“ที่นี่คืออาณาจักรของเหล่าจักรกล, ที่ซึ่งสมบูรณ์แบบ, ที่ซึ่งได้รับการสรรเสริญ”
ขณะที่เธอพูด เสียงสังเคราะห์ของเธอดังก้องไปทั่วลานแห่ง Fair Basilica
Elesh Norn อุปราชแห่ง Phyrexian และมารดาแห่งเครื่องจักรทั้งปวง (Mother of Machines) รู้สึกถึงแสงแห่งสัจธรรมภายใต้ร่างกายจักรกลของเธอ อาณาจักรของเหล่าจักรกล (The Machine Orthodoxy) เป็นหนทางแห่งการรวมเป็นหนึ่งเดียว เป็นทางที่บริสุทธิ์ และไร้ข้อกังขา เฉกเช่นเดียวกับ Glistening oil ในร่างของเธอ
เมื่อเธอมองดูเหล่า Phyrexian มารวมตัวกัน ร่างของเธอสะท้อนแสงสีนวลออกมา เธอมั่นใจว่านี่คือสัญลักษณ์แห่งอำนาจที่เธอได้รับ
Fair Basilica หอคอยยอดแหลมที่เคลือบด้วยโลหะ มหาวิหารอันยิ่งใหญ่ที่สูงเสียดฟ้า ธงสีแดงโบกสะบัดจากป้อมปราการ ตัดกับสีของกระเบื้อง
ใบหน้าจักรกลของพวกชาว Phyrexian ที่ซื่อสัตย์ หันมาหาเธอ จิตสำนึกของพวกเขาส่งผ่านตัวเธอ ตื่นเต้นกับการปราศัยของเธอ พวกเขาคือประชาชนของเธอ, เกิดและเติบโตในบ่อต้นกำเนิด (Birthing pod) พวกเขาคือลูกของเธอ, ถูกจับมาจากกองทัพของศัตรู ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเคยเป็นสิ่งมีชีวิต ที่น่าสงสารและน่าเวทนา สัตว์ที่ปกคลุมไปด้วยเนื้อหนังและไม่มีการพัฒนา ตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยชิ้นส่วนอันงดงาม
อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นของร่างใหม่พวกนี้ โลหะ เฉียบคม และสะอาด
เสียงสวดภาวนาของเหล่า Phyrexian ดังประสานไปทั่วบริเวณ
ใครจะปฏิเสธความงดงามของสิ่งนี้ได้เล่า? ความถูกต้องงั้นรึ? หรือความเที่ยงธรรม?
แม้กระนั้นชาว Mirran ที่เธอจับมายังคงต่อต้านเธออยู่ มันเป็นการดิ้นรนที่สูญเปล่า ผมสีดำของนางสูงไม่ถึงไหล่ของ Norn เนื้อที่อยู่ใต้เล็บยาวอันคมกริบนั้นช่างอ่อนแอ และน่าสมเพช
เพียงแค่ Norn บีบมือเบาๆ ร่างของนางก็ดิ้นพล่าน เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังขึ้น และร่างนั่นก็แข็งทื่อเมื่อเลือดของเธอทะลักออกมาจากบาดแผลที่ Norn สร้างไว้
มนุษย์เป็นสิ่งที่อ่อนแอและเปราะบาง
Norn ได้สั่งการสังฆราชและพวกลิ่วล้อ เริ่มการปรับสภาพชาว Mirran ขณะที่เธอหันไปกล่าวสุนทรพจน์ของเธอต่อ เธอไม่แคลงใจในการทำงานของพวกมันเลย
แต่อาณาจักรนี้ (The Machine Orthodoxy) กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วแล้วเธอจะสอนเหล่าเด็กๆของเธอได้อย่างไร ถ้าไม่มีตัวอย่างให้ดู
“ตอนนี้คือเวลาที่เราต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน” Norn เปล่งเสียงที่เย็นชาและนุมนวล ราวกับสายลมที่พัดผ่านมหาวิหารแห่งนี้
“จงดูเจ้าสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจนี้ แม้นางจะเป็นสิ่งบกพร่องที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อ แต่ความเมตตาของ the Orthodoxy ก็จะทำให้นางได้รับพร”
Norn จับหญิงชาว Mirran ไปที่ขอบระเบียง นางร้องไห้อ้อนวอนอยู่ในกำมือของ Norn
มีบางอย่างไปกระตุ้นความทรงจำเล็กๆของเธอ มันคือการแสดงความอ่อนแอของมนุษย์นางนี้? หรือเป็นเค้าโครงหน้าและผมสีดำเข้มของนาง?
Norn เคยพบมนุษย์นางนี้มาก่อนรึ? มันช่างน่าสงสัย เธอจะต้องแปรสภาพสิ่งมีชีวิตที่น่าสมเพชแบบนี้ไปแล้วแน่หากเคยพบกัน
แทบไม่มีใครหนีรอดจากเงื้อมมือจักรกลของเธอมาก่อน
Norn บีบมือแน่น
“อีกไม่นาน มนุษย์ที่น่าเวทนานี้จะได้รับการปลดปล่อยจากพันธะแห่งความกลัว เราจะลอกคราบนาง แกะเนื้อที่ผูกมัดนางไว้กับร่างกายอันบอบบางนี้ จากนั้นนางจะเข้าร่วมกับเรา เป็นหนึ่งเดียวกับพระประสงค์และเจตจำนงค์อันศักดิ์สิทธิ์ของเรา”
เสียงก้องกังวานที่ดังขึ้น เป็นเสียงที่ Norn ไม่นึกว่าจะได้ยิน เสียงแห่งพลังศรัทธาของ Phyrexian เสียงสังเคราะห์ของพวกเขาที่สวดภาวนา? เสียงดังขึ้นเมื่อเธอยกมือข้างที่ว่างออก ขดนิ้วยาวที่มีเล็บแหลมคมกางออก ทิ่มไปที่ข้อมืออีกข้างของเธอที่จับหญิงชาว Mirran ไว้
ชั่วขณะหนึ่ง ท้องฟ้าดูเหมือนจะมืดลง แต่ความสนใจของ Norn กลับอยู่ที่ Glistening oil ที่อยู่บนข้อมือเธอ ร่างกายของเธอเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุด ฝูงชนเบื้องหน้าจับจ้องสิ่งนี้เป็นตาเดียว
Glistening oil ไหลลงบนบาดแผลที่หัวของชาว Mirran ไหล่ของนางสั่นเทิ้ม เธอดิ้นทุรนทุราย และกรีดร้องโหยหวน ไม่ช้าเสียงของนางก็ถูกแทนที่ เป็นเสียงที่สมบูรณ์แบบ และเสียงของนางก็เข้าร่วมกับ Phyrexian ตนอื่น
นางสำลักเมื่อ Glistening oil เข้ามาเติมเต็ม ร่างของนางกระตุกน้ำมันไหลออกจากปากและดวงตาของนาง
เสียงรอบ Norn เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
เธอจับหญิง Mirran ที่ต้นคอชูให้ทุกคนได้เห็น
“จงดูความสมบูรณ์แบบ”
ภายใต้กำมือเธอ ร่างกายของชาว Mirran สั่นสะท้าน ต่างกับการเปลี่ยนแปลงครั้งอื่น เนื้อของนางกลับนูนขึ้น กระดูกสันหลังดิ้นราวกับพยายามให้หลุดจากกำมือของ Norn
ร่างกายของนาง ชักรุนแรงจน Norn เกือบทำหลุดมือ เส้นใยที่เหมือนรากไม้ทะลุออกมาจากช่องท้อง เลือดข้นๆไหลปนกับ Glistening oil ออกมาอยู่ใต้เท้าของ Norn ลิ้นของนางทะลุเบ้าตาตัวเอง ดิ้นไปมาในอากาศ
Elesh Norn รู้สึกงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะตอบสนองต่อสิ่งนี้ เธอเปลี่ยนส่วนของชุดเกราะให้เป็นใบมีด และเฉือนคอของชาว Mirran ร่างกายที่ผิดธรรมชาติของนางล้มลงแทบเท้าของ Norn
ไม่มีร่องรอยของการเปลี่ยนเป็นเครื่องจักรบนร่างกาย
มันไม่ควรเป็นเช่นนี้
เบื้องล่าง เสียงสวดของเหล่า Phyrexian สะดุด แม้เสียงยังคงดังกังวาล ปนด้วยความสับสน
Norn ยันตัวเองขึ้นยืน ขณะเก็บใบมีด
“เห็นตัวอย่างนี้แล้ว นางช่างน่าเวทนา” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ แม้ภายในจิตใจเธอจะสั่นคลอน
“เธอเป็นภาชนะที่เสียหายเกินไป แม้แต่ Glistening oil ของเราก็ไม่อาจช่วยชีวิตเธอได้ นี่เธอข้อพิสูจน์ว่าเราต้องเผยแพร่คำสอนของเราอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะช่วยทุกสิ่งได้”
Norn พูดออกไปขณะพยายามสงบสติอารมณ์
สิ่งที่เกิดขึ้นมันต้องมีเหตุผล
The Glistening oil ไม่เคยล้มเหลว
แสงสีซีดของ Fair Basilica ส่องประกายเหนือโดมและยอดแหลม เปลี่ยนสีขาวนวลจากธงของมหาวิหารเป็นสีดำสนิท เมื่อ Elesh Norn กลับมาที่ลาน
เธอไม่รีรอ หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหญิงชาว Mirran เธอสั่งให้ผ่าร่างกายนั้นและกำจัดทิ้ง Norn เดินลงจากแท่นปราศัยอย่างสง่า เพื่อแสดงให้เห็นว่ายังควบคุมสถานการณ์ได้อยู่ เธอไม่เคยเห็นการรากของก้อนเนื้อที่ระเบิดจากร่างกายมนุษย์ มาก่อน
แม้พวก Phyrexian จะควบคุมได้โดยไม่ต้องใช้พลังของเธอ และ Glistening oil จะลบสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ – ความทรงจำ ความปรารถนา – และจัดลำดับจิตใจที่วุ่นวายใหม่ ให้อยู่ในรูปแบบที่สมบูรณ์ ในขณะที่น้ำมันมักจะรั่วจาก ตา จมูก และช่องอื่นๆ ก่อนที่พวกบาทหลวงจะแทนที่ร่างกายด้วยเครื่องจักร แต่ตัวน้ำมันเองไม่เคยทำให้เกิดอาการชัก มันไม่เคยทำให้เลือดข้นหรือทำให้ร่างกายระเบิดออกได้
น้ำมันเป็นองค์ประกอบที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด สรรพคุญของมันเป็นที่ประจักษ์
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?
ไม่มีมนุษย์คนใดจะต้านทาน Glistening oil ได้ Norn บอกทุกคนไปแบบน้ัน
Elesh Norn เดินข้ามลาน มีเพียงเสียงบทสวดของ Phyrexian ที่ตามหลังเธอ เธอคิดว่าจะขึ้นไปยังสถานที่ที่จับชาว Mirran มา เพื่อหาสาเหตุของเหตุการณ์เมื่อครู่ เธอสังเกตุเห็นรอยด่างเล็กๆ บนพื้นปูน
Elesh Norn หยุดเดิน
ตรงที่เลือดของชาว Mirran หยด มีวัชพืชเล็กๆ ขึ้นมาจากรอยแตกใต้พื้นปูน ก้านของมันมีสีเขียว และสีน้ำตาลปนกัน มันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับ Norn
Elesh Norn เอื้อมมือมาเด็ดมันออก สัมผัสของมันเหมือนกับเนื้อที่คอของชาว Mirran ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะไม่ยอมให้มีสิ่งแปลกปลอมใน The Machine Orthodox เธอทำมามากเกินกว่าจะยอมให้เหล่า Phyrexian ปนเปื้อนแม้เพียงเล็กน้อย
Norn บิดข้อมือ ตั้งใจจะถอนรากถอนโคนเจ้าวัชพืชด้วยการดึงเพียงครั้งเดียว แต่มันกลับยึดแน่ราวกับมีมือจับแผ่นหินด้านล่างไว้
“ไอ้พวกนอกรีต” Norn สูดหายใจและดึงวัชพืชขึ้นมาอย่างแรง
มันใหญ่กว่าที่คิดไว้มาก หินกระเบื้องแตกออกตามแรงดึง แต่ไม่มีรากติดอยู่ที่ต้นไม้ต้นน้อยนี่ แต่กลับเป็นท่อนแขนของมนุษย์ที่ครึ่งหนึ่งเริ่มเน่า แกว่งไปมาราวกับกระดิ่ง นิ้วของมันแผ่กว้างราวกับจะกลับไปที่ผืนดินที่เธอดึงมันออกมา
“น่ารังเกียจ” Norn ยกมันขึ้นเพื่อทำความเข้าใจ ความสับสนก่อตัวขึ้นมาให้เธอต้องเป็นกังวล
นี่เป็นผลจากการที่เลือดของชาว Mirran หยดลงบนพื้นงั้นรึ?
มันไม่มีเหตุผล
Norn เหวี่ยงวัชพืชออกไปอย่างขยะแขยง เธอจำเป็นต้องหาสาเหตุของสิ่งนอกรีตนี้ เพื่อขจัดต้นตอก่อนที่มันจะฝังรากลงไป เธอสั่งให้พวกนักบวชกำจัดต้นไม้ประหลาดอีกต้นที่อยู่ที่เท้าของเธอ และอีกหลายต้นตามทางเดิน
ความรู้สึกปั่นป่วนในท้องที่ไม่คุ้นเคยปรากฎขึ้นกับ Elesh Norn
Norn ข้ามผ่านลาน ดึงวัชพืชต้นนึงออก มันคือเศษปอดของมนุษย์ เธอทุบมันแหลกคามือ มันไม่ได้มาจากนัง Mirran นั่นแน่ พวกบาทหลวงชำแหละร่างของนางแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ นอกจากรากไม้นั่น และมันไม่สมควรงอกมาจากร่างมนุษย์ตั้งแต่แรก
อาการปั่นป่วนท้องของเธอเพิ่มมากขึ้น
Norn ฉีกทิ้งสิ่งน่าขยะแขยงออกจากพื้นทีละต้น เธอพบต้นขา หัวใจ ไส้ที่พุพองเป็นเส้นๆ ไตข้างเดียว หู ฟันที่มัดอยู่รวมกันราวไข่มุกที่มีรูปร่างประหลาด เธอดึงพวกมันเร็วขึ้นโดยตั้งใจจะชำระล้างวิหารแห่งนี้จากสิ่งสกปรก ทุกครั้งที่เธอเจอชิ้นส่วนมนุษย์ เธอรู้สึกมวลท้องและพะอืดพะอม
ความกระวนกระวายใจแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเธอ
นี่เป็นความผิดปกติของเธอหรือ? เป็นไปไม่ได้ เธอคือ Mother of Machines, มหาอุปราช เธอสมบูรณ์แบบ
แต่สิ่งสุดท้ายที่สัมผัสชาว Mirran คือ Glistening oil ของเธอเอง
Elesh Norn ยังคงยืนนิ่ง เกราะของเธอทอประกาย มือของเธอกำแน่น ผ้าคลุมสีแดงปลิวไปตามสายลมอย่างนุ่มนวล
“เราคือ Mother of Machines” เธอสูดลมหายใจและอยู่ไกลจากเสียงสวดภาวนาของเหล่า Phyrexian สิ่งที่ดูเหมือนเป็นการยืนยันศรัทธา ตอนนี้เหมือนเสียงสะท้องของความข้องใจของชาว Phyrexian นับพัน
เธอจะไม่ปล่อยให้ the Orthodox ตกอยู่ในภัยคุกคามจากสิ่งแปลกปลอม มันจะต้องมีคำอธิบายสำหรับเรื่องทั้งหมดนี้
Elesh Norn เงยหน้าขึ้น ท้องฟ้าที่เคยสว่างไสว ดูมืดมนราวกับว่า มีเมฆมาบดบังวิหาร ครู่หนึ่งมันเหมือนจะกลายเป็นร่างที่ลอยอยู่บนเส้นขอบฟ้า ก่อนจะสลายไป เธอส่ายหัว คิดว่ามันคงเป็นการหักเหของแสง Norn บอกตัวเอง
หรืออีกนัยหนึ่ง เป็นการแทรกแซงที่ไม่อาจอธิบายได้
แนวคิดที่ว่า อะไรก็ตามที่ทำให้ความงามของ Phyrexian นั้นจางลงช่างน่ารังเกียจ แต่ถึงแบบนั้น บรรยากาศรอบๆ ที่ดูไม่สัมพันธ์กับตัวเธอเองแบบที่ไม่เคยเกิดใน Machine Orthodox มาก่อน มีความไม่จริงปะปนอยู่ บางอย่างที่ปฏิเสธสภาพแวดล้อมที่เธอสร้างขึ้น
ที่นี่คือวิหารของเธอ
ที่นี่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นที่กล่าวปราศัย
และนั่น...
Norn มองลงไปที่ลานกว้างแล้วถอยกลับ ทุกโพรงที่เธอดึงวัชพืช ทุกๆที่ที่เลือดของ Mirran เปื้อนพื้นอันงดงาม มันมีวัชพืชใหม่ที่แตกหน่อ พวกมันเต้นเป็นจังหวะ และเติบโตขึ้นบน Fair Basilica ราวกับมันจะกลายไปเป็น ‘สวนแห่งเลือดเนื้อ’
Norn เดินผ่านลานกว้างระหว่างวิหารและหอคอย ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยวัชพืช เธอกระชากพวกมันออกระหว่างที่เธอเดินผ่าน
เธอหยุดอยู่ข้างหอคอย มันมีขาโผล่ออกมาจากฐาน นี่เป็นเพราะเลือดของนัง Mirran นั่นจริงหรือ? มันเป็นผลจากการที่พวกน่าขยะแขยงมาปนเปื้อนใน Orthodox งั้นรึ?
Norn ยกชิ้นส่วนที่เธอดึงออกมาจากพื้น มันปวกเปียก อ่อนแอ เน่าเปื่อย ต่างกับเหล่าจักรกล เหมือนกับว่ามหาวิหารที่เธอสร้างมันกำลังเน่าเปื่อย มันเป็นสิ่งที่เธอรับไม่ได้
ไม่!
มันเป็นไปไม่ได้!
Norn บอกตัวเองขณะโยนเนื้อเน่าๆทิ้งไป
เป็นไปไม่ได้!
มันต้องมีเหตุผลสำหรับเรื่องนี้
หากเลือดของนังมนุษย์ไม่ใช่สาเหตุของสิ่งน่าขยะแขยงนี่ จะมีอะไรเล่าที่มีพลังมากพอจะแทรกแซงโลกที่ Elesh Norn สร้างมากับมือได้?
Norn ก้มมองมือของเธอ Glistening oil ไหลออกมาจากข้อมือเธอ
อาจเป็นเธอที่เป็นสาเหตุของสิ่งเหล่านี้?
จะมีใครอีกที่ทำลายระเบียบของ the Orthodoxy ได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าหากน้ำมันในตัวเธอคือสาเหตุที่ทำให้ร่างกายของชาว Mirran ผิดปกติล่ะ?
Norn เป็น Preator แบบที่ควรจะเป็นมาโดยตลอด แต่ถ้าเรื่องนี้ทำให้เธอล้มเหลวล่ะ? ถ้าเธอคือสิ่งผิดปกติล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าตลอดเวลามีบางสิ่งที่เป็นข้อบกพร่องเติบโตและรอเวลาที่จะระเบิดออกมาทำลาย the Machine Orthodoxy ล่ะ? เธอจะกลายเป็นคนทรยศงั้นรึ? Grand Cenobite Elesh Norn ทำให้เกิดการปนเปื้อนทางธรรมชาติ? เธอจะไม่เหมาะกับตำแหน่งผู้นำ Machine Orthodoxy งั้นรึ?
the Orthodoxy นั้นคือความชอบธรรม ดังนั้น Glistening oil เองก็ไม่สามารถมีตำหนิได้ ไม่มีเหตุผลที่เลือดของมนุษย์ที่ต่ำต้อย จะทำให้เกิดเรื่องน่าสยองตรงหน้าได้
Elesh Norn ใช้มือยันแท่นไว้ ราวกับกำลังประคองตัวเอง โลกของเธอมันบิดเบี้ยวและบกพร่องอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เรื่องทั้งหมดนี่, สิ่งเหล่านี้, ยังคงรู้สึกไม่ใช่เรื่องจริงอย่างน่าประหลาด
เธอจำได้ว่าครั้งนึงเมื่อเห็นชาว Mirrans ถูกจับหลังจากการก่อจราจล พวกมันนอนหลับอยู่ในห้องขัง นอนขดตัว เพ้อฝัน คร่ำครวญ ติดอยู่กับภาพสะท้อนจิตใจอันอ่อนแอของมันเอง เธอจำได้ว่าพวกมันกรีดร้องกับภาพที่มีแต่ตัวมันเองที่มองเห็น, ทรมาณและถูกทำให้ตื่น
The Orthodoxy ได้ชำระล้างความฝันเหล่านั้น เหมือนให้ของขวัญกับการเปลี่ยนแปลงของพวกเขา แต่ Norn ไม่ลืมภาพพวกมนุษย์ที่ทรมาณกับภาพฝันนั้น มันเป็นเครื่องยืนยันว่าเลือดเนื้อนั้นต่ำต้อยกว่า มันมีเหตุผลมากขึ้นที่จะถอดมันออก และมอบของขวัญให้พวกเขาด้วยจักรกลแห่ง the Orthodoxy
เหล่า Phyrexians ไม่ฝัน
จิตใจของ Phyrexian ยึดติดอยู่กับความเป็นจริง ตามจังหวะที่เป็นไปได้ของเครื่องจักรและความชอบธรรม ไม่มีเหตุผลที่จิตของเธอจะเดินเข้าไปในจิตสำนึกที่เพ้อฝันซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้ ความน่าสะพรึง และความไร้เหตุผล แต่เมื่อเธอยืนอยู่ที่นี่ ร่างกายของเธอตึงเครียด จิตใจของเธอพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้นี้ Norn รู้สึกเหมือนมนุษย์ที่หลับไหล ราวกับว่าทุกสิ่งจะกลับมาถูกต้องถ้าเพียงเธอตื่นขึ้นมา
Elesh Norn ยังคงยืนนิ่ง เธอหายใจไม่ออก เกราะลายครามของเธอนิ่งไม่ไหวติงเหมือนเสาหินที่อยู่รอบตัว
นี่ไม่ใช่โลกของเธอ
Elesh Norn ค่อยๆแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ซึ่งความมืดก่อตัวเป็นรูปร่าง เธอทำหน้าโกรธและกระซิบเบาๆ,
“Ashiok”
เสียงสั่นสะท้านทุ้มต่ำกังวาลดังขึ้น ก่อนจะปรากฎร่างเพรียวบางขึ้นที่ฝั่งตรงข้ามลานของมหาวิหาร เขาลอยขึ้นมายังหอคอย ราวกับไร้แรงโน้มถ่วง เสื้อคลุมใยแมงมุมกับเท้าที่เปลือยเปล่า ใบหน้าของเขาหมุนวนเป็นควันดำ ราวกับภูตผี บรรยากาศมืดตรึ้มราวกับตอนที่ Norn ลงมือฟันหัวชาว Mirran
Norn กำหมัดแน่นทำให้เวทีปราศรัยแตกออก
Ashiok Planeswalker จอมเวทย์แห่งฝันร้าย นางต้องเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้แน่ Norn รู้ว่า Ashiok ได้ทำให้ชาว Mirran ติดอยู่ในความฝันเพื่อความสนุกสนาน แต่
เธอไม่เคยคิดว่านางจะโง่พอถึงขนาดยัดเยียด “ศิลปะ” อันน่าเกลียดนี้ให้เธอ
แม้ Elesh Norn จะเป็น Phyrexian และเป็นอุปราชที่ควรอยู่เหนืออารมณ์ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกโกรธ ทั้งที่รู้ว่ามันไม่จริง — ไม่ใช่เศษเลือดเนื้อที่มารังควานมหาวิหาร ไม่ใช่ชิ้นส่วนมนุษย์ที่แพร่พันธุ์อยู่ใต้เท้าเธอ ไม่ใช่แม้แต่ความผิดปกติของเธอ — ความจริง มันเป็นแค่ภาพลวงตา
น่าขยะแขยง
Elesh Norn ดึงตัวเองขึ้นยืน เกราะลายครามส่องประกาย ผ้าคลุมสีแดงสะบัดตามหลัง
“Ashiok” รอบนี้เธอเอ่ยชื่อนางด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก เป็นเสียงที่เธอใช้สั่งการกองทัพ เสียงที่บริสุทธิ์ Norn ยืดไหล่ขึ้น วางท่าในอำนาจที่เหมือนมาจากสรวงสวรรค์
Ashiok ลอยข้ามลานกว้างมาอย่างสบายๆ มองดูการสร้างฝันร้ายของตนอย่างพึงพอใจ นางลอยอยู่ไม่ไกลจาก Norn เท้าอยู่เหนือพื้นที่เน่าเสีย ผ้าคลุมสีดำสะบัดอยู่ข้างๆนาง
Ashiok กวาดมืออกไป
“งดงามใช่มั้ยล่ะ? ข้าใช้เวลาสร้างผลงานชิ้นเอกนี้นานมาก” Ashiok โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย
“จิตใจของเจ้านั้นเป็น … ผ้าใบที่ไม่มีใครเหมือน Elesh Norn ช่างเป็นสิ่งพิเศษยิ่ง”
“เจ้ากล้าทำเรื่องน่าขยะแขยง โสโครก นี้อย่างนั้นรึ?” Norn ถามอย่างเยือกเย็น
“แน่นอน แต่ทว่า” Ashiok ยิ้ม
“กล่าวตามตรง ข้าไม่มั่นใจว่าชาว Phyrexian จะเหมาะในการสร้างผลงานของข้า ข้าไม่สามารถสร้างผลงานชิ้นเอกนี้ได้หากไม่มีผ้าใบที่เหมาะสม”
“เจ้ากำลังทดสอบข้าอย่างนั้นรึ?” Norn พูดอย่างใจเย็น แม้ความโกรธของเธอจะเริ่มเดือดพล่าน เธอไม่อยากตกเป็นของเล่นของสิ่งที่เดาใจไม่ได้นี้
“จะมีใครอีกเล่า ที่เหมาะจะเป็นตัวอย่างทดลอง? เจ้าเป็น Mother of Machine ใช่มั้ย? ความคิดเจ้า …” เสียงของ Ashiok เงียบไป นางครุ่นคิดและสับสนเล็กน้อย
“มันไม่ได้ประมวลความกลัวเหมือนอย่างที่จิตใจมนุษย์ทำ”
“ข้าคืออุปราชแห่ง Phyrexian” Norn กล่าว “ข้ามีความสมบูรณ์แบบ ข้าไม่กลัว” จนถึงตอนนี้เธอไม่เคยข้องใจกับคำพูดนี้เลย มันคงเป็นเรื่องโกหกที่จะบอกว่าเธอไม่เคยข้องใจในตัวเอง
แต่เธอปล่อยผ่านความคิดเหล่านั้น เธอใช้อำนาจของเธอในการกำราบศัตรู ตัวเธอไม่ได้ทำมาจากเศษเนื้อ
เธอไม่ได้อ่อนแอ
เธอไม่มีเลือดเนื้อ
เธอไม่ใช่มนุษย์
รอยยิ้มของ Ashiok กว้างขึ้น มันร่อนเป็นวงกลมรอบๆ Norn
“โอ้ ถ้ามันเป็นความจริง ข้าคงไม่มาอยู่ที่นี่ จริงมั้ย?”
Ashiok ลอยขึ้นไปบนอากาศ ควันที่ปลายเขาไหลลงมารอบชิ้นส่วนมนุษย์ที่ลานกว้าง Norn จ้องมองสิ่งที่นางทำ ที่ก้อนหินมีหัวของมนุษย์งอกขึ้นมา มันเป็นหญิงสาวที่มีผมสีเข้มและผิวสีขาว เกราะสีขาวปรากฎออกมารอบตัว หน้าตาของเธอถูกปกคลุมไปด้วยโคลน แต่ดูเหมือน Norn จะคุ้นเคยกับเธออย่างน่าประหลาด
“ข้าเจอนางครั้งแรกตอนที่สร้างผลงานศิลปะใน Theros” Ashiok กล่าว คำพูดแต่ละคำฟังดูนุ่มนวลแต่เยือกเย็น ขณะที่ควันของมันลูบไล้หัวของมนุษย์นี้
“เธอชื่อ Elspeth Tirel” Ashiok กล่าวชื่อของมนุษย์ด้วยความสนุก
“นางดึงดูดข้า และข้าไปตามหานางที่ยมโลก ความหวาดหวั่นที่มีต่อ Phyrexians ของนางช่างรุนแรงความอยากรู้ของข้าจะไม่ถูกตอบสนองได้อย่างไร
ข้าจะเป็นศิลปินประเภทใดหากปล่อยโอกาสนี้หลุดลอย เพื่อขัดเกลาทักษะของข้า ข้าแค่ต้องหาคำตอบว่าฝันร้ายของ Phyrexian มีหน้าตาเช่นไร”
Elesh Norn จำ Elespeth Tirel ได้จากการโจมตีอันล้มเหลวที่ มหาวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ และความรู้สึกคุ้นเคยต่อชาว Mirran ก็สมเหตุสมผลขึ้นมา
“Elspeth หนีไปแล้วใช่หรือไม่?” Ashiok พูดแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน
“มนุษย์ตัวจ้อย ที่ไม่สำคัญนางนี้รอดพ้นจาก Machine Orthodoxy”
“มันไม่เกียวกัน” Norn รู้สึกขุ่นเคืองขึ้น
“ความจริงที่ข้าเห็นอยู่เหนือความเข้าใจของเจ้า Ashiok ข้าจะไม่หวั่นไหว ข้าจะไม่เป็นเครื่องมือสำหรับ ‘งานศิลปะ’ ของเจ้า”ในห้วงความคิดที่ลึกกว่าฝันร้ายใดๆ เธอสัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์กับผู้คน รวมกลุ่ม Phyrexian เข้าด้วยกัน ความแข็งแกร่ง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พลังที่ไม่มีใครต้านทาน กองทัพนับพันที่รอคำสั่งของเธอให้โจมตี
รอยยิ้มของ Ashiok หยุดลง
“ข้าจะไม่ทนการดูหมิ่นนี้อีกต่อไป” Norn กล่าว เธอหันความสนใจไปด้านใน มีการเคลื่อนไหวที่เงามืด เสียงเปิดประตูดังเอี๊ยด
ชาว Phyrexian หลายสิบตนที่เหมือนในความฝันโลกที่สมบูรณ์แบบของ Norn ปรากฎขึ้นจากเงา ร่างโลหะของพวกมันทอประกาย ดวงตาเรืองสีแดงกรอกไปมา
ชั่วขณะหนึ่ง Ashiok ดูสับสน
“พวกมันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของผลงานนี้” นางกล่าว
“ข้าไม่ได้ออกแบบให้มันมาที่นี่ ไม่ใช่ตอนนี้”
“พวกเรารวมเป็นหนึ่ง” Norn กล่าว
“เจ้าคิดจะควบคุมเราด้วยฝันร้ายกระจอกๆ นี้เหรอ?”
เกิดความเงียบขึ้น เหล่าเครื่องจักรยังคงนิ่งเฉย เสียงแห่งฝันร้ายของ Ashiok หยุดลง มีเพียงลมที่พัดกลิ่นเน่าและน้ำมัน ธงสีแดงถูกชักขึ้นเหนือหัว
“เจ้าประเมินพวกเราต่ำไป” Norn กระซิบอย่างราบเรียบและด้วยวาจาศักสิทธิ์ เหล่า Phyrexians ที่อยู่ข้างหลังเธอก็พูดซ้ำ
“เจ้าประเมินพวกเราต่ำไป”
Ashiok เอียงคอ ตีปลายนิ้วเข้าหากัน และลอยถอยเว้นระยะห่างระหว่าง Norn กับชาว Phyrexian ตนอื่น เมื่อมีใบมีดออกมาจากร่างกายของ Norn
“น่าทึ่ง” Ashiok กล่าว
เสียงคำรามดังก้อง ควันที่หมุนวนของ Ashiok หนาขึ้นแขนขาที่งอกจากพื้นดินรวมตัวกันเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์และพุ่งเข้าหา Norn หัวที่มีครึ่งหน้าห้อยลงมาที่ไหล่
พวก Phyrexians พุ่งตัวไปข้างหน้า ผ่าร่างภาพรวงตาแห่งฝันร้าย (Dream manifestations) ภาพมายาเคลื่อนไหวตามความต้องการของ Norn เธอนำหน้าพวก Phyrexians ใบมีดพุ่งออกมาจากร่างกายเธอหั่นร่างสัตว์เลี้ยงของ Ashiok เป็นชิ้นๆ
“เจ้าหยามเกียรติพวกเรา!” เสียงของ Norn ดังไปทั่วลานกว้าง เธอยกแขนเตรียมที่จะผ่าร่างที่เหมือนภูตผีของ Ashiok แต่ร่างที่จำแลงเป็น Elspeth Tirel ลุกขึ้น
มันพุ่งตัวมาหา Norn พุ่งขึ้นมาจากโคลนแห่งฝันร้าย ควันของ Ashiok ม้วนไปรอบๆ ทำให้อากาศกลายเป็นรูปร่างที่สูงและแข็งแกร่ง ปกคลุมด้วยดลหะเคลือบมุกและหมวกโค้ง มันคือกระจกที่สะท้อนรูปลักษณ์ของ Elesh Norn
Norn ก้าวถอยหลัง Elspeth ก็ทำเช่นเดียวกัน มันคือภาพสะท้อนของตัวเธอเอง ท่าทางที่ดูหวาดกลัวของเธอช่างเหมือนมนุษย์แบบไม่อาจปฏิเสธได้ และเป็นอีกครั้งที่เกิดอาการแน่นในลำคอของ Norn เธอรู้สึกอยากจะหนี นี่มันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ไม่ใช่แค่กับ Orthodoxy แต่รวมถึงเธอเองด้วย สำหรับ Mother of Machines มหาอุปราช นี่เป็นอนาคตที่บิดเบี้ยวของ Orthodoxy
Elesh Norn ไม่อยากเรียกสิ่งนี้ว่าความหวาดกลัว แต่เมื่อเห็นมือของ Elspeth ยกมาที่ปากเธอ เธอตัวสั่น เธอปฏิเสธมันไม่ได้ ว่าสิ่งนี้คือความกลัวของเธอ
ปนเปื้อน
บกพร่อง
เป็นไปไม่ได้
Planeswalker คนนี้จะทำให้เธอหวาดกลัวได้อย่างไร? เธอคือ Elesh Norn คนที่จะควบคุมพวกศัตรูให้เต้นไปบนฝ่ามือเธอ เธอคือจุดสูงสุดของ Phyrexian
เกิดแสงสว่างและเสียงแตก กริชจากร่างของ Norn ผสานรวมกันเป็นใบมีดขนาดใหญ่ ด้วยพลังที่มากกว่าแต่ก่อน เธอตวัดมันใส่ร่างปีศาจ Elspeth Tirel เฉือนเข้าไปที่หน้าอกของมันอย่างแรงจนมันลอยข้ามลานกว้าง ร่างนั้นแน่นิ่งและหมดลมไป
ไม่ มันไม่ได้ตาย
เพราะมันไม่ได้มีชีวิตตั้งแต่แรก มันเป็นแค่ภาพลวงตา
Norn หันไปหา Ashiok ภายในของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความโกรธเกรี้ยวที่มาจากความกลัว เธอเตรียมปล่อยมันใส่ Planswalker แต่มันลอยสูงและพุ่งถอยหลังอย่างรวดเร็ว
“เจ้าช่างเป็นผ้าใบที่วิเศษ Mother of Machines” Ashiok กางแขนและโค้งศรีษะ
“ผลงานเอกอีกชิ้น”
Norn มองดู Ashiok หายตัวไป ท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน โลกแห่งฝันร้ายถูกเปิดออก เหล่า Phyrexian ที่ปรากฎในฝันได้สลายไป กระเบื้องที่เต็มไปด้วยชิ้นเนื้อถูกทำให้กลับไปเป็นเช่นเดิม
ร่างของ Elspeth ที่สวมชุดเกราะของ Norn เป็นสิ่งสุดท้ายที่สลายไป จนกระทั่งมหาอุปราชแห่ง Phyrexians เดินเข้ามาหา หัวของมันที่ถูกตัดขาดเริ่มสลายเป็นควันดำ
แต่ก่อนที่ฝันร้ายนี้จะหายไป มันได้ลืมตาและสบตากับ Norn มันมองดูเธอด้วยความสงสาร ความเห็นอกเห็นใจอันน่าสยดสยอง จน Norn หายใจไม่ออก
จนเมื่อฝันร้ายนี้หายไปอย่างแท้จริง Elesh Norn ได้เดินไปทั่วลานของมหาวิหาร และสัมผัสกับก้อนหินที่ตอนนี้ปราศจากการปนเปื้อน แต่เธอไม่สามารถลบภาพ Elspeth ออกไปจากหัวได้ เธอไม่อาจสลัดสายตาที่บอกความสงสาร เธอทนไม่ได้กับความรู้สึกของมนุษย์ที่ทำให้เธอไม่สงบ
และ Elesh Norn รู้ด้วยความรู้สึกที่เธอมีต่อ Machine Orthodoxy
เพื่อขจัดความรู้สึก และความกลัวของเธอ เธอจะต้องตามหา Elspeth Tirel และกำจัดให้สิ้นซาก
Magic Story By Lora Gray