรงเข้ามาหาเขา, สายตาจับจ้องมาโดยไม่สนใจเหล่าลิ่วล้อที่อยู่ตามหลังคาใกล้ๆ

เสียงเดินบนอากาศดังแว่วมา Kaito ละสายตา และหันไปพบว่า Tamiyo กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า ด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก

“เราบอกให้วางแผนก่อน, นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราคิดไว้เลยนะ” Tamiyo กางคัมภีร์ของเธอออกมา ก่อนจะโค้งทำความเคารพจักรพรรดินี

หลังจาก Tamiyo อ่านคัมภีร์เล่มนั้นจบ, เงามากมายทอดยาวเข้ามา, พวกลิ่วล้อ และ Jin-Gitaxias ได้เข้ามาถึงที่นี่แล้ว… แต่พวกมันก็มองไม่เห็นทั้งสามคน

“อย่ามัวแต่อ้อยอิ่งกันอยู่เลย” Tamiyo พูด “มีที่ๆ เหมาะกับงานรวมรุ่นมากกว่าตรงนี้, มนต์หายตัวมันอยู่ได้ไม่นานนักหรอก”

และด้วยความช่วยเหลือของ Tamiyo, Planeswalker ทั้ง 3 ก็หลบหนีออกมาจาก Otawara ได้สำเร็จ

 

 

Magic Story By Akemi Dawn Bowman