Levia เกิดมาท่ามกลางความยากไร้ ครอบครัวที่ยากจนของเธอก็เป็นหนึ่งในอีกหลายๆ ครอบครัวที่ทำงานให้กับขุนนางในแดนเหนือ
พ่อของเธอเคยเป็นผู้ดูแลคอกม้าให้ Lord Bathimont 
แต่จู่ๆ เขาก็หายตัวไปเมื่อ Levia ยังเด็ก, ปล่อยให้ครอบครัวเธอต้องอดอยาก
และเมื่อไม่มีเงินมาเลี้ยงดูตัวเองและลูกสาว
แม่ของ Levia เลยขายชีวิตตัวเองและลูกเพื่อรับใช้ในคฤหาสน์ Bathimont อย่างไม่มีทางเลือก
 
 
Levia จำได้ว่าแม่ของเธอถูกบังคับให้รับใช้ Lady Bathimont เป็นเวลาหลายชั่วโมง
แม่เธอจะลุกจากเตียงที่นอนด้วยกันก่อนแสงแรกของวัน
และจะกลับมาหลังจากเทียนที่จุดไว้ตอนกลางคืนดับไปแล้ว. 
 
ในคืนหนึ่ง หลายปีหลังจากที่พวกเธอมาอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ แม่ของเธอปลุกเธอในช่วงเช้ามืด
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในตอนที่เธออ้อนวอนลูกสาวของเธอว่าอย่าไว้ใจพวก Bathimonts
และให้รีบหนีไปเมื่อมีโอกาส.
 
 
หลายวันต่อมา แม่ของเธอก็หายตัวไป ทิ้ง Levia ไว้กับคำเตือนที่คอยหลอกหลอนเธอ
อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้ทำตามที่แม่เธอบอก เธอตัดสินใจที่จะค้นหาความจริงที่ดำมืดของปราสาทหลังนี้
 
เมื่อ Levia เติบโตขึ้น และมุ่งมั่นที่จะหาความจริง คฤหาสน์ของ Bathimont เองก็เริ่มตกสู่ความบ้าคลั่งมากขึ้น
พวกข้ารับใช้ต้องแย่งชิงเศษอาหาร ในขณะที่บรรดาขุนนางมีความสุขในงานเลี้ยงอันรื่นรมย์ 
 
Lord Bathimont ออกไปล่าสัตว์ไกลจากเขตแดนของเขา และขณะเดียวกัน Lady Bathimont ก็กำลังสนุกสนานกับความขื่นขมในคฤหาสน์แห่งนี้
 
 
ในค่ำคืนหนึ่ง Levia ได้ยินเสียงร้องโหยหวนมาจากคฤหาสน์ เสียงอันสยดสยองของผู้บริสุทธิ์
เธอเดินตามเสียงนั้นไปเพื่อค้นหาคำตอบ เพื่อเห็นในสิ่งที่เธอไม่ควรเห็น
เธอมองผ่านรูกุญแจของประตูไม้โอ๊ค ผนังสีแดงฉาน กับพรมที่เต็มไปด้วยเศษผ้า และมือขาวซีดที่จับชายกระโปรง เสียงหัวเราะของ Lady Barthimont ที่ดังออกมา พร้อมกับสัญลักษณ์ประหลาดที่เขียนไว้ที่พื้นแทบเท้าเหล่าหญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย
 
แม้จะอยู่คนละฝากประตู Levia ก็รู้สึกได้ถึงพลังงานที่คลุ้มคลั่งราวกับพายุ สัญลักษณ์ที่เท้าของบรรดาเหยื่อส่องสว่าง
ทำให้ทั้งห้องเต็มไปด้วยแสงสีแดงเข้ม ห่อหุ้มร่างของบรรดาสาวใช้
และเงาของ Lady Bathimont ทอดยาวไปตามพื้น นางถอนหายใจแล้วเริ่มลงมือกินเหล่าทาสอย่างบ้าคลั่ง ละอองเลือดฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง ใบหน้านางเต็มไปด้วยเลือดและเครื่องใน
 
 
ความกลัวเข้าครอบงำ Levia เธอแน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก แต่เมื่อเธอสะดุดล้มลง
ความโกรธและความเดือดดาลที่รุนแรงกลับเอ่อล้นขึ้นมาแทน
ในขณะที่เธอมองไปยังสายตาของซากศพ บางอย่างกลับทำให้เธอรู้สึกกระหาย นี่อาจเป็นหนทางเดียวที่เธอจะได้ครอบครองพลัง โอกาสที่เธอจะกำหนดชะตากรรมของตัวเองให้พ้นเงื้อมมือพวกมัน
 
หลายเดือนต่อมา Levia กลับมาที่ห้องของ Lady Barthimont เพื่อแอบดูพิธีกรรมแห่งความมืด
ธออดทนต่อเสียงโหยหวน เครื่องในที่ถูกฉีกกระชาก สีหน้าอันเปี่ยมสุขของนายหญิง ขณะสังหารข้ารับใช้คนอื่นๆ
เธอมุ่งมั่นและจดจ่อกับอยู่กับแค่พิธีกรรมเท่านั้น 
 
ภายใต้ความมืด Levia แอบออกไปนอกคฤหาสน์ แนบกริชที่ขโมยมาไว้ที่อก
บริกรรมคาถาและหลั่งเลือดของเธอตามพิธีกรรมของ Lady Barthimont เพื่อแลกกับพลัง 
 
คืนนี้ เป็นครั้งแรกที่ Levia ได้ลิ้มรสพลังแห่งเงา มันช่างหอมหวานราวกับการจิบชาหลังจากกระหายมานาน
เงามืดเบ่งบานขึ้นในใจของเธอ ปลุกความกระหายอันไม่รู้จบให้ตื่นขึ้น
 
เป็นเวลาหลายเดือน ที่ Levia จมอยู่กับความกระหายนี้ และเธอพยายามหาวิธีหยุดมัน เธอออกล่าสัตว์ตัวเล็กๆ ในเวลากลางคืน
ใช้ร่างของพวกมันในพิธีกรรมแห่งความมืดของเธออย่างบ้าคลั่ง เพื่อเพิ่มพลังของเธอ 
 
แม้รอบๆ ข้างของเธอจะเปลี่ยนไป แต่ Levia ก็ไม่สังเกตุเห็น
เธอไม่ทันสังเกตเห็นการหายตัวไปของเหล่าข้ารับใช้ และ Lord Barthimont รวมถึงเหล่าแขกหน้าใหม่ในคฤหาสน์ที่เธอเคยรับใช้
เพราะมัวลุ่มหลงในการแสวงหาแต่พลังของเธอเท่านั้น
 
เย็นวันหนึ่ง ขณะที่แสงเทียนเริ่มดับ เธอพบว่าตนเองถูกเรียกไปที่ห้องโถงใหญ่ ที่ซึ่ง Lady Bathimont และบรรดาแขกของเธอรออยู่ มีคนรับใช้ 12 คน ที่ถูกเรียกมา
 
 
เนื้อย่างชั้นดี ผักอบ ตะกร้าขนมปัง แก้วที่เต็มไปด้วยไวน์, เค้กผลไม้, คาราเมลที่ห่อด้วยกระดาษไข
Levia ได้กลิ่นเครื่องเทศและสมุนไพร เนื้ออบเกลือและน้ำเกรวี่
ในขณะที่ข้ารับใช้คนอื่นๆ มองดูรอบๆ เพื่อหาเหล่าขุนนาง
คนรับใช้ที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มก้าวออกมาข้างหน้าสายตาเขาจับจ้องที่ตะกร้าบิสกิต
เขาเอื้อมมือไปหยิบมันและเริ่มกินอย่างเงียบๆ 
 
เมื่อพวกข้ารับใช้คนอื่นก้าวตามมา เสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้น ประตูทุกบานเริ่มปิดพร้อมเสียงล็อคกุญแจดัง คลิ๊ก 
เมือประตูบานสุดท้ายปิดลง ม่านด้านบนก็เลื่อนออก เผยให้เห็นเหล่าขุนนางที่อยู่ในห้องชมวิวด้านบน 
 
เมื่อมองไปที่พวกมัน Levia เหลือบไปเห็นรอยยิ้มแสนชั่วร้ายของ Lady Bathimont ดวงตาของนางลุกวาว ราวกับหมาป่าที่ต้อนเหยื่อสำเร็จ และเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยง 
 
เสียงน่าขนลุกดังก้องไปทั่วห้อง ทำให้เหล่าคนใช้ทรุดตัวลง ผนังห้องเริ่มฉาบไปด้วยเลือด
เสียงกรีดร้องอันน่าสะพรึงของเหล่าคนใช้สะท้อนกับผนัง
ร่างของพวกเขากลายเป็นกองก้อนเนื้อ กลิ่นของไขกระดูกที่ไหม้ลอยออกมาจากตัวของ Levia
ร่างกายของเธอเริ่มสั่นสะท้าน 
 
 
ด้วยชะตากรรมที่เธอรู้ว่ามันรอคอยอยู่ เธอยอมจำนนต่อความกลัวตาย และจ่ายค่าตอบแทนสูงสุดให้กับพิธีกรรมที่เธอเรียนรู้จากนายหญิง
เธอกรีดร้องและพุ่งตรงไปยังร่างที่ใกล้ที่สุด ฉีกเนื้อของมันออก และยัดเนื้อสดๆเข้าไปในปากของเธอ
จิตใจของเธอจางหายกลายเป็นควัน สติของเธอเบนออกจากคราบเลือดรอบตัว ผ่านม่านหมอกอันมืดมิด
เธอเห็นตัวตนที่ล้อมรอบด้วยสายโลหิตที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ปากที่อ้าค้างเต็มไปด้วยเขี้ยวขนาดใหญ่ 
 
เมื่อสัตว์ร้ายย่างกรายมาใกล้เธอ แสงสลัวเผยให้เห็นร่างที่บิดเบี้ยว เน่าเปื่อย เต็มไปด้วยเลือดและน้ำลายที่เป็นกรด
หนวดขนาดยักษ์โผล่ออกมาจากเงามืด กรงเล็บของมันพุ่งเข้าหาเธอ
Levia หลบการโจมตีอย่างรวดเร็ว หูได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ร้าย
เธอโถมตัวเข้าหาสัตว์ร้าย ความกระหายเลือดของเธอพาเธอจมไปในทะเลเพลิงที่พร้อมจะเผาผลาญทุกสิ่ง
ท่ามกลางหมอกควันที่พวยพุ่ง เธอแทบมองไม่เห็นสิ่งตรงหน้า
 
เธอฟาดใส่ก้อนเนื้อตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง เธอรู้สึกถึงเนื้อที่ฉีกขาดภายใต้กรงเล็บเธอ ลมหายใจอันรวยรินของมันกระเพื่อมในอากาศ
กลิ่นคาวเลือดสีดำไหลออกมาจากบาดแผลของมัน
กรดจากร่างกายมันสัมผัสกับลิ้นเธอ 
 
พื้นหินอ่อนทรุดตัวภายใต้น้ำหนักของตัวเธอ กระเบื้องหินแตกร้าวในขณะที่เธอกระโดดกลับมายืน
เมื่อความกระหายเลือดของเธอจางลง
เธอสัมผัสถึงเลือด และเครื่องในที่ชโลมตัวเธอ เธอมองไปที่มือซ้ายของเธอ และต้องพบกับใบหน้าที่จ้องมองด้วยสายตาอันว่างเปล่าของศรีษะที่หลุดออกจากบ่าของ Lady Bathimont
 
เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ห้องโถงใหญ่เงียบสงัด
และเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน
จากการสังหารหมู่ของเธอ 
 
 
ในท้ายที่สุด Levia ก็หลุดจากพันธนาการของอดีตนายหญิง
และมีอิสระในการตัดสินชะตากรรมของตนเอง
 
อย่างไรก็ตามพลังอันแข็งแกร่งนั้น มีราคาที่ต้องจ่าย เมื่อมีการสังเวยเงามืดก็ยิ่งแข็งแกร่ง 
ไม่มีพวก Barthimont มาคอยควบคุมเธออีกแล้ว
Levia ลงมือฆ่าตามสัญชาตญาณของตัวเอง
 
เพื่อสังเวยชีวิตให้กับพลังแห่งเงา