- คลื่นสงบ -
โรงงานของ Tomeshi เต็มไปด้วยความวุ่นวายของเลือด และโลหะ, แต่ Wanderer ยังคงเร่งรุดไปด้านหน้าราวกับกำลังเต้นรำ
เสียงดาบของ Kaito ปัดป้องการโจมตีจากลิ่วล้อมากมายของ Jin-Gitaxias
Tamiyo ลอยอยู่ด้านหลัง สายตาจดจ้องไปคัมภีร์ของเธอ ที่ช่วยผนึกให้ Tezzeret กลายเป็นอัมพาต
รอยกรงเล็บลากยาวบนพื้นที่บ่งบอกว่า Jin-Gitaxias ผู้เหลือร่างเพียงครึ่งเดียว ได้พยายามที่จะลุกขึ้นมาอีกครั้ง…
และก็ยังบอกว่า มันทำไม่สำเร็จ
ร่างของมันนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น
Wanderer ไม่ได้สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับ Jin-Gitaxias, การต่อสู้ทำให้เธออยู่ในภวังค์ เธอต้องเพ่งสมาธิไปกับการฝ่าศัตรูออกไปให้ได้ก่อน
ทั้ง Wanderer และ Kaito ฝ่าวงล้อมทหารรับจ้าง พวกเขาล้มลงไปคนแล้วคนเล่า
จนความวุ่นวายทั้งหมดเริ่มจางหาย, เหลือเพียงความเงียบเข้ามาแทนที่
Wanderer ยังควบคุมการหายใจของเธอได้อย่างสมบูรณ์ แม้อะดรีนาลีนจะขับเคลื่อนไปทั้งตัว, ส่วน Kaito เองก็ส่งยิ้มอยู่ใกล้ๆ
“เราเข้ากันได้ดีนะเนี่ยะ” Kaito พูดขึ้น บิดดาบในมือให้คมเลื่อยกับมารวมเป็นดาบธรรมดาอีกครั้ง “น่าเสียดายที่ไม่มียกสอง”
“ไม่ยักรู้ว่านายจะชอบการต่อสู้ขนาดนี้” Wanderer ตอบ จัดหมวกของเธอให้เข้าที่ “เด็กชายนาย Kaito ที่ฉันจำได้ ชอบป้วนเปี้ยนอยู่ในครัวหลวงตลอด”
Kaito หัวเราะออกมา เขาเก็บดาบเข้าฝัก “เธอหายไปนานจนคิดว่าอาหารของวังหลวงอร่อยยังที่สุดใน Kamigawa สินะ, เดี๋ยวจะพาไปร้านอร่อยๆ ที่ Towashi รับรองว่าข้าวปั้นหน้าปูรมควัน ที่พร้อมจะละลายในปาก แถมย-”
Tamiyo กระแอมออกมา, แสดงท่าทางให้ทั้งคู่รู้ว่า เธอยังต้องผนึก Tezzeret อยู่, แม้ว่าร่างของเขาจะไม่ไหวติง แต่ดวงตาของเขายังเต็มไปปด้วยความโกรธแค้น
Kaito ลูบหัวของเขาแก้เขิน “แฮะๆ, เรื่องงานก่อน เรื่องกินไว้ทีหลัง”
Tamiyo หันกลับไปมอง Wanderer ก่อนที่จะพูดต่อ “เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ชายคนนี้เป็นภัยต่อ Kamigawa, แต่เราเห็นว่า พวกเราควรจะสอบปากคำให้รู้แจ้งถึงแผนการทั้งหมด ก่อนที่จะนำเขาไปคุมขัง”
Wanderer เก็บผมที่บังหน้าไปข้างๆ “ไม่ว่าแผนของเขาคืออะไรก็ตาม, วิญญาณสถิตย์ต้องตกอยู่ในอันตราย- และบางที… ทางที่ดีที่สุดคือให้เขาบอกแผนของเขากับวิญญาณสถิตย์เช่นกัน”
Kaito ขมวดคิ้ว “เธอจะเอาเขาไปหาเทพ Kyodai งั้นเหรอ?”
Wanderer ตอบด้วยเสียงที่หนักแน่น “ใช่… พวกเราจะร่วมกันตัดสินชะตาของเขา”
การเป็นจักรพรรดินีคือการควบคุมอารมณ์ของตนเอง, แม้แต่ยามเข้าร่วมสงคราม, แต่ในตอนที่เธอได้รับ Spark มานั้น เธอยังเป็นแค่เด็ก… เธอต้องทนอยู่กับความโศกเศ้รามาโดยลำพัง
สิ่งที่เด็กหลงทางคนหนึ่งจะทำได้ คือการปิดกั้นหัวใจ และทำเป็นเคร่งขรึม เพื่อเอาชีวิตรอด
และเมื่อเธอได้กลับบ้านของเธออีกครั้ง, หัวใจที่เคยปิดกั้นก็เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่อยากจะระเบิดออกมา, แต่เธอก็ยังต้องควบคุมสิ่งเหล่านั้นต่อไป… ต่อไปจนกว่าเธอจะมั่นใจว่าเธอสามารถอยู่ที่บ้านของเธอได้อย่างแน่นอน
เพราะถ้าเธอเผลอใจให้ความรู้สึก และความผูกพันธ์กลับเข้ามาอีกครั้ง… ความอิ่มเอมที่ได้พบปะผู้คน… ที่ได้เจอ Kaito- มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าเธอจะต้องเสียมันไปอีกครั้ง
มันอาจจะต้องใช้เวลาชั่วชีวิตที่จะรักษาแผลใจในครานี้
Wanderer เดินเข้าไปหา Tezzeret และเก็บดาบของเธอ, ไม่ว่า 10 ปีก่อน Tezzeret จะเคยทำอะไรไว้กับ Kyodai… มันทำให้ Spark ของ Wanderer จุติขึ้น… และสิ่งที่ยังพอจะเป็นไปได้ ก็คือตัว Tezzeret เองอาจจะเป็นกุญแจที่ช่วยแก้ไขชิปตัวทดลอง เพื่อให้ทุกอย่างให้กลับมาเป็นดังเดิม
Wanderer ต้องการคำตอบจากเขา… แต่เธอต้องรู้มันพร้อมๆ กับ Kyodai
“เดินทางกลับไป Eiganjo กันเถอะ” Wanderer เอ่ย
Tamiyo และ Kaito พยักหน้ารับรู้
Tezzeret ที่แข็งขืนเวทย์มนต์คัมภีร์ของ Tamiyo จนเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา เหลือบไปเห็น Reality Chip ที่อยู่ตรงหลังมือของ Wanderer… เขาอาจจะขยับร่างไม่ได้, แต่พลังจิตของเขาล่ะ?
แค่พลังจากจิตก็มากเพียงพอแล้ว
ความรู้สึกเย็นยะเยือกพุ่งเข้ามาในร่างของ Wanderer อย่างเฉียบพลัน, เธอไม่มีเวลามาแม้แต่จะส่งสัญญาณร้องเตือนใดๆ- ก่อนที่ Tezzeret จะเข้าควบคุม Reality Chip ที่หลังมือของเธอ
Wanderer กรีดร้องออกมา, มือข้างนั้นไร้การควบคุมอย่างสิ้นเชิง, สายไฟที่เกาะเกี่ยว กลับทะลวงลึดลงใต้ผิวหนัง, แสงไฟสีขาวสว่างวาบขึ้นมาเป็นจังหวะ, จิตใต้สำนึกของ Wanderer พุ่งพล่านกลับไปมา, ภาพในหัวของเธอถูกซ้อนทับด้วยภาพของวังหลวง, โรงงานแห่งนี้ และอารามแห่งเทพ Kyodai
ความเจ็บปวดของเธอก็ส่งต่อให้กับเทพ Kyodai จากพันธะที่ทั้งคู่มีต่อกัน
Wanderer รู้สึกถึงพลังที่จะพาเธอเดินทางออกไปจากดาวดวงนี้, แผ่นอุปกรณ์เล็กๆ นี่ ทำให้ Spark ของเธอกลับไม่เสถียรอีกครั้ง… แม้มันจะบีบให้เธอ Planeswalk แต่มันก็ช่วยให้พันธะที่เธอมีกับ Kyodai ชัดเจนยิ่งขึ้น… ชัดเจนจนเหมือนเธอยืนอยู่ในห้องเดียวกัน
Eiganjo ถูกบุกแล้ว เสียงของเทพ Kyodai เรียกหา Risona พากองกำลังของเธอมาที่นี่, เจ้าอย่าเดินทางข้ามดวงดาว… ราชวังต้องการเจ้า
Wanderer พยายามสื่อสารกลับไปหา Kyodai, เธออยากจะบอกเรื่องของ Tezzeret และ Reality Chip- แต่มันก็เปล่าประโยชน์, ความเจ็บปวดที่แทรกซึมเข้าไปทุกเส้นประสาททำให้เธอไม่สามารถตั้งสมาธิ และ Spark ของเธอก็กำลังเสียความเสถียรไปเรื่อยๆ
“ไม่!” Kaito ตะโกนสุดเสียง, เขาใช้พลังจิตของเขายกกล่องลังขนาดใหญ่ เสียงคำรามจากการรวบรวมพลังจิตทั้งหมด เพื่อโยนมันกระแทกหลังของ Tezzeret ดังลั่น
แรงกระแทกทำให้ Tezzeret สลบเหมือดไปทันที
Tamiyo ปลดพลังผนึกจากคัมภีร์ของเธอ “เขามีพลังที่จะควบคุมสิ่งประดิษฐ์และเทคโนโลยี… ทำให้เขาควบคุม Reality Chip ได้” เธอละสายตาแล้วมองไปที่ Wanderer “สิ่งที่เขาทำเมื่อครู่ คงทำให้ Spark ของเจ้าเปลี่ยนแปลงเกินควบคุม”
Kaito คุกเข่าลงข้างๆ Wanderer, ใบหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ไหนคุณบอกว่าชิปจะช่วยให้เธออยู่ที่นี่”
Tamiyo ลอยเข้ามาใกล้ เข้ามาจับมือของ Wanderer เพื่อสำรวจดูอุปกรณ์ชิ้นนั้นใกล้ๆ “ฉันเชื่อว่า Tezzeret ได้ทำอะไรบางอย่างกับอุปกรณ์ชิ้นนี้, แต่ Reality Chip เป็นอุปกรณ์ที่ประกอบขึ้นจากเทคโนโลยีขั้นสูง… จนเราไม่เข้าใจมันมากนัก… และก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขสิ่งที่ Tezzeret ทำเมื่อครู่ได้อย่างไร”
“ฉันรู้สึกเหมือนร่างของฉันจะแยกออกเป็นสองส่วน!” Wanderer พูดออกมาด้วยความเจ็บปวด “เอามันออกไปที”
“ถ้าเอามันออกแล้วเจ้าอาจจะ Planeswalk ออกไปเลยก็เป็นได้นะ” Tamiyo เตือน
“ชิปตัวนี้มันไม่ช่วยให้ฉันอยู่ที่นี่ได้แล้ว… ถ้าฉัน Planeswalk ออกไปพร้อมกับมัน… กับชิปที่กำลังรวนอยู่ ใครจะไปรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นล่ะ?” Wanderer เอามือแนบอก พยายามต้อต้านพลังที่พยายามดึงให้เธอไปดาวดวงอื่น “ถ้าชิปนี้เปิดทางไปหา Kyodai ได้, ฉันจะเชื่อมพัธะและพลังงานของฉันไปหาเธอ… แล้วให้พลังของเธอช่วยควบคุม Spark ของฉัน”
“แค่นั้นเองเหรอ?” Kaito ถามด้วยประกายแห่งความหวัง
Wanderer ไม่ได้สบตาเขากลับ เพราะเธอไม่มั่นใจในสิ่งที่เธอพูด… เธอตอบไปว่า “มันก็คงพอแล้วล่ะ”
Tamiyo พยักหน้ายอมรับการตัดสินใจของ Wanderer, เธอเอามือของเธอจับไปที่ชิปตัวนั้น, รอจนสายไฟค่อยๆ ดิ้นปลดตัวเองออกมาจากหลังมือของ Wanderer
Wanderer กัดปากข่มความเจ็บปวด
“ยังมีอีกเรื่อง” เธอพูดออกมา
ในขณะที่ Tamiyo จับจ้องไปที่ชิปตัวนั้น ราวกับมันเป็นหนังสือคัมภีร์โบราณที่เธออยากจะใช้เวลาเพื่อศึกษามัน หาใช่อาวุธอันตรายไม่
“Kyodai บอกกับฉันว่า, ที่ Eiganjo ถูกบุกโจมตีแล้ว, ถ้าเราจะหยุดพวก Upriser เราต้องกลับไปหา Kyodai ก่อนที่ Risona จะเข้าถึงตัวเธอ” Wanderer พูด
Kaito หน้านิ่วขึ้นมา “Risona คงไม่ทำร้ายท่านเทพวิญญาณสถิตย์หรอกมั้ง?” ไม่สิ ไม่ใช่แค่เทพวิญญาณสถิตย์ แต่นี่คือเทพ Kyodai ที่เป็นวิญญาณผู้พิทักษ์ Kamigawa
สีหน้าของ Wanderer ซีดเผือก “Risona อยากจะล้มล้างการปกครองของจักรวรรดิอยู่แล้ว… และถ้าเธอเชื่อว่าการโค่นบัลลังก์จะทำให้ทุกอย่างจบลงก็ดีไป… แต่ผู้คนของ Kamigawa ย่อมไม่ยอมรับผู้นำที่ไม่ได้มีพันธะกับ Kyodai, ถ้า Risona พบความจริงข้อนั้นแล้ว… เธออาจจะหาทางกำจัด Kyodai ไปพร้อมกัน,
แต่ไม่ว่าจะเป็นทางไหน ฉันต้องกลับไปป้องกันอารามของ Kyodai”
“เดินทางจากที่นี่ไป Eiganjo กินเวลาเป็นชั่วโมง” Kaito พยักหน้าไปทาง Tezzeret ที่หมดสติอยู่
“ยกเว้น Tamiyo จะมีเวทย์คัมภีร์ลอยตัว รวมถึงเราต้องแบกนักโทษที่… ร่างกายเต็มไปด้วยโลหะและกล้ามเนื้อไปตลอดทาง”
Kaito ยักไหล่ “ก็แค่บอกไว้น่ะ, ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงที่เหมาะจะหลังยอกหรอกนะ”
“ฉัน Planeswalk จาก Eiganjo มาที่นี่” Wanderer พูดขึ้นมา “ฉันคิดว่ามันน่าจะกลับไปที่ Eiganjo ได้เหมือนกัน”
“แต่เธอเดินทางคนเดียวไง” Kaito ส่ายหน้าไปมา “ไม่นับว่า ตอนนั้นชิปยังติดอยู่ที่มือเธออยู่เลย, ถ้ารอบนี้มันไม่สำเร็จขึ้นมาล่ะ?”
“ทางที่ดีกว่า คือเราต้องหารระบบขนส่งอื่น” Wanderer พูดด้วยเสียงที่จริงจัง “อะไรก็ได้ ที่เร็วกว่าเรือบิน และมีที่พอให้พวกเราทุกคน”
Kaito เบ้ปาก “มีหุ่นตรวจการณ์ของ Otawara, แต่เราบังคับพวกมันตรงๆ ไม่ได้, แต่ถ้าเกิดเราเจาะระบบเข้าไป และเปลี่ยนเส้นทางให้มันตรงไปยัง Eiganjo ก็อาจจะพอเป็นไปได้”
Tamiyo บ่นพึมพัมออกมา “ถ้าแบบนั้น… นี่คงเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้, เพราะดูเหมือนว่า Reality Chip จะได้รับพลังสิ่งที่มันเข้าไปเกาะยึด… ซึ่งก็คือพลัง Spark ของ Wanderer มา”
เธอหันกลับมามอง Kaito “เราก็เหมือนกับเจ้า… เรามีพลังจิต”
Kaito ที่ยังนั่งอยู่ข้าง Wanderer ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล “อย่าบอกนะว่า… คุณกำลังจะทำสิ่งที่ผมคิด”
Tamiyo นำเอา Reality Chip มาวางไว้ที่หลังมือของเธอ, กดแผงวงจรให้มันกลับมามีชีวิต, หนวดสายไฟของมันชอนใชเข้าใต้ผิวหนัง มันทำเอา Tamiyo สะดุ้งไปเฮือกหนึ่ง ก่อนที่ชิปนั่นจะเปล่งแสงออกมา
Tamiyo ยักหน้าไปทาง Tezzeret “ช่วยกันแบกเจ้านั้นไปหาหุ่นที่ใกล้ที่สุด, เดี๋ยวเราจะพากันไปยัง Eiganjo”
และกลุ่ม Planeswalker ทั้ง 4 ก็เดินทางไปยังชายแดนของเมือง Otawara
ที่นั่นมีหุ่นตรวจการณ์ขาดใหญ่ รูปทรงคล้ายสัตว์เลื้อยคลานที่พับขึ้นจากกระดาษ เกาะอยู่ตรงแท่นจอด กล้องของมันจับจ้องมาที่เรือบินขนส่ง
Kaito เอียงหัวไปยังเครื่องจักรขนาดใหญ่นั่น ที่มันติดอาวุธพิสัยไกลไว้ที่หัวไหล่ของมัน “มีใครเห็นเหมือนที่ผมเห็นไหม?”
“ให้ฉันจัดการเอง” Wanderer ตอบเหมือนกับรับคำท้า
เธอขยับตัวหลบให้พ้นจากวิสัยของกล้อง ชูดาบขึ้นชี้ฟ้า ก่อนจะตวัดมันลงมาอย่างรุนแรง
คมดาบตัดผ่านไปที่ช่องว่างระหว่างเกราะส่วนคอของหุ่นยนต์ตัวนั้นส่งประกายไฟออกมา, หุ่นยักษ์ส่งเสียงโหยหวน ก่อนที่ร่างของมันจะทรุดลองนอนแนบไปกับแท่นจอด เหมือนพยายามกลับเข้าสู่สภาวะจำศีล
Wanderer ปีนเกราะของหุ่นที่เรียงกันราวกับเป็นใบพัด เพื่อขึ้นไปที่หลังของมัน และหันมามองคนที่เหลือ
“เร็วเข้า - เราไม่รู้ว่าจะถูกจับได้เมื่อไหร่ เพราะเราตัดสัญญาณกล้องตรวจการณ์ไปหนึ่งตัวแล้ว, เราไม่มีเวลาจะมาตอบคำถามหน่วยรักษาความปลอดภัยกันหรอกนะ”
Kaito และ Tamiyo ช่วยกันลากร่างของ Tezzeret ขึ้นไปบนหลังของหุ่นตัวนี้, และพยายามเกาะแผ่นเกราะที่คล้ายจานบนหลังของมัน
Kaito ที่ตรึง Tezzeret ไว้กับแขนของเขาหนึ่งข้าง หันไปมอง Wanderer ก่อนจะกลับมามองที่ Tamiyo “เราต้องนับถอยหลังจากสา-”
Tamiyo ไม่ได้รอให้ Kaito จบประโยคของเขา, เธอหลับตาลง สูดเข้าใจเข้าเต็มปอด Reality Chip เปล่งแสงขึ้นมา ส่งพลังของมันพุ่งเข้าหลังมือของ Tamiyo
หุ่นยนต์ตรวจการณ์กระตุกร่างขึ้นมาอีกครั้ง, Wanderer รีบหาที่เกาะยึดเอาไว้, เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มราวกับจะฉีกท้องฟ้าออกเป็นเสี่ยงๆ - และร่างของมันก็ลอยขึ้นฟ้า
หัวใจของ Wanderer แทบตกไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อหุ่นยนต์ตรวจการณ์บินโฉบลงจากท้องฟ้า, สายลมเข้าปะทะกับใบหน้าของ Planeswalker ท้ัง 3
Kaito ตะโกนร้องด้วยความหฤหรรษ์ ส่วน Tamiyo ก็กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดกับการเพ่งสมาธิเพื่อควบคุมหุ่นยนต์
เครื่องจักรที่สั่นสะเทือนทำงานอยู่ใต้ร่างของพวกเขา - Wanderer ไม่รู้เลยว่า Reality Chip จะส่งผลอย่างไรกับ Tamiyo บ้าง, เธอใช้มันเพื่อช่วยควบคุมพลัง Planeswalk ของเธอ… มันทำให้เธอมาถึง Otawara ด้วยเวลาไม่กี่วินาที
แต่กับเดินทางด้วยการพึ่งพาหุ่นตรวจการณ์ มันคงต้องใช้เวลามากขึ้น
เธอจับร่างของ Tezzeret ไว้มั่น และหวังให้สายลมช่วยเร่งความเร็วให้กับพวกเขา
เมื่อพวกเขาพุ่งทะลุชั้นเมฆลงมา เสียงของโลหะปะทะกัน และเสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้น
ภาพเบื้องล่างที่ Wanderer เห็น คือเศษซากกำแพงของเขตพระราชวัง
Risona กับพวก Upriser ได้บุกเข้า Eiganjo อย่างเต็มกำลัง และพวกเธอก็พังประตู้เข้ามาได้แล้ว
มือที่สะบัดขึ้นมาของ Tezzeret ทำให้ระเบิดควัน หรืออะไรก็ตามที่สร้างควันได้จากเข็มขัดของ Kaito ทำงาน
เขารู้สึกตัวขึ้นมาก่อนที่ใครจะรู้ตัว, Palneswalker ทั้ง 4 ต่างแตกกระจายไปคนละทิศละทาง, ทั้ง Kaito, Tamiyo และ Wanderer ต่างหนีออกจากควันระเบิด เพื่อหาอากาศบริสุทธิ์ ส่วนหุ่นยนต์ที่ขาดการควบคุมก็เริ่มส่ายไปมา
Wanderer ไม่สามารถคว้าจับยึดอะไรไว้ได้เลย เธอกำลังจะร่วงลงจากหลังของหุ่น
Kaito กระโจนออกไปคว้าแขนของเธอเอาไว้ “จับมือผมไว้!”
ทว่า สายตาที่ส่งกลับมาจาก Wanderer มันจับจ้องไปที่ Tezzeret ผู้กำลังแสยะยิ้มและดวงตาเปล่งแสงสีชมพูออกมา, เขากระโจนออกหลังหลังหุ่น ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของ Tamiyo
Tamiyo ไม่สามารถบังคับหุ่นได้เพียงลำพัง, และถึงเธอฝืนไป ตอนนี้ร่างของหุ่นยนต์ที่พวกเขาโดยสารมาก็กำลังจะพุ่งลงโหม่งโลกในเวลาไม่กี่วินาที
Wanderer มองตา Kaito และตะโกนออกมา “เราต้องโดดแล้ว”
ส่ายตาที่หวาดกลัวของ Kaito บ่งบอกว่าเขาไม่อยากจะปล่อยมือ แต่นี่ไม่ใช่เวลาสำหรับการตัดสินใจ
Wanderer เหวี่ยงแขนของเขาออกมาจากหลังของจักรกลที่หมดสภาพ ก่อนที่เธอจะทิ้งตัวตามมา
หุ่นยักษ์ตัวนั้นระเบิด และพุ่งชนเข้ากับอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งของจักรวรรดิ คือภาพสุดที่ท้ายที่เธอเห็น ก่อนที่จะต้องจัดระเบียบร่างกายรอรับแรงกระแทก
- สงคราม -
และเมื่อหมอกควันได้จากลง, Kaito ที่พอจะลุกขึ้นยืนได้แล้ว ก็เริ่มมองหาจักรพรรดินีจากเศษซากของหุ่นตัวเมื่อครู่
แต่เขาก็ไม่พบร่างของเธอ
ซึ่งมันก็อาจจะเป็นเรื่องดี… เพราะมันหมายความว่าเธอรอดจากการการกระโดดลงมา
ทหารหน่วย Moth rider บินฉวัดเฉวียนเข้าสู่สนามรบ แต่พวกเขาก็ไม่มีโอกาสไปไยดีเศษซากของหุ่นยนต์ ถ้ายังสงครามยังปะทุขึ้นใจกลางวังหลวงแบบนี้
ส่วนอีกร่างที่ Kaito ต้องตามหาก็ไม่อยู่เช่นกัน… เขาหา Tezzeret ไม่เจอ
Tamiyo ปรากฏตัวขึ้นมา, Kaito ที่เข้าไปหาเธอพร้อมกับคำถามทันที “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ผมนึกว่าคุณผนึก Tezzeret ไว้ในเวทย์อัมพาตเสียอีก”
Tamiyo ยกมือของเธอขึ้นมาให้เห็น Reality Chip ที่ยังเกาะอยู่ที่แขนของเธอ “การใช้เจ้านี้ มันคงรบกวนเวทย์มนต์ของเรา, ทำให้เราไม่สามารถบังคับทั้งหุ่น และเปิดเวทย์ผนึกไปพร้อมๆ กันได้”
Kaito กุมหัวด้วยความเครียด “หมอนั่นมันเป็น Planesalker… มันจะไปโผล่ที่ไหนก็ได้แล้ว”
“Tezzeret จะไม่ไปไหน จนกว่าเจ้านั่นจะได้ Reality Chip คืน” Tamiyo ตอบ “แต่เจ้านั่นยังคิดว่า ชิปนี้ยังอยู่กับจักรพรรดินี”
แม้ว่า Kaito จะรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา, แต่ฉับพลันก็มีเสียงเหล็กสีกันดังขึ้น, เขาวิ่งไปทางต้นตอของเสียงนั้น, เมื่อมองไปเบื้องล่าง ก็พบความวุ่นวายของสงคราม ณ ลานของจักรวรรดิ
หุ่นยนต์ยักษ์รูปร่างเหมือนสิงโต ปล่อยลำแสงพลังงานออกมาจากช่องปากของมันไปยังเหล่า Uprisers ที่บุกรุกเข้ามา, แม้อารามของ Kyodai ยังไม่ถูกโจมตี. แต่กำแพงที่ถูกทำลาย และร่างของผู้เสียชีวิตมากมายที่เห็น ก็คงพูดได้ไม่เต็มปากว่าฝ่ายใดกันแน่ที่ได้เปรียบ
และที่ตรงนั้น Kaito เห็นจักรพรรดินีกำลังเคลื่อนตวักลับไปยังอารามแห่งเทพ Kyodai, แม้ว่าหมวกปีกกว้างของเธอจะบดบังผมที่ขาวราวกับหิมะ แต่การเคลื่อนไหวที่พริ้วไหวก็บ่งบอกได้อย่างชัดเจน
ความมุ่งมั่นและเร่งรีบของจักรพรรดินี ทำให้ Kaito แปลกใจ, ก่อนที่เขาจะเห็นเหตุผลของเธอ
Risona กับเหล่า Upriser ที่นำอยู่เบื้องหน้า พวกเธอกำลังจะเข้าถึงตัวอาราม, เธอวางแผนให้เกิดการปะทะกันอย่างกระจายตัว เพื่อสร้างโอกาสให้กับตัวเองในการบุกเข้าอารามศักดิ์สิทธิ์
กระนั้น จักรพรรดินี ที่หมายจะเข้ามาขัดขวาง Risona ที่เคลื่อนที่ด้วยความว่องไวขนาดนี้ ย่อมดักหน้า Risona ได้ก่อนที่เธอจะเข้าถึงอารามอยู่แล้ว…
ถ้า Tezzeret ไม่มีโอกาสจะเข้ามาขวางจักรพรรดินีเสียก่อน
“Tezzeret อยู่ตรงนั้น!” Tamiyo ตะโกนเรียก Kaito
“เจ้านั่นกำลังไล่กวดจักรพรรดินีอยู่”
Kaito มองไปยังหลังคากระเบื้องสีดำ, ชุดสีดำ กับผมสีเข้มของ Tezzeret ไม่ใช่สิ่งที่โดดเด่นจนเห็นได้ชัดอยู่แล้ว แต่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ แขนที่เป็นโลหะของเขามันสะท้อนแสงจนเป็นการบอกตำแหน่งอย่างง่ายๆ
“เดี๋ยวเราจะพาเข้าไปใกล้ๆ เอง” Tamiyo พูดขึ้น คล้องแขนกับ Kaito และออกบินไปยังกำแพงชั้นใของ Eiganjo ทันที
ทั้งคู่ตกลงบนหลังคาแห่งหนึ่ง, Kaito เหยียดขาออกเพื่อหยุดแรงเหวี่ยงก่อนที่มันจะพาเขาร่วงจากหลังคา, ทำเอากระเบื้องแตกเสียหายไปหลายแผ่น
“เราขออภัยที่ส่งลงได้ไม่สวย” Tamiyo ยืนขึ้น “การบินด้วยตัวคนเดียวมันง่ายกว่ามาก”
Kaito ถอดหน้ากากของเขาออก มันกลับไปเป็นร่างทานูกิที่คุ้นเคย ก่อนจะออกบินไปร่วมวงความวุ่นวายของสงครามเบื้องล่าง
“เจ้าทำอะไรน่ะ?” Tamiyo สงสัย
Kaito มอง Hitimo ที่บินหายไปในหมู่ฝูงชน “ทำให้เรามีแผนสำรองไงล่ะ” เขาตอบเพียงเท่านี้, มันไม่มีเวลาจะอธิบายอะไร ในยามที่จักรพรรดินีตกอยู่ในอันตราย
Kaito ออกวิ่งไปบนหลังคา เพื่อยานระยะระหว่างเขากับคู่อาฆาต, Tezzeret ที่มัวจับจ้องแต่จักรพรรดินีจนลืมระแวงภัยรอบๆ, เขาไม่รู้เลยว่า Tamiyo ที่อยู่ใกล้ๆ นั้น เริ่มเปิดคัมภีร์เพื่อผนึกเขาอีกครั้ง
แต่ในจังหวะเดียวกันนั้น Kaito ใช้พลังจิตของเขา ลากเอาโคมไฟใกล้ๆ ซัดเข้าไปที่ Tezzeret, มันพุ่งชนไหล่ของ Tezzeret และส่งให้เขาเสียหลักหมุนไปเห็นร่างของ Tamiyo
Tamiyo ที่มี Reality Chip ติดอยู่ที่หลังมือของเธอ
เพียงแค่สบตา Tamiyo ก็ไม่ทันได้ใช้พลังจากคัมภีร์, Tezzeret ใช้พลังของเขาบังคับให้พัดลมจากสวนทรายในบริเวณนั้น ซัดเข้าหา Tamiyo
และเมื่อมันเข้าใกล้มากพอ, Tezzeret กำมือของเขา, พัดลมนั้นก็ระเบิดออก
ผงทรายกระเด็นเข้าตาของ Tamiyo, และเมื่อเธอเสียสมาธิไป, คัมภีร์ม้วนนั้นก็ร่วงลงสู่พื้น
Kaito กระโจนเข้าหา Tezzeret, เขาไม่แม้แต่จะชักดาบออกมา เพราะเขารู้ดีแล้วว่า ดาบของเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ ถ้ามันเต็มไปด้วยเทคโนโลยีของ Futurist
Kaito ใช้พลังจิตลากเอาแผ่นกระบื้องมุงหลังคาซัดเข้าโจมตี Tezzeret ราวกับมันเป็นลูกธนู, ส่วน Tamiyo ก็พยายามฝืนลืมตาเพื่อมองหาคัมภีร์ของเธออีกครั้ง
Kaito ยังคงโจมตี Tezzeret แบบไม่ปล่อยให้เขาได้ตั้งตัว, เขาส่งลูกเตะกระหน่ำเข้าโจมตีจนซัดเข้าที่ปลายคางของ Tezzeret ได้สำเร็จ, เขากัดกรามแน่น มือกำหมัด และร่างกายที่ส่งคลื่นพลังออกมา
Kaito รู้สึกได้ถึงการรีดเค้นพลังจากร่างของ Tezzeret, พลังที่จะควบคุมทุกๆ เทคโนโลยีรอบตัว… อาวุธทุกชิ้น, ชุดเกราะทุกชุด… ทั้งหมดนั่น ก็ทำให้ Kaito หวั่นเกรง
ทว่า… ที่นี่คือ Kamigawa, คือบ้านของ Kaito, แทบทั้งชีวิตของเขาที่ฝึกฝนที่นี่ เพื่อให้เตรียมพร้อมรับการได้แก้แค้น Tezzeret อีกครั้ง
และความแค้นนั้น ก็ขจัดความหวาดหวั่นในใจของ Kaito ไปจนหมดสิ้น… สิ่งที่จะผลักดันเขา ก็คือใจของเขาเองที่พร้อมรบในกาลนี้มาอย่างยาวนาน… นานกว่าที่ Tezzeret จะเตรียมตัว
Kaito ปลดอุปกรณ์ทันสมัยของเขาทิ้งไป, มีดสั้น หรือเครื่องติดตามใดๆ ถูกกองเอาไว้ที่หลังคาทั้งหมด, เขาไม่ต้องการพวกมันในการต่อสู้ครั้งนี้
หมัดของ Kaito ซัดเข้าหน้าของ Tezzeret, หมัดแล้วหมัดเล่าที่สร้างแรงปะทะจนส่งให้ศัตรูของเขาต้องถอยกรูดไป
แต่ Tezzeret ก็สวนกลับได้ แขนโลหะของเขาคว้าเอาตัว Kaito เข้ามาได้สำเร็จ และกระชากร่างของ Kaito เข้ามาจนไม่สามารถออกหมัดได้อีก
“ก็เคยหวดกันมาแล้วไม่ใช่เหรอ?” Tezzeret แยกเขี้ยวออกมา “มันจะจบไม่สวยสำหรับแกนะ”
“รู้มั้ย? มีคนเคยบอกว่า ถ้าทำครั้งแรกแล้วไม่สำเร็จ…” Kaito ตอบ “เขาบอกให้เอาเพื่อนมาช่วย”
Tezzeret ชะงักไป, อ้าปากร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดจนต้องปล่อย Kaito ไป เขาทรุดลง และที่ขาของเขาก็มีมีดสั้นสลักลายแบบจักรวรรดิปักคาไว้
Kaito มองลงไปยังลานกว้างเบื้องล่าง ที่ยังคงมีการปะทะกันของทั้งซามูไร และเหล่า Upriserอยู่
Eiko อยู่ข้างๆ กับ Himoto ตรงนั้น พร้อมกับมีดสั้นสลักลายแบบเดียวกัน
Kaito หันไปตะเบ๊ะอย่างกวนๆ ให้กับพี่สาวของเขา, ก่อนที่จะหันกลับมาพบว่า Tezzeret ได้ดึงมีดเล่มหันออกจากขาของเขาไปแล้ว
Tamiyo ที่กลับมาพร้อมกับคัมภีร์ของเธอ ไม่เปิดโอกาสให้ Tezzeret ได้ทำอะไร, เธออ่านคัมภีร์ และร่างของ Tezzeret ก็กลายเป็นอัมพาตไปในทันที
Tamiyo ที่ยังไม่ละสายตาไปจาก Tezzeret พูดขึ้นมาด้วยเสียงที่หนักแน่น “บอกกับเหล่าจักรวรรดิให้เตรียมพร้อมที่คุมขัง… ขอแบบที่ไม่มีเทคโนโลยีใดๆ”
Kaito โค้งรับเบาๆ “เดี๋ยวผมจะไปแจ้งอาจารย์ Light-Paws ให้” เขาหันหลัง และเตรียมจะปืนกำแพงข้ามไป, เสียงที่เย็นยะเงือกของ Tezzeret ก็ดังขึ้นอย่างแหบพร่า
“ไม่มีเหตุที่จะขังข้าไว้ที่ Eiganjo หรอกนะ” เขามองขึ้นมา “ข้าได้สิ่งที่ Phyrexia ต้องการมาแล้ว”
Kaito หันกลับมา, ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นอีกครั้ง เมื่อแสงจาก Reality Chip ที่หลังมือของ Tamiyo เปล่งแสงขึ้นมาอีกครั้ง
เธอลืมไปเสียสนิท ว่า Tezzeret นั้นทำอะไรได้บ้าง แม้ในสภาพที่ถูกผนึกให้เป็นอัมพาต, ร่างของ Tamiyo ค่อยๆ ทรุดลง ใบหน้าซีดเผือก เธอกุมหัวใจของตัวเองเอาไว้
Kaito ที่ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือ Tamiyo ได้ทัน, Tezzeret ที่หลุดจากเวทย์พันธนาการ กระโจนเข้าลากร่างของ Tamiyo ทันที, แขนข้างที่เป็นโลหะกวาดไปที่ท้องฟ้าเบื้องหน้า, มันปรากฏรอยฉีกขาดอย่างรุนแรงขึ้นมา, เสียงของสายฟ้าดังลั่น และรอยแยกมิตินั้นก็ขยายตัวจนมีขนาดเท่าๆ กับร่างของ Tezzeret
Tezzeret โยนร่างของ Tamiyo เข้าไปในรอยแยกนั้น ก่อนที่ทั้งคู่จะหายไปจาก Eiganjo
Kaito กระโจนตามมา แต่ก็ไม่ทันการ, รอยแยกมิตินั้นส่งเสียงของเหล็กเสียดสีอย่างรุนแรง ก่อนที่จะปิดตัวลง
Tamiyo และ Tezzeret ได้จากไปแล้ว
- ต่อต้าน -
Risona เคลื่อนที่วนไปรอบๆ, ทุกอย่างก้าวขยับอย่างระมัดระวัง
ผมของเธอเกาะอยู่ตามใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อกาฬ “ข้าจะไม่ยอมแพ้”
“การยอมแพ้ไม่ใช่ข้อบังคับ” Wanderer ที่เคลื่อนด้วยด้วยจังหวะเดียวกัน พูดขึ้น, เสียงของเธอดังก้องไปในห้อง
ทหารของฝ่าย Upriser ที่กลายเป็นเหยื่อของสงคราม นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น, พวกเขาเข้ามาไม่ทันจักรพรรดินีที่นั่งรออยู่, พวก Upriser ไม่สามารถต่อกรกับจักรพรรดินีได้
มีเพียง Risona ที่ไม่รู้จักคำว่ายอมแพ้ รวมกับทักษะดาบของเธอที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและโหดร้ายนั้น ก็มากพอที่จะทำให้ซามูไรของจักรวรรดิต้องหวั่นเกรง
แต่สำหรับจักรพรรดินีแล้ว เธอไม่ใช่ชาวจักรวรรดิทั่วๆ ไป, เธอไม่เหมือนกับ Risona, เธอไม่ได้ฝึกฝนการเอาตัวรอดที่ดาวเพียงดวงเดียว, การปรับตัวเป็นดั่งเรื่องธรรมชาติของ Wanderer ไปแล้ว
Risona ควงดาบของเธอ, เพิ่มแรงเหวี่ยงให้กับการโจมตีครั้งต่อไป
ซึ่งมันก็ไม่ช่วยให้การประลองครั้งนี้เปลี่ยนผลอะไรไปได้, Wanderer สามารถจบการต้อสู้ครานี้ได้ด้วยการลงดาบตัดขั้วหัวใจของผู้นำเหล่า Upriser
ทว่า… เธอเองไม่ได้ต้องการให้เกิดการนองเลือดอย่างไร้เหตุผล… เธอแค่อยากให้ Risona ยอมแพ้ และไม่ต้องรับผลของการเป็นกบฏจนต้องถูกตัดหัว
แต่แรงมุ่งหวังของ Risona ก็บดบังวิสัยทัศน์ของเธอไปจนสิ้น
เสียงที่ทับซ้อนของเทพ Kyodai ดังขึ้น
ความเห็นใจของเจ้าไม่อาจแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ เสียงของเธอดังเข้ามาในโสตประสาทของ Wanderer นางคนนี้ไม่ต้องการการสงบศึกกับจักรวรรดิ
Risona เข้าโจมตีอย่างรุนแรงอีกครั้ง, Wanderer ฉากหลบออกไปได้อย่างง่ายได้ ทั้งคู่ยืนอยู่คนละฝั่งของขอบเขตลานประลองที่ต่างคิดขึ้นมาในจินตนาการกันเอง
Wanderer สังเกตเห็นย่างก้าวที่ไม่คงที่ของ Risona, ไหล่ของเธอที่เคลื่อนตัวตามน้ำหนักของดาบ…
Risona เริ่มล้าจากการต่อสู่, และ Wanderer เองก็ไม่อยากจะให้เธอขายหน้าไปมากกว่านี้
Wanderer ชูดาบของเธอขึ้นเหนือหัว “วางอาวุธของเธอลงซะ, มันไม่จำเป็นที่จะเอาชีวิตมาทิ้งแบบนี้”
“เจ้าทิ้งประชาชนของเจ้าไปนับสิบปี” Risona แยกเขี้ยว “เจ้าไม่รู้หรอกว่าพวกเราจำเป็นต้องมีอะไร”
คำพูดของ Risona เสียดแทงเข้าไปในในใจของ Wanderer, แม้เธอจะไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาเลยก็ตาม “การทิ้งบ้านเกิดไป ไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ”
“ช่างมันเถอะ” Risona สวนกลับ “สรุปคือเจ้าไม่อยู่ที่นี่, เจ้าทำให้เหล่าวิญญาณสถิตย์อ่อนแอ, เจ้าทิ้งให้การบริหารงานของเจ้าตกอยู่ในมือของสภาสูงที่สนใจแต่อำนาจ, อำนาจที่พวกจักรวรรดิมีอย่างล้นเหลือ และไม่คิดจะแบ่งปัน"
"การที่เจ้าหายไป นั้นคือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายใน Kamigawa… เจ้าอาจจะมีพันธะกับ Kyodai, แต่ศรัทธาของประชาชนต่างหาก ที่ทำให้เจ้าเป็นผู้นำที่แท้จริง… ประชาชนที่สิ้นศรัทธาในตัวเจ้าไปนานนับปีแล้ว… เจ้าไม่ใช้จักรพรรดิของพวกเขา”
“แต่เธอบุกเข้ามาที่วังหลวง แล้วสังหารผู้คนไปมากมาย” Wanderer ตอบด้วยเสียงที่เยือกเย็น “ไม่มีแรงศรัทธาใด ที่จะแก้ไขสิ่งที่เจ้าทำได้หรอก”
“ไม่ก็ไม่สิ” Risona ที่หายใจอย่างหอบเหนื่อยพูด “แต่ไม่มีจักรพรรดิ ยังดีกว่ามีจักรพรรดิที่ไม่อยู่ดูแลประชาชน” เธอยกดาบของเธอขึ้นมาอีกครั้ง “พวกเราจะจบเรื่องนี้เสีย”
Risona กระโจนเข้าโจมตี ก่อนที่จะมีวัตถุประหลาดพุ่งเข้าปะทะกับหัวของเธออย่างจัง, มันส่งให้เธอลงไปนอนสลบอยู่ที่พื้น
Wanderer กระพริบตาปริบๆ มองไปที่ก้อนหินก้อนหนึ่งที่ร่วงอยู่ข้างๆ ร่างของ Risona… และ Kaito ที่ยืนอยู่ไกลออกไปหลายเมตร
“นี่นาย- นายขว้างหินใส่หัวผู้นำฝ่าย Upriser งั้นเหรอ?”
Kaito ยักไหล่, แก้มเป็นสีชมพู “ก็…เห็นมันอยู่ในสวนระหว่างทางที่มาที่นี่, แล้วระเบิดควันที่มีมันก็หมด… แต่ถ้าพูดกันตามตรง ผมไม่อยากใช้อะไรที่มีเหล็กแล้วล่ะ”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตระหนกของ Wanderer เปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มก่อนที่เธอจะส่งเสียงหัวเราะออกมาราวกับเธอไม่เคยได้หัวเราะเต็มที่แบบนี้ในช่วงหลายปี
- ประสบการณ์ -
Risona ผู้นำฝ่าย Asari Upriser ได้ถูกจับกุม, เธอถูกคุมตัวและถูกพาตัวออกจากวังหลวง, เพื่อเป็นสัญญะว่าเหล่า Upriser นั้นได้พ่ายแพ้ในสงครามครั้งนี้
เหล่า Upriser ที่เหลือจึงหลบหนี หรือไม่ก็ยอมแพ้, ส่วนที่ใจยังสู้ก็เหลือจำนวนเพียงหยิบมือ และไม่เกินกำลังที่เหลาซามูไรจะจัดการได้
Kaito ยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง, เขาเห็น Eiko ที่ออกคำสั่งเพื่อจัดการเรื่องต่างๆ อยู่ไกลๆ… เธอเหมาะสมที่จะอยู่กับจักรวรรดิเสียเหลือเกิน, แม้ในช่วงวิกฤติการณ์เช่นนี้
“เหมือนเรื่องจะจบลงด้วยดีแล้วนะ” Kaito อมยิ้ม “เธอคงจะสบายใจขึ้นที่ระบบระเบียบจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง” เขาหันกลับไปมองจักรพรรดินี, หวังว่าเธอจะตอบกลับ และเล่าเรื่องชัยชนะในวันนี้
ทว่า เธอกลับทรุดลงนั่ง กุมท้องของเธอ กัดฟันครางออกมาด้วยความเจ็บปวด
Spark ของเธอเริ่มเสียสมดุลอีกครั้ง, แต่ในคราวนี้ มันไม่มี Reality Chip คอยช่วยกดอาการไว้
Kaito วิ่งกลับมาเธอ เขาไถลตัวลงกับเข่า “Tamiyo มีชิปนั้น” แต่เขาก็ระลึกอีกเรื่องขึ้นมาได้… ความกระอั่กกระอ่วนเข้ามาทันที “แ-แต่ ผมไม่รู้ว่า Tezzeret เอา Tamiyo ไปไว้ที่ไหน”
แล้วก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเธอยังไงด้วย เขาอยากจะตะโกนระบายมันออกมา
จักรพรรดินีจับแขนของ Kaito เอาไว้, ส่ายหน้าไปมา “ฉันไม่มีเวลาขนาดนั้น”
Kaito อยากจะร้องไห้ออกมา “มันต้องเหลืออะไรบ่างสิ ม-มันต้องมีงานวิจัยหรืออะไรก็ได้ ที่ไม่ทำให้เธอต้องจากไป”
แต่จักรพรรดินีก็ไม่ได้ตอบออะไร… Kaito ดำดิ่งสู่กับความรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาจุกอก
ความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้… มันซัดกระหน่ำเข้ามาราวกับคลื่นทะเลที่ไม่หยุดเข้าฝั่ง
เขากัดฟันแน่น… นี่มันจะเป็นอีกครั้งแล้ว ที่เขาไม่สามารถช่วยเธอเอาไว้ได้
“ผม.. ผมขอโทษ”
จักรพรรดินีมองกลับขึ้นมาด้วยแววตาอ่อนโยน “มันไม่ใช่ความผิดของนายเลย Kaito… มันไม่เคยผิด… นายไม่ต้องขอโทษหรอก… นายคือเพื่อที่ดีที่สุดที่ฉันมี, ฉันดีใจที่มีนายเป็นเพื่อนนะ”
เสียงของเทพ Kyodai เบื้องหลังทับซ้อนระคนด้วยความสับสนและโศกเศร้า, ร่างของเธอเคลื่อนตัววนไปมา, เงาของเธอเด่นชัดขึ้น เมื่อเธอลดตัวลงมาใกล้กับพื้นของอาราม, ลูกบอลสีดำที่หน้าผากของเธอเริ่มหม่นแสงอีกครั้ง
จักรพรรดินีมองไปยังเทพผู้พิทักษ์, ทั้งคู่สื่อสารกันโดยไร้คำพูด, Kaito ไม่อาจคาดเดาสิ่งที่ทั้งสองสื่อสารกันและกัน… เพราะจักรพรรดินีไม่แม้แต่จะปริปากพูดสิ่งใดออกมา…
ที่เขาเห็นก็มีเพียงท่าทางที่โอดครวญร่ำร้องของเทพ Kyodai กับภาษาทางกายของจักรรพรรดินีเอง…
มันบ่งบอกถึงทางเลือกเพียงทางเดียวที่จักรพรรดินีจะช่วย Kamigawa ได้
และองค์เทพ Kyodai ก็โค้งคำนับ
จักรพรรดินีค่อยๆ ฝืนลุกขึ้นยืน และหันไปมอง Kaito, มือข้างหนึ่งของเธอยังกุมไปที่เอวอยู่ “ตามอาจารย์ Light-Paws… มาด่วนเลย”
Kaito ออกจากห้องไปไม่ไกลนัก เพราะทั้ง Eiko และอาจารย์ Light-Paws ก็กำลังเดินกลับมาเพื่อตามหาจักรพรรดินีของพวกเขา,
Kaito ไม่ต้องอธิบายอะไรมากมาย, เขาแค่แจ้งทั้งคู่ให้ไปหาจักรพรรดินี เพราะเธอเหลือเวลาไม่มากแล้ว
ทั้งสามกลับเข้ามาถึงอารามแห่งเทพ Kyodai, ที่ตอนนี้ท่านลอยออยู่เบื้องหลังราวกับเป็นเทพพิทักษ์องค์จักรพรรดินีเอง, พันธะที่แข็งแกร่งระหว่างเทพแห่งโลกวิญญาณและผู้นำแห่งโลกมนุษย์นั้น ในบัดนี้กลายเป็นพันธะที่จะช่วยให้จักรพรรดินีอยู่ที่ Eiganjo ได้นานขึ้นอีกนิดหนึ่ง
“อาจารย์ Light-Paws” จักรพรรดินีเอ่ยชื่อของมนุษย์จิ้งจอก, เธอยกมือขึ้นมาเป็นสัญญะให้อาจารย์ Light-Paws ขยับเข้าไปใกล้
อาจารย์ Light-Paws รีบเช้าไปหา โค้งคำนับลงมา “อยากให้ข้าช่วยอะไร? ได้โปรดแจ้งเพคะ”
จักรพรรรดินีเงยหน้าขึ้น “Kamigawa ต้องการผู้ปกครองในยามที่ฉันไม่อยู่… ต้องการคนที่เทพ Kyodai และประชาชนของฉันเห็นว่าเป็นผู้ที่คู่ควร… มันจะเป็นหนทางเดียวที่แผ่นดินจะกลับมาสงบสุขได้” จักรพรรดินีนิ่งไป “Kamigawa ต้องการจักรพรรดิ”
อาจารย์ Light-Paws ไม่แม้แต่จะกระพริบตา… หรือหายใจ… หรือขยับร่างกายของเธอเลย… ราวกับว่าเธอได้กลายเป็นรูปปั้นโบราณที่ตั้งตระหง่านมากว่าพันปี
ก่อนที่เธอจะกระพริบตาปริบๆ “ท่านไม่ได้หมายความว่า ข-” เธอไม่สามารถจบประโยคนั้นได้ด้วยตัวเอง
“Kyodai ได้ให้พรมาแล้ว เช่นเดียวกับฉัน” จักรพรรดินีพยักหน้า
“ท่านอาจารย์ Light-Paws, ท่าจะเป็นตัวแทนของข้าในการปกครอง Kamigawa ในยามที่ฉันไม่อยู่”
อาจารย์ Light-Paws คุกเข่าลง, เธอโค้งจนหน้าผากแตะไปที่พื้น, ถือเป็นสัญญะแห่งความนับถืออย่างสูงสุด
“ข้าน้อมรับสิ่งที่ท่านปรารถนา และจะนำเกียรติยศสู่ตำนานของท่านจนกว่าจะพึงวันที่ท่านกลับมา”
ร่างของจักรพรรดินีกระตุกอีกครั้ง เธอพยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่เหมือนว่าร่างกายของเธอจะอยู่ที่ Kamigawa ไม่ได้อีกแล้ว
Kaito รู้สึกตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง… มันเกิดขึ้นไวมาก… ไวเกินไป
เขายังไม่อยากจะบอกลาเธอ
ดวงตาที่ไร้ซึ่งความสุขของจักรพรรดินีมองมาที่ Kaito อีกครั้ง, เธอฝืนยิ้มออกมา หวังให้เขาหมดห่วง “Kait-” เธอพูด
และมันก็คือทั้งหมดที่ Kaito ได้ยิน… Spark ของเธอพาเธออกไปจาก Kamigawa…
เขารู้สึกเหมือนหัวใจนั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ, Eiko ยืนตกตะลึงอยู่ข้างๆ, และเทพ Kyodai ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของการจากลา
อาจารย์ Light-Paws ยังคงคำนับอยู่ที่เดิม… ที่บัดนี้กลายเป็นที่ว่างเปล่า ที่ๆ องค์จักรพรรดินีเคยอยู่… หางทั้ง 7 ของอาจารย์ Light-Paws ลู่ลงแนบกับพื้น…
ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืน หันหน้ากลับมาหา Eiko และ Kaito
หางที่ 8 ของอาจารย์ Light-Paws ได้ปรากฏขึ้น
แสงอาทิตย์ที่ส่องมาจากด้านหลัง ขับให้เงาของมนุษย์จิ้งจอกเด่นชัด, ทั้ง Kaito และพี่สาวของเขา โค้งทำความเคารพผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแห่ง Kamigawa องค์ใหม่
- ความว่างเปล่า -
ที่โรงงานของ Tameshi นั้น, ไม่เหลือร่องรอยใดๆ ของ Jin-Gitaxias… ไม่มีร่องรอยใดๆ แม้แต่ที่ Otawara หรือ Eiganjo, Kaito ได้แต่คาดเดาสิ่งที่พอจะเป็นไปได้ ก็คือ Tezzeret คงเก็บกวาดทุกอย่างหลังจากลักพาตัว Tamiyo ไป
แต่การนำศพกลับไป ก็คงเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนัก… และนั่น ก็น่าจะหมายถึงว่า Jin-Gitaxias เองยังไม่ตาย… เช่นเดียวกับ Tamiyo
“นึกว่านายไปแล้วซะอีก” Eiko พูดข้างๆ Kaito ที่ยืนเกาะรั้วระเบียงอยู่
เขาปล่อยมือจากรั้วระเบียงและหันกลับมาหา Eiko “อยากจะอยู่ร่วมแสงดความยินดีกับพี่สาวสุดที่รักก่อนน่ะสิ, ได้เลื่อนขั้นเป็นที่ปรึกษา อาวุโส ใช่มั้ยล่ะ?”
Eiko มองบน “รู้น่าว่ามันฟังดูตลก, แต่ไม่ต้องมาล้อกันไ-”
“ไม่ได้ล้อนะ” Kaito ตอบ เอามือทาบไปที่อกของตัวเอง “ผมภูมิใจในตัวพี่จริงๆ”
“โอ้…” Eiko ชะงักไป “เอ่อ - ขอบใจมากๆ นะ”
Kaito ยกมือชี้นิ้วโป้งไปด้านหลังของเขา “เหมือนกำแพงส่วนนอกจะซ่อมเกือบเสร็จแล้วสินะ”
Eiko ตอบด้วยเสียงที่จึงจังขึ้นมา ราวกับเธอเปลี่ยนจากพี่สาวไปเป็นที่ปรึกษาทันที “ยังเหลือเรื่องที่ต้องจัดการอยู่นิดหน่อย, พวก Upriser ไม่พอใจที่เรายังคุมขังนักโทษจากการก่อกบฏของ Risona เอาไว้ แล้วก็มีเรื่องของสมดุลอำนาจในสภาสูงอีก”
“ถ้ากลัวจะมีการปฏิวัติก็บอก, ก็เห็นๆ อยู่ว่าผมมีประสบการณ์ในการป้องกัน, โดยเฉพาะการใช้อาวุธขว้างเพื่อแก้ไขสถานการณ์” Kaito ตอบพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
“Kaito” Eiko เรียกชื่อน้องชายของเธอย่างช้าๆ “ถึงพี่จะอยากให้เราอยู่ที่นี่มากแค่ไหน, แต่ฉันก็ไม่อนุญาตให้นายไปไล่ดีดหินใส่สมาชิกสภาหรอกนะ”
Kaito ไม่ได้ตอบอะไร, Eiko ขยับเข้ามาใกล้ เหม่อมองไปที่ท้องฟ้า “นายไม่อยากอยู่ที่นี่สินะ”
“ผมเคยสัญญากับพี่ไว้” Kaito คว้ามือของ Eiko มากุมไว้ “ผมจะไม่จากไปโดยไม่ลาอีก”
Eiko หลับตาลง สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “จะออกไปตามหาจักรพรรดินีอีกแล้วเหรอ?”
Kaito มองตามสายตาที่เหม่อมองท้องฟ้าของพี่สาว ราวกับกำลังจินตนาการถึงดาวดวงอื่นๆ อยู่ “ใช่แล้วล่ะ… แต่ผมยังมีอีกคนที่ต้องไปตามหาก่อน”
Kaito มาถึงบ้านของ Tamiyo… เขาคิดว่าเขาต้องบอกครอบครัวของเธอ ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น… มองตาพวกเขา และให้สัญญาว่าเขาจะต้องตามหาเธอกลับมา
เขารู้ว่า เขาเป็นหนี้ยุญคุณ Tamiyo มากแค่ไหน, และถ้าเธอยังมี Reality Chip อยู่ เขาอาจจะใช้มันเพื่อตามหาจักรพรรดินีได้อีกทอด
ก่อนที่ Kaito จะออกมา, Nashi ได้ให้สัญญากับ Kaito ว่า
ถ้าหากเขาพร้อม เขาจะช่วยตามหาแม่ของเขาเช่นกัน
สำหรับ Kaito แล้ว เขารู้ดีว่าสัญญาเช่นนั้นมันส่งผลอะไรตามมา, เขาไม่ได้บอกกับเจ้าหนู Nashi หรอกว่ามันจะอันตรายแค่ไหน… หรือมันเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับ Nashi ที่จะเดินทางข้ามดวงดาว…
Kaito ตอบกลับไปว่า เขาจะรอวันที่ Nashi พร้อม เพียงเพื่อให้ความหวังเด็กคนนี้…
“พี่รู้ว่ามันส่งหุ่นโดรนตามไปไม่ได้…” Eiko ส่ายหน้า และยิ้มออกมา “แต่อย่าลืมส่งข่าวกลับมาบ้างล่ะ”
Kaito พยักหน้า, เข้าไปกอดพี่สาวของเขา “ได้เลย” เขากระซิบตอบ
“แต่คราวหน้า ที่ผมกลับมา, เราต้องไปนัดเจอกันที่ Towashi ก่อนนะ, กลับมาถึง Kamigawa ทั้งที ต้องได้กินราเมงแกงกะหรี่ก่อนอย่างอื่นเลย”
Eiko หัวเราะออกมา ผลักแขนของ Kaito เบาๆ ในตอนที่เขาปล่อยเธออกจากอ้อมกอด… เธอพูดออกมาอีกครั้ง กับรอยยิ้มที่ค่อยๆ หายไป “นายควรกลับไปหาอาจารย์ก่อนจะไปนะ”
Kaito รู้สึกจุกที่คอขึ้นมา, เขารู้ดีว่า Eiko รับรู้ได้ถึงความพยายามจะหลบหน้าอาจารย์ของเขา “แค่ตอนอาจารย์เป็นที่ปรึกษาวังหลวงก็อึดอัดเลย… นี่เธอเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินเชียวนะ”
Kaito ยักไหล่ขึ้นมา “แบบว่า ผมกับอาจารย์อาจจะไม่มีโอกาสได้คืนดีกัน”
“สัญญากับพี่ที ว่าสักวันนายจะลองดู” Eiko ร้องขอ
Kaito เอามือถูไปที่หลังคอของเขา “เพื่อพี่เหรอ? ผมสัญญา”
และเขาก็ยกมือขึ้นร่ำลา “เจอกันนะพี่”
Eiko ก้มหน้าลง… รอยยิ้มที่หายไป กับดวงตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำตาอีกครั้ง… นี่คงเป็นการบอกลาเท่าที่เขาจะให้เธอได้
นี่เป็นครั้งที่สองในชีวิตของ Kaito ที่เขาหันหลังให้กับวังหลวง โดยไร้แผนที่จะกลับมา…
เขาจะต้องเชี่ยวชาญการ Planeswalk มากกว่านี้
เขาจะตามหา Tamiyo และเขาจะจบเรื่องทั้งหมด
เขาจะพาจักรพรรดินีกลับบ้านอีกครั้ง
- บทส่งท้าย -
“ตื่นขึ้นมา, Planeswalker ชาว Phyrexia ตนแรก และเราจะไม่ใช่คนสุดท้าย”
ดวงตาของ Tamiyo กรอกไปมาเมื่อเสียงของ Jin-Gitaxias ดังขึ้น, เธอลุกขึ้นนั่ง เริ่มประมวลผลสิ่งของรอบๆ ตัวเธอ… มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอตื่นขึ้นมาในห้องทดลอง… แต่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึก… คุ้นเคยกับมัน
Tamiyo เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเก็บคัมภีร์ของเธอ หยิบมันขึ้นมาหนึ่งเล่ม, เธอจ้องมองไปยังภาษาที่เป็นอักขระสลักด้วยโลหะ ที่ไม่ใช่ภาษาเก่าแก่อื่นใด
เธออ่านข้อความที่เป็นภาษา Phyrexian ได้ราวกับว่า มันเป็นภาษาที่เธอเรียนรู้มันมาตั้งแต่เกิด… และเติมเต็มความรู้สึกปรีดาเป็นยิ่งนัก
Phyrexia คือบ้านหลังใหม่ของเธอ… เธอคือส่วนหนึ่งของมัน… ร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ
Tamiyo มองไปที่แขนของเธอที่กลายเป็นโลหะสะท้อนแสงแวววับ, มันคือชิ้นส่วนที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เช่นเดียวกับส่วนหนึ่งของร่าง Jin-Gitaxias ที่สะท้อนแสงแววับไม่ต่างกัน
เจ้าปีศาจโลหะนั่น เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ Tamiyo, ฟันของมันส่งเสียงกระทบกัน ในขณะที่สายตาจับจ้องไปยังสายระโยงระยางที่เชื่อมต่อกับร่างของเธอ และเครื่องจักรอีกเครื่อง มันมีของเหลวสีแสบตาไหลไปมาอยู่ภายใน
Tamiyo อยากจะขอบคุณชีวิตใหม่ที่ Jin-Gitaxias ให้เธอมา, สำหรับเธอแล้ว เธอมองว่าครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุด, เธอพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องครอบครัวของเธอ… และ Phyrexia คือครอบครัวของเธอ
เงาสะท้อนจากขวดบีกเกอร์ทดลอง บอกว่า Tezzeret ได้เข้ามาที่นี่, Jin-Gitaxias หันกลับไปต้อนรับด้วยเสียงกัดฟันที่เป็นเพียงเหล็กชนกัน
“ไม่ค่อยปรากฏตัวให้เห็นเลยนะ” สัตว์โลหะพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
Tezzeret มองข้ามสิ่งที่ Jin-Gitaxias พยายามจะใส่ร้ายเขา ด้วยคำตอบว่า “การใช้ สะพานข้ามมิติ (Planar Bridge) มันกินพลังงาน, ข้าต้องพักฟื้น” เขามองไปที่ Tamiyo ด้วยสายตาขยะแขยง
เธอมองกลับมา เอียงหัวเล็กน้อย, เธอประมวลผลจากสิ่งที่ Tezzeret แสดงออก “เจ้าไม่ชอบเรา, เรารู้ได้จากความจริงที่เจ้าพยายามปิดบังอยู่” และถ้าเขาเลือกจะทรยศต่อ Phyrexia นั้น, Tamiyo ต้องหาสาเหตุให้ได้
สายตาของ Tezzeret กลับมีความอ่อนแอบางอย่างขึ้น, มันไม่น่าจะเกี่ยวกับร่างกายที่บาดเจ็บของเขา
แม้เขาจะพยายามข่มด้วยมาดอื่นๆ แต่แววตาของเขามันก็ไม่ต่างจากเดิม “แก... กับเพื่อนของแกพยายามจะล้มแผนของ Phyrexia, ข้าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องชอบแก… หรือไว้ใจแก”
Tamiyo รับรู้ได้ว่า ทั้งหมดนั่นคือความจริง, เธอจึงกลับไปยังที่นั่งของเธอ มองไปที่คัมภีร์ที่ถูกผนึกไว้สามเล่ม, มันเป็นคัมภีร์ที่เธอเคยสาบานว่าจะไม่นำออกมาใช้… เนื่องด้วยพลังอำนาจของมันนั้น มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการสูญเสียมากเกินไป
แต่นั่น ไม่รวมถึงความจำเป็นในการช่วยเหลือคน หรือสถานที่สำคัญ ที่เธอเรียกว่าบ้าน
Phyrexia คือครอบครัวของเธอ… และไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะละเว้นการปกป้องครอบครัวของเธอ
Jin-Gitaxias คำรามออกมา “ความเคลงใจของเจ้า ในสภาวะก้อนเนื้อที่เป็นอดีตต่อ Planeswalker ตนนี้นั้น เป็นที่เข้าใจได้"
"แต่ร่างทดลองนี้คือที่ผู้ที่ควรค่า… การไว้วางใจ Planeswalker ตนนี้ คือการวางใจใน Phyrexia”
Tezzeret กระพริบตาของเขาช้าๆ “งั้นก็แปลว่าทุกอย่างเป็นไปได้สวยสินะ, Elesh Norn รู้หรือยังว่าแกสร้าง Planeswalker ที่เป็นจักรกล Phyrexian (Phyrexianize planeswalker) ได้สำเร็จแล้ว?”
“นางนั่นก็รู้เท่าที่ควรจะรู้, มันบังอาจมาดูหมิ่นองค์ความรู้ที่ข้ามี” Jin-Gitaxias ขยับออกมา โลหะส่งเสียงเสียดสี
“แม้ว่างานจะของข้าจะก้าวหน้า, แต่ก็ยังมีเรื่องที่ต้องทำเหลืออยู่”
คนคว้า, หาข้อมูล และก้าวหน้า (Research. Futher Data. Progress)
Tamiyo เดินทางไปทั่วทั้ง Multiverse เพื่อความรู้, ถ้านั่นจะช่วยให้ Phyrexia ปลอดภัย, เธอยินดีที่จะช่วยเหลือเท่าที่เธอจะทำได้…
เพราะครอบครัวของเธอ ต้องมาก่อนเสมอ
Magic Story By Akemi Dawn Bowman