การ์ดที่มีสามสีในเกม Magic The Gathering นั้น จะใช้การเรียงสัญลักษณ์มานาจากด้านหลังการ์ด โดยมามารถแบ่งได้เป็นสองแบบ คือ

- สีข้างเคียง (Shard) จะเป็นการเรียงสีที่อยู่ติดกัน 3 สี คือจะมีสีพันธมิตร 2 คู่ และสีคู่ตรงข้าม 1 คู่

- สีข้ามคู่ (Wedge) จะเป็นการเรียงสีที่ติดกัน 2 สี ไม่ติดกัน 1 สี คือจะมีสีพันธมิตร 1 คู่ และสีคู่ตรงข้าม 2 คู่ นั่นเอง

อย่างไรก็ดี ในการกล่าวถึงปรัชญาของสีในรูปแบบ 3 สี นั้น มีความจำเป็นที่จะยกตัวอย่างการเล่นแบบที่ผสมไปด้วยการ์ดแต่ละสี หรือจับคู่สีบ้าง เพื่อให้เห็นองค์ประกอบในส่วนย่อยของแต่ละสี เพื่อให้ผู้อ่านมีความเข้าใจมากขึ้น

 

ด้านหลังของการ์ด

 

สีข้างเคียง (Shards)

สีข้างเคียงนั้น เป็นสีที่อยู่ติดกัน โดยอิงจากด้านหลังการ์ด เป็นสีที่เริ่มต้นจากชุด Shards of Alara ซึ่งเป็นเรื่งราวที่เกิดขึ้นใน Plane Alara ซึ่งเคยเป็นดาวดวงเดียว แต่เกิดการระเบิดขึ้น ทำให้ดาวแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ซึ่งแต่ละส่วนของดาวนั้น ได้พลังงานมานาไปไม่เหมือนกัน และส่งผลต่อสิ่งต่างๆ ในส่วนนั้นๆ โดยแต่ละเสี้ยวของดาวนั้น จะมีการออกแบบที่อิงสีหลัก คือสีที่อยู่ตรงกลาง และอีกสองสีจะเป็นสีที่มาเสริม

 

 

1. เขียว - ขาว - ฟ้า (Bant) : ชุดสี  Bant เป็นชุดสีที่มีสีขาวเป็นสีหลัก ส่วนสีเขียวกับสีฟ้า เป็นสีสนับสนุน เป็นส่วนของดาวที่มีการจัดวางระบระเบียบสังคมไว้เป็นอย่างดี โดยผู้อาศัยในส่วน Bantนั้นประกอบไปด้วยมนุษย์ มนุษย์นก มนุษย์แรด เสือ,สิงโต นางฟ้าเนื่องจากเป็นส่วนที่ไม่มีมานาสีดำแห่งความตาย, ความเห็นแก่ตัว และสีแดงอันวุ่นวาย ส่วน Bant จึงเรียกได้ว่าเป็นส่วนที่สงบสุขที่สุด เหล่าผู้ใช้เวทย์จะศึกษาไปที่เวทย์เพื่อป้องกัน และการเติบโตมากกว่า แม้ว่าจะมีความขัดแย้งกันอยู่บ้าง แต่ Bant จะใช้วิธีการตัดสินที่ให้เกิดความศูนย์เสียน้อย แต่มีเกียรติมากที่สุด โดยจะใช้ตัวแทนของคู้ขัดแย้งมาประลองกัน

ในแง่ของเกมการเล่น ชุดสี Bant ประกอบไปด้วยสีที่ไม่ต้องการทำความเสียหายให้คู่ต่อสู้(ถ้าไม่จำเป็น) สีขาวที่เป็นสีหลัก เป็นสีของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความเป็นองค์กร และการปกป้อง รักษา เช่นเดียวกับสีเขียว ที่เน้นการรักษาธรรมชาติ ส่วนสีฟ้าที่เน้นไปที่ความสมบูรณ์แบบ ก็ยิ่งผลักดันการป้องกัตัวเองให้เด่นชัดยิ่งขึ้นไปอีก

ในขณะที่ชุดสี Bant ประกอบไปด้วยสีที่รักสงบก็จริง แต่เมื่อแสดงออกผ่านทางการ์ดเกม สิ่งที่โดดเด่น จะเป็นรูปแบบการเล่นแบบ "ส่งตัวแทนเข้าการประลอง" ที่จะส่งผลเมื่อผู้เล่นโจมตีด้วย Creature เพียงตัวเดียว

 

    

การ์ดปกป้อง

 

    

การ์ดแสดงการเติบโตภายใน

 

    

การ์ดสะท้อนการต่อสู้อย่างมีเกียรติ

 

ข้อเสียของชุดสี Bant คือความมีเกียรติของตนเอง เพราะพยายามจะเข้าร่วมรบด้วยการส่งตัวแทนเสมอๆ จึงมักจะเสียเปรียบกับเดคที่มีจำนวน Creature มากกว่า และเร็วกว่า

 

 

 

2. ขาว - ฟ้า - ดำ (Esper) : เป็นส่วนของดาวที่ไม่มีพลังงานมานาสีเขียว และแดง มีสีฟ้าเป็นสีหลัก จึงเป็นส่วนที่ขาดความเป็นธรรมชาติไป ส่วนนี้จึงเป็นส่วนที่มีสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา (Artifact) มากกว่าส่วนอื่นๆ เนื่องจากเป็นส่วนที่มีพลังงานชื่อ Etherium ซึ่งสามารถใช้เพื่อดัดแปลง และยืดอายุสิ่งมีชีวิตชีวภาพได้ และเป็นส่วนที่คาดหวังจะก้าวข้ามความวุ่นวายของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเนื้อเรื่อง

ในแง่ของเกมการเล่น สี Esper เป็นสีที่รวมการ์ดประเภทควบคุมไว้มากที่สุด ทั้งสีฟ้าที่ควบคุมเวทย์อื่นๆ ชะลอการเล่น สีขาวที่มีการ์ดล้างสนาม และการ์ดปกป้อง และสีดำที่สามารตัดมือคู่ต่อสู้ได้ และเมื่อสีเหล่านี้มารวมกันเป็นคู่สี ก็จะเห็นว่ายังเป็นคู่สีที่ส่งผลกับการควบคุมคู่ต่อสู้ได้ดียิ่งขึ้นไปอีก 

แต่ถ้าหากมองไปที่การ์ดที่มีทั้งสามสี ส่วนใหญ่จะเป็นการ์ดที่เล่นกับ Artifact มากกว่า

 

    

การ์ดควบคุมของสี Esper

 

    

การ์ดที่สะท้อนการออกแบบของสี Esper

 

จะเห็นได้ว่า การ์ดชุดสี Esper นั้น จะมีค่าร่ายที่สูง และธรรมชาติของสีนี้ จะไม่มีการ์ดเร่งมานาเข้ามาช่วยมากนัก จึงเป็นจุดอ่อนของสี ที่จะเน้นการเล่นแบบควบคุมคู่ต่อสู้ไปเรื่อยๆ เหมือนกับสีฟ้า ก่อนที่จะปิดเกมเมื่อได้จังหวะที่เหมาะสม

 

 

 

3. ฟ้า - ดำ - แดง (Grixis) : เป็นส่วนของดาวที่มีสีดำเป็นสีหลัก และสีฟ้ากับแดง เป็นสีสนับสนุน จึงเป็นสีที่เต็มไปด้วยความคิด ความฝัน และความรุนแรง เป็นส่วนที่เน้นเรื่องของการวางแผนเพื่อประโยชน์ส่วนตน เป็นส่วนของดาวที่แทบจะไม่มีสิ่งมีชีวิตลักษณะปกติเลย เป็นส่วนของดาวที่เต็มไปด้วยปีศาจ วิญญาณ และเหล่าผู้ใช้เวทย์แห่งความตาย ส่วน Grixis นั้น จะมีแหล่งพลังงานคือ Vis ที่ได้มาจากการสกัดพลังออกจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในส่วนนี้ของดาว

ในแง่ของเกมการเล่น ชุดสี Grixis นั้นเต็มไปด้วยการ์ดทำลายของสีดำ การ์ดควบคุมของสีฟ้า และการ์ดทำความเสียหายของสีแดง ทำให้เป็นชุดสีที่เมื่อรวมกัน จะได้การควบคุมในแบบที่สร้างความเสียหายให้กับคู่ต่อสู้ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับชุดสี Esper แล้ว ทั้งสองสี เป็นสีที่เน้นการควบคุม แต่ Esper จะปกป้องตัวเอง เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย แต่ Grixis จะทำลายคู่ต่อสู้เพื่อบรรรลุเป้าหมายของตนเอง

ในแง่ของการ์ดชุดสี Grixis นั้น จะเป็นการ์ดที่มีความทำลายล้างสูง และดึงผลจากการทำลายล้าง เช่น ทำลาย Creature เขา แล้วเราจั่วเติมมือ หรือเป็น Creature ที่ทำลายมือคู่ต่อสู้ แล้วเราได้เติมมือ และการเล่นกับสุสาน โดยรวมจะเป็นการ์ดที่สร้างความเสียเปรียบกับคู่ต่อสู้ และสร้างความได้เปรียบให้กับตัวเองในทุกๆ ทาง

 

     

ทำลายสิ่งที่เขามี แล้วสร้างความได้เปรียบซะ

 

    

การ์ดทำลายมือ

 

     

บังคับให้เขาเสียทรัพยากร ในขณะที่เราแข็งแกร่งขึ้น

 

ข้อเสียของชุดสี Grixis จะคล้ายๆ กับชุดสี Esper นั่นคือการ์ดมักจะมาพร้อมกับค่าร่ายที่สูง แต่ไม่มีสีที่ช่วยเร่งเรื่องมานา

 

 

 

4. ดำ - แดง - เขียว (Jund) : เป็นชุดสีที่มีสีแดงเป็นสีหลัก และสีเขียวกับสีดำ เป็นสีสนับสนุน เป็นส่วนของดาวที่ขาดความคิดของสีฟ้า และการควบคุมของสีขาว เป็นส่วนที่สะท้อนความเป็นธรรมชาติอันโหดร้าย... โหดร้ายขนาดที่กินกันเองได้เลย ชุดสี Jund นั้นเป็นสีที่สะท้อนแนวความคิดของ "ผู้แข็งแกร่งเท่านั้น ที่จะอยู่รอด" ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่นี่มักจะเป็นทั้งผู้ล่าและเหยื่อในเวลาเดียวกัน ในขณะที่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ล่างสดของห่วงโซ่อาหาร ก็ยอมรับการที่ต้องตกเป็นอาหารของผู้แข็งแกร่งกว่า

ในแง่ของเกมการเล่น ชุดสี Jund มีความวุ่นวาย และรุนแรงของสีแดง สะท้อนผ่านเหล่า Creature ของสีเขียว และผสมเข้ากับความโหดร้ายของสีดำ การ์ดที่ประกอบขึ้นมาจะเป็นลักษณะของการป้อนพลังงานผ่านสีเขียว เพื่อให้สีดำนำไปใช้ประโยชน์ ก่อนที่สีแดงจะทำให้ทุกสิ่งสร้างความเสียหายต่อศัตรู!

เมื่อมองเป็นชุดสี Jund แล้ว การ์ดจะมีลักษณะช่วยสร้างพลังงานต่อเมื่อตัวเองตาย หรือได้รับพลังจากการที่สิ่งอื่นๆ ตาย

 

    

ตายแล้วได้อาหาร กินอาหารแล้วแติบโต

 

    

สัตว์ยักษ์ที่ทรงพลัง

 

    

การ์ดอื่นๆ ที่แสดงแนวคิดห่วงโซ่อาหาร

 

ข้อเสียของชุดสี Jund จะมาจากความต้องการป้อนอาหาร ถ้าหากการ์ดที่ให้พลังงานมีน้อยกว่า อาจจะทำให้การเล่นติดขัดได้

 

 

 

5. แดง - เขียว - ขาว (Naya) : ชุดสี Naya เป็นชุดสีที่มีสีเขียวเป็นสีหลัก สีขาวกับสีแดง เป็นสีรอง ซึ่งเป็นส่วนของดาวที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงสุด เป็นสีที่มีความเป็นธรรมชาติอย่างเต็มที่ เนื่องจากไม่โดนรบกวนจากมานาสีฟ้า(Artifact) และสีดำ(ความตาย)เลย เป็นส่วนที่มีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ทั้งมนุษย์ เอลฟ์ สัตว์ยักษ์ต่างๆ และพืชพันธุ์ต่างๆ มากมาย

ในแง่ของเกมการเล่น ชุดสี Naya มาจากสีเขียวเป็นหลัก จึงเต็มไปด้วยสัตว์ขนาดใหญ่ และพลังมานาที่ล้นเหลือ สนับสนุนด้วยสีขาวที่ช่วยให้อยู่อย่างสงบสุข และปกป้องสิ่งต่างๆ ได้เป็นอย่างดี พร้อมด้วยสีแดงที่ทำให้สัตว์เหล่านี้มีความเกรี้ยวกราด และทรงพลัง จึงเป็นชุดสีที่ตรงไปตรงมา ด้วยการป้องกันตัวเอง และใช้สัตว์ขนาดใหญ่จัดการคู่ต่อสู้

เมื่อทั้งสามสีรวมกันแล้ว จะได้การ์ดสัตว์ยักษ์ที่ทรงพลัง และมีการ์ดสนับสนุนที่ทำให้มันทรงพลังขึ้นไปอีก

 

    

กา์ดพลังงานอันล้นเหลือ

 

     

การเติบโตอย่างไรขีดจำกัด

 

    

ปกป้องตัวเอง

ข้อเสียของชุดสี Naya คือความอ่อนแอต่อการ์ดล้างสนาม และการ์ดควบคุม เพราะเป็นสีที่เน้นการเติบโตของตัวเอง เสมือนสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติ ถ้าปล่อยไว้จะเติบโตได้แทบไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถ้าโดนกำจัดจนศูนย์พันธุ์แล้ว ชุดสีนี้ก็ยากที่จะกลับมาในเกมได้ 

 

 

---------------------------------------------------------------------

 

 

สีข้ามคู่ (Wedge)

สีข้ามคู่ เป็นสีที่มาจากชุด Khan of Tarkir เป็นคู่สีที่จับคู่สีหลัก กับสีคู่ตรงข้ามอีก 2สี เป็นเรื่องราวของ Plane Tarkir ที่อิงถึงพลังงานมานาจากมังกรที่เคยอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้ ในแต่ละชุดสี จะแสดงถึงพลัง และความสามารถของมังกร

อย่างไรก็ดี เนื่องจากเคยมีการออกแบบชุดสีข้ามคู่ (Wedge) มาก่อนในชุด Apocalypse ในบทความนี้ จะอ้างถึงชุดสีข้ามคู่จาก Tarkir เท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน และเนื่องจากทาง Wizard of the Coast ได้ใช้แนวการออกแบบของชุด Tarkir เป็นหลักในการออกแบบการ์ดหลังจากนั้น

นอกจากนี้ เนื้อเรื่องของชุด Tarkir (ประกอบไปด้วย Khan of Tarkir, Fate Reforge, Dragon of Tarkir) เป็นการเล่าเรื่องที่มีการย้อนเวลา จึงมีหลากหลาย Timeline เพื่อให้บทความมีความกระชับ ทางผู้เขียนจะนำเสนอเอกลักษณ์จากชุดสี Wedge เท่านั้น ซึ่งจะมีปรากฏในช่วง Khan of Tarkir เป็นหลัก จึงอาจมีบางส่วนที่ให้ข้อมูลได้ไม่ลงลึกนัก เราจะเก็บไว้เล่าในโอกาสต่อไป

ในช่วง Khan of Tarkir นั้น จะเล่าถึงแคลนต่างๆ และหัวหน้าแคลน (Khan) ที่ช่วงชิงอำนาจเพื่อเป็นแคลนที่อยู่จุดสูงสุดของสงครามอันยาวนานกว่าพันปี

 

 

1. ขาว - ดำ - เขียว (Abzan) : ชุดสี Abzan มาจากชื่อแคลน Abzan House เป็นแคลนที่อยู่กลางทะเลทรายของ Tarkir ซึ่งส่งผลให้วิธีการใช้ชีวิตของชาวแคลน Abzan ต้องต่อสู้กับสภาวะแวดล้อมที่ทารุณ และลำบากในการใช้ชีวิต ชาว Abzan สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เลวร้ายได้ดี แสดงผ่านสัญลักษณ์เกล็ดของมังกร

แม้ Abzan จะเป็นแคลนที่ไม่ชอบสุงสิงกับโลกภายนอกเท่าใด แต่เพื่อการรักษาแคลนไว้ พวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องใช้เส้นทางการค้ากับแคลนอื่นๆ อยู่บ้าง ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่แคลน Abzan ต้องเข้าร่วมวงความขัดแย้งต่างๆ แต่การวางแผนการรบของแคลน ก็เพื่อปกป้องเส้นทางการค้าของตนเองเท่านั้น

ชาว Abzan นับถือเหล่าวิญญาณที่เรียกว่า Kin Spirit ซึ่งเป็นวิญญาณของบรรพบุรุษในแคลน อันเป็นสิ่งที่สืบทอดกันภายใน ทำให้ชาว Abzan ยิ่งไม่ค่อยเปิดรับบุคคลภายนอกเท่าใดนัก

ในแง่ของเกมการเล่น ชุดสี Abzan เป็นสีที่ประกอบด้วยการปกป้ององค์กรของสีขาว และดูแลความเป็นไปของสีเขียว และนับถือเหล่าวิญญาณที่เป็นส่วนของสีดำ ซึ่งจะเน้นไปที่การดูแลกันเป็นองค์กรของคู่สีขาว - เขียว มากกว่าความเป็นสีดำ
อย่างไรก็ดี การ์ดที่มีส่วนประกอบของทั้ง 3สี ไม่ได้สะท้อนแง่มุมของ Abzan ได้อย่างครบถ้วน ผู้เขียนจึงจำเป็นต้องยกตัวอย่างการ์ดที่มีสีไม่ครบทั้ง 3สี แต่มีแนวทางการออกแบบตามรูปแบบของแคลน

 

    

แสดงความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ

 

    

แสดงการดูแลกันและกัน

 

ข้อเสียของสี Abzan จะคล้ายๆ กับคู่สีขาว - เขียว ที่ค่อนข้างจะเล่นแบบดูแลตัวเองมากกว่าที่รบกวนการเล่นของคู่ต่อสู้ และปิดเกมด้วย Creature ซึ่งเป็นการเล่นที่ตรงไปตรงมา และถูกขัดจังหวะได้ง่าย

 

 

 

2. ฟ้า - แดง - ขาว (Jeskai) : ชุดสี Jeskai มาจากชื่อแคลน Jeskai Way สีหลักคือสีฟ้า - ขาว เป็นสีที่เน้นการปฎิบ้ติตน ทั้งทางกาย และทางใจ แสดงผ่านสัญลักษณ์ดวงตาของมังกร แคลน Jeskai ตั้งอยู่บนยอดเขาของ Tarkir เป็นแคลนที่ฝึกวิชาเกี่ยวกับกำลังภายใน โดยแก่นความรู้ได้มาจากการสืบทอดองค์ความรู้ของมังกร Ugin โดยที่กำลังภายในของแคลน จะถูกแบ่งเป็น 6 พลังไฟ คือ -ไฟวิญญาณ สีขาว -ไฟแห่งเลือด สีแดง -ไฟแห่งหมอก สีฟ้า -ไฟแห่งชีวิต สีเขียว -ไฟแห่งความตาย สีดำ การฝึกตนแบบของ Jeskai นั้น ถือว่าการฝึกไฟแห่งชีวิต และไฟแห่งความตายเป็นเรื่องต้องห้าม อย่างไรก็ดีเมื่อสามารถควบคุมพลังไฟเหล่านี้ได้อย่างเชี่ยวชาญ 3ชนิดแล้ว แล้ว จะสามารถใช้พลังไฟที่ 6ได้ นั่นคือไฟแห่งภูติ ไม่มีสี

โดยแคลน Jeskai เชื่อว่า ตนเองเป็นแคลนที่มีความรู้มากที่สุดใน Tarkir และเลือกทที่จะจดบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อเป็นที่เก็บรวบรวมความรู้ของ Tarkir

ในแง่ของเกมการเล่น ชุดสี Jeskai จะมีส่วนผสมของสีฟ้า และสีขาว ที่อิงการเล่นอย่างเป็นจังหวะ เน้นใช้การ์ดให้ถูกจังหวะ เพื่อให้เกิดการระเบิดของพลังสีแดงออกมาได้อย่างรุนแรง

 

    

พลกำลัง มาจากการรวบรวมพลัง

 

    

การฝึกตน สู่พลังแห่งไฟ

 

ข้อเสียของชุดสี Jeskai คือเป็นสีที่รอจังหวะในการกระทำเหมือนสีฟ้า และต้องการการทำความเสียหายจาก Creature เป็นหลัก ซึ่งก็ต้องรอตัวกระตุ้นเหมือนๆ กับการจับคู่สีฟ้า - แดง

 

 

 

3. ดำ - เขียว - ฟ้า (Sultai) : ชุดสี Sultai มาจากชื่อแคลน Sultai Brood สีหลักคือสีดำ - ฟ้า เป็นสีที่มีความอำมหิต แยบยล เป็นแคลนที่ไม่นิยมการสู้ซึ่งๆ หน้า แสดงผ่านสัญลักษณ์เขี้ยวมังกร แคล Sultai อยู่ในป่าลึกของ Tarkir โดยที่แคลนมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับวิชาศาสตร์มืด การคืนชีพศพ โดยแคลนจะประกอบไปด้วยมนุษย์ นาก ปีศาจแมว ซึ่งนากมักจะอ้างกรรมสิทธิ์การเป็น "เชื้อสายของมังกร" และเป็นผู้ปกครองแคลน มนุษย์จะเป็นเหมือนพลเมืองชั้นสองของที่นี้

ในแง่ของเกมการเล่น ชุดสี Sultai ประกอบจากดำ - ฟ้า - เขียว ซึ่งทั้งสามสีมองเห็นการจัดการทรัพยากรอย่างเป็นระบบเป็นเรื่องที่สำคัญ และยอมให้การใช้ทรัพยากรจากสิ่งที่ใช้ไปแล้วเหมือนการจับคู่ของสีดำ - เขียว และสีดำ - ฟ้า ก็เป็นคู่สีที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายอยู่แล้ว

 

    

เติมทรัพยากรในสุสาน

 

    

    

การ์ดนำกลับมาใช้ใหม่

 

    

ความอำมหิตของ Sultai

 

ข้อเสียของชุดสี Sultai จะเป็นเรื่องของการถูกทำลายสุสาน เช่นเกียวกับคู่สีดำ - เขียว และดำ - ฟ้า รวมถึงการออกแบบที่มีเพิ่มค่าร่ายในการ์ดที่ใช้ทรัพยากรจากหลุมมาช่วยเล่นได้ (เพราะต้องการบีบให้ผู้เล่นใช้การดึงทรัยากรจากในหลุม) ถ้าหากจัดการได้ไม่ดีพอ อาจจะส่งผลให้เกมการเล่นช้าเกินไป

 

 

 

4. แดง - ขาว - ดำ (Mardu) : ชุดสี Mardu มาจากแคลนชื่อ Mardu Horde สีหลักคือสีดำ - แดง เป็นสีของนักรบเหนือนักรบ พร้อมที่จะเข้าร่วมการต่อสู้เสมอ ใช้ความรวดเร็วและรุนแรงเข้าจัดการศัตรู แสดงผ่านสัญลักษณ์ปีกมังกร แคลน Mardu ใช้ชีวิตอยู่บริเวณผาหินอันรกร้างของ Tarkir ใช้ชีวิตอยู่ด้วยการปล้นสะดมแคลนอื่นๆ และมักจะมีปัญหากับแคลน Abzan เสมอๆ

ในแง่ของเกมกาารเล่น จะมีความคล้ายคลึงกับคู่สีดำ - แดง เน้นไปที่การทำความเสียหายอย่างรวดเร็ว, รุนแรง และต่อเนื่อง ส่วนสีขาวนั้น จะนำเข้ามาเสริมการสนับสนุนกองทัพ Creature ของผู้เล่น

 

    

เวทย์สายฟ้า และความรุนแรงของนักรบ

 

    

แผนการรบที่ดุดัน

 

     

    

บรรดานักรบที่แข็งแกร่ง

 

ข้อเสียของชุดสี Mardu คือการเล่นที่กึ่งบังคับให้ผู้เล่นโจมตีด้วย Creature ก่อนที่จะได้เอฟเฟคที่ดีกว่า ทำให้บางครั้งอาจจะโจมตีไปเข้าทางจังหวะของเดคคู่ต่อสู้ และเสียประโยชน์มากกว่า

 

 

 

5. เขียว - ฟ้า - แดง (Temur) : ชุดสี Temur มาจากชื่อแคลน Temur Frontier สีหลักคือสีเขียว - แดง เป็นสีของความป่าเถื่อน พลกำลังที่รุนแรง แต่จะต่างจาก Jeskai ที่จะเก็บงำพลังใว้ และนำออกมาใช้เมื่อจำเป็น และต่างจาก Sultai ที่ไม่ได้มีความอำมหิต แต่ใช้พลกำลังเพื่อการล่าหาอาหารเท่านั้น แสดงผ่านสัญลักษณ์กรงเล็บของมังกร แคลน Temur ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการล่าสัตว์ (ซึ่งรวมถึงมังกรด้วย) ชาวแคลน Temur จะมีพลกำลังที่มาก มาจากวิถีการใช้ชีวิตที่จะต้องออกล่าเพื่อหาอาหาร ในแคลนจะมีกลุ่มหมอผี ที่เป็นผู้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ และใช้เวทย์มนต์เพื่อป้องกันอันตรายจากสัตว์ป่าอื่นๆ ตำแหน่งหัวหน้าแคลนมักจะมาจากผู้ที่ล่าได้เก่งที่สุด พลกำลังเยอะที่สุด

ในแง่ของเกมการเล่น ชุดสี Temur ประกอบจากสีเขียว ที่แสดงความแข็งแรงของธรรมชาติ สีแดงแสดงความรุนแรง ซึ่งทั้งสองสีจะแสดงออกมาได้ดีมากๆ ในชุดสี Temur ทั้ง Creature ขนาดใหญ่ ความรวดเร็วในการเล่น แต่สีฟ้าที่เน้นเรื่องของการควบคุม และความรู้ แทบจะไม่ปรากฏในการรวมในชุดสี Temur เลย จะเน้นไปที่การป้องกันไม่ให้สีฟ้ามาขัดจังหวะมากกว่า

 

    

เร่งความเร็ว ล่าอย่างเป็นระบบ

 

    

ปกป้องเหล่านักล่าของแคลน

 

ล่ามังกร!

 

ข้อเสียของชุดสีนี้ มักจะเป็นเรื่องความพยายามผลักดันการออกแบบการ์ดไปที่การล่า ทำให้มีพวกสัตว์ยักษ์ หรือนักล่าเยอะมากๆ แน่นอนว่าเดคที่เน้น Creature จะแพ้ทางเดคที่ควบคุมสนาม และการ์ดทำลาย Creature แต่ด้วยความที่มีสีฟ้าเข้ามา ทำให้สามารถปกป้องได้อยู่บ้าง

 

 

ขอบคุณภาพ และแหล่งข้อมูลจาก

https://mtg.gamepedia.com

https://scryfall.com/

Youtube Channel : The ManaSource